เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 270

คนที่อยู่ภายในห้องสะดุ้งตกใจกันเป็นอย่างมาก

สื่อมามายิ่งแล้วใหญ่ไม่รอให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอ่ยปากก็ก้าวออกไปจับฮูหยินใหญ่เวิ่นเอาไว้ “นี่ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ มีเรื่องอะไรที่พูดกันดีๆ ไม่ได้หรือ ฮูหยินผู้เฒ่าอายุมากแล้ว ไม่อาจทานทนต่อเรื่องโศกหรือขุ่นเคืองใจใหญ่ๆ ได้แล้ว เชิญฮูหยินใหญ่เวิ่นลุกขึ้นมาคุยกันดีๆ เถิดเจ้าค่ะ”

คำพูดของนางสุภาพ ทว่าดวงตาที่หันไปส่งสายตาให้สาวใช้ที่อยู่รอบๆ ครั้งหนึ่งนั้นมีแววดูถูกสายหนึ่งวาบผ่าน

ปี้อวี้และคนอื่นๆ ได้สติคืนกลับมา หมาเหน่าไปเรียกบ่าวหญิงรูปร่างแข็งแรงกำยำหลายคนเข้ามา ส่วนปี้อวี้และอีกหลายคนต่างก้าวออกไปช่วยกันทั้งดึงทั้งเหวี่ยงเพื่อลากตัวตัวฮูหยินใหญ่เวิ่นให้ลุกขึ้นมา

สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่ากัวถึงได้ดูดีขึ้นมาเล็กน้อย

โจวเสาจิ่นรีบประคองฮูหยินผู้เฒ่ากัวไปนั่งลงบนตั่งหลัวฮั่นที่อยู่ข้างๆ

ส่วนสื่อมามาหลอกล่อฮูหยินใหญ่เวิ่นไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องข้าง ส่วนป้ารับใช้ที่ประคองฮูหยินใหญ่เวิ่นเข้ามาผู้นั้นกลับถูกทิ้งเอาไว้ในห้อง

“ตกลงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวถามป้าผู้นั้นด้วยสีหน้าเคร่ง

ป้าผู้นั้นตกใจกลัวจนตัวสั่นไม่หยุด กล่าวอึกๆ อักๆ ว่า “คนทางโน้นให้กำเนิดบุตรชายผู้หนึ่ง นายท่านใหญ่ของพวกข้าไม่อยู่บ้านเลยทั้งวัน ฮูหยินใหญ่จึงคิดว่าอยากจะหาภรรยาให้คุณชายนั่วให้เร็วขึ้น ดูไปดูมา ก็ไปถูกใจหลานสาวผู้หนึ่งจากตระกูลของตัวเอง ทั้งสองตระกูลต่างเชิญแม่สื่อมาแล้ว เหลือเพียงรอเลือกฤกษ์ดีสักวันหนึ่งได้แล้วก็จะไปพูดเรื่องสู่ขอ แต่ไม่รู้ว่าผู้ใดเอาเรื่องนี้ไปบอกนายท่านใหญ่ นายท่านใหญ่จึงวิ่งมาดุด่าฮูหยินใหญ่ถึงเรือนหลัก…” ขณะที่เล่าอยู่นั้น ก็มองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอย่างระมัดระวังครั้งหนึ่ง เมื่อเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวยังคงฟังด้วยสีหน้านิ่งเฉยโดยตลอด ถึงได้กล่าวต่อว่า “ฮูหยินใหญ่กับนายท่านใหญ่จึงมีปากเสียงกันขึ้นมา นายท่านใหญ่พลันอารมณ์เดือดสูงขึ้น ดึงดาบที่แขวนอยู่บนผนังลงมาต้องการจะฆ่าฮูหยินใหญ่…ฮูหยินใหญ่ไม่มีทางเลือก จึงวิ่งหนีมาหาท่านที่นี่ หวังให้ท่านช่วยเป็นหลักยึดให้ฮูหยินใหญ่ ช่วยรักษาชีวิตให้นางเจ้าค่ะ…”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวฟังแล้ว เม้มปากอย่างอดรนทนไม่ได้ กล่าวขึ้นอย่างเหนื่อยล้าเล็กน้อยว่า “พวกเขาสามีภรรยาทะเลาะกัน เจ้าถึงกับพาหลานสะใภ้เวิ่นวิ่งมาหาข้าถึงที่นี่ได้ แสดงว่าคงเป็นคนข้างกายของหลานสะใภ้เวิ่นกระมัง เจ้าไม่เกลี้ยกล่อมโน้มน้าวฮูหยินใหญ่และนายท่านใหญ่ของพวกเจ้าก็แล้วไปเถิด แต่มาเจอข้าแล้วก็ยังเอาแต่พูดจาไร้สาระ เจ้าคงคิดว่าที่นี่เป็นสวนผักกระมัง ที่อยากมาก็มา อยากไปก็ไป อยากพูดอะไรก็พูด อยากส่งเสียงโวยวายก็กระทำได้ใช่หรือไม่ สื่อมามา เจ้าเอาตัวป้าผู้นี้ไปโบยสามสิบครั้งแล้วค่อยมาสอบถามใหม่!”

สื่อมามาขานรับคำอย่างนอบน้อมว่า “เจ้าค่ะ”

ป้าผู้นั้นตัวสั่นไปทั้งร่าง คุกเข่าอยู่กับพื้นพร้อมกับโขกศีรษะลงพื้นเสียงดัง กึกๆๆ โขกศีรษะไปด้วย กล่าวไปด้วยว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า บ่าวไม่กล้าพูดเจ้าค่ะ! บ่าวเป็นเพียงผู้น้อยผู้หนึ่ง จะกล้าตำหนิเรื่องของฮูหยินกับนายท่านได้อย่างไรเจ้าคะ!”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่ได้กล่าวอะไร

สื่อมามายิ้มเย็นพลางกล่าว “ตำหนิหรือ เจ้ารู้ด้วยหรือว่าเป็นการตำหนิ! เหตุใดเจ้าจะไม่กล้าตำหนิผู้อื่นต่อหน้า ในเมื่ออยู่ต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าของพวกข้ายังกล้าเลย ฮูหยินผู้เฒ่าของพวกข้าเป็นผู้ใด ใช่คนที่คนหูตาไร้แววจิตใจชั่วช้าอย่างพวกเจ้าจะมาหลอกลวงได้หรือ!”

ขณะที่นางกล่าว ป้ารับใช้ร่างกำยำหลายคนก็เข้ามาจับตัวป้าผู้นั้นเอาไว้

ป้าผู้นั้นตกใจร้องโหวกเหวกเสียงดัง กล่าวขึ้นว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าๆ ท่านได้โปรดเมตตาข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ! เป็นนายท่านใหญ่ นายท่านใหญ่ที่ถูกใจหลานสาวของอนุข้างนอกผู้นั้น บอกว่าต้องการให้หมั้นหมายกับคุณชายใหญ่นั่ว ฮูหยินใหญ่ของพวกข้าจะยอมอนุญาตได้อย่างไร ก็เลยมีปากเสียงขึ้นมาเจ้าค่ะ…”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหลับตาลง ด้วยท่าทางไม่อยากฟังนางพูดจาไร้สาระอีก

ป้ารับใช้ร่างกำยำสองสามคนนั้นเอาตัวนางออกไปโบยด้านนอก

นางตะโกนร้องขอความเมตตา ยังหันไปตะโกนร้องกับโจวเสาจิ่นด้วยว่า “คุณหนูรอง ได้โปรดช่วยพูดแทนป้าแก่ๆ สักประโยค ข้าจะจดจำบุญคุณของท่านไปตลอดชีวิตเจ้าค่ะ!”

เพียงยืนอยู่ข้างๆ ก็ยังถูกลากลงน้ำไปด้วยอีก

นี่ถือเป็นความโชคร้ายที่ตกลงมาจากสวรรค์ใช่หรือไม่

โจวเสาจิ่นไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรดีแล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่แต่เดิมเพียงมีสีหน้าไม่น่าดูเล็กน้อยนั้นบัดนี้กลับเดือดดาลราวฟ้าผ่า หนึ่งฝ่ามือตบลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ข้างๆ เอ็ดตะโรขึ้นว่า “ข้าก็ว่าจวนห้าที่ยังดีๆ อยู่เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ ที่แท้ก็เป็นเพราะมีบ่าวแก่ๆ อย่างพวกเจ้าคอยยุแยงสร้างเรื่องวุ่นวายอยู่นี่เอง คุณหนูยืนอยู่ตรงนั้นดีๆ ก็เป็นพวกเจ้าที่ร้องโหวกเหวกโวยวายเสียงดัง อุดปากนางให้เงียบลงเสีย โบยสามสิบทีแล้วเรียกคนจากนายหน้าเข้ามาแล้วขายนางทิ้งไปเสีย”

คนที่อยู่ภายในห้องต่างตกใจกลัวจนหน้าถอดสี รวมถึงโจวเสาจิ่นด้วย

ที่ผ่านมานางไม่เคยเห็นฮูหยินผู้เฒ่าโมโหหนักขนาดนี้มาก่อน

ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวราวกับยังไม่หายจากความโกรธ กล่าวขึ้นว่า “หากมีกิ่งไม้หรือใบไม้เล็ดลอดออกไปแม้แต่นิดเดียว ก็ให้ขายทิ้งให้หมด”

ตระกูลเฉิงเป็นตระกูลที่มีเมตตากรุณา มิใช่ประเภทที่พอเจ้านายไม่พอใจก็เรียกผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาไปตีหรือขายทิ้ง

เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธเกรี้ยวมากจริงๆ

เสื้อแขนกุดตัวในของสื่อมามาชุ่มไปด้วยเหงื่อ ขานรับคำว่า “เจ้าค่ะ” อย่างเกรงกลัว ทว่าฮูหยินใหญ่เวิ่นกลับพุ่งออกมาจากห้องข้างที่อยู่ข้างๆ ด้วยหัวกระเซอะกระเซิง

“ท่านป้าสะใภ้ใหญ่เจ้าคะ ท่านป้าสะใภ้ใหญ่” นางพูดขณะที่จะลงไปคุกเข่าให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัว ปี้อวี้และคนอื่นๆ ที่เพิ่งผ่านเรื่องเมื่อครู่มาจึงมีประสบการณ์แล้ว ไม่รอให้นางได้คุกเข่าลงไปก็จับตัวฮูหยินใหญ่เวิ่นเอาไว้แน่นซ้ายคนขวาคน ฮูหยินใหญ่เวิ่นเองก็ไม่อาจใส่ใจเรื่องพวกนี้อีก ร้องไห้พลางกล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่า “ท่านเมตตานางด้วยเถิดนะเจ้าคะ! ตลอดหลายปีมานี้ หากมิใช่เพราะมีบ่าวเก่าแก่เหล่านี้อยู่เป็นเพื่อนข้า ข้าคงจะโมโหตายเพราะนายท่านใหญ่ไปแล้ว! ที่นางไม่พูด นั่นก็เพราะเห็นแก่หน้าข้า…” สายตาของนางตกไปอยู่บนร่างของโจวเสาจิ่น “หากนางพูดอะไรผิดไป ข้าขอโทษท่านแทนนางด้วยนะเจ้าคะ” แล้วก็เอ่ยเสียงนุ่มขึ้นอย่างขอร้องวิงวอนว่า “เสาจิ่น เห็นแก่ที่เจ้ามาอาศัยอยู่ที่ซอยจิ่วหรูมาตั้งแต่เล็กๆ ช่วยป้าใหญ่เวิ่นขอความเมตตาสักครั้งหนึ่งได้หรือไม่”

เหตุใดเรื่องนี้ถึงวนกลับมาที่ตัวนางอีกแล้ว

โจวเสาจิ่นปากอ้าตาค้าง

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวลุกขึ้นมาร้อง “เพ้ย” ใส่ฮูหยินใหญ่เวิ่นครั้งหนึ่ง กล่าวเสียงเข้มว่า “เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก! ที่จวนห้าวุ่นวายจนกลายเป็นเช่นนี้ ล้วนเป็นเพราะเจ้าสร้างมันขึ้นมาทั้งนั้น…”

ฮูหยินใหญ่เวิ่นไม่กล้าแบกรับความผิดเช่นนี้ได้ ไม่รอให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้กล่าวจนจบ นางก็ร้องไห้ออกมา “ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ท่านไม่ช่วยข้าก็ช่างมันเถิด แต่ยังผลักความผิดนี้มากองบนตัวข้าอีก ข้า…ข้า…ข้าตายๆ ไปเสียก็แล้วกัน!” กล่าวจบ ก็หันไปจะวิ่งเข้าไปชนเสาที่อยู่ข้างๆ

ตอนที่ 270 ทะเลาะวิวาท 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน