เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 274

เฉิงฉือลูบหน้าผากอย่างอดไม่ได้

ช่างสมกับเป็นเด็กน้อยจริงๆ พูดถึงลมกลับกลายเป็นฝนไปเสียได้

อย่างไรก็ตาม ดูจากสภาพของนางคงจะเริ่มปลูกดอกไม้แล้ว คาดว่าการใช้ชีวิตอยู่ที่เรือนฝูชุ่ยคงไม่แย่นัก

เฉิงฉือวางใจลง สั่งการซางมามาว่า “คุณหนูรองมา เจ้าให้คนทำของว่างสักสองสามอย่างยกไปให้ด้วย”

ซางมามาขานรับคำยิ้มๆ

เฉิงฉือกลับห้องหนังสือ ไปจัดการเรื่องของตัวเอง

โจวเสาจิ่นเลี้ยวหนึ่งครั้งเข้าไปยังที่ที่จี๋อิ๋งและคนอื่นๆ พักอาศัยอยู่ รอบๆ ทั้งสี่ด้านจึงเงียบเชียบขึ้นมา

นางเข้าไปในห้องที่จี๋อิ๋งพักอยู่ได้อย่างง่ายดาย

สาวใช้เด็กสองคนกำลังปรนนิบัติจี๋อิ๋งล้างหน้าล้างตาและแต่งตัวอยู่ แต่สีหน้าของนางดูซีดเซียวเล็กน้อย

การเดินทางไปข้างนอกเป็นเรื่องที่ลำบากไม่น้อย

โจวเสาจิ่นลอบยิ้มแหยอย่างอดไม่ได้ รู้สึกว่าตัวเองมาได้ไม่ถูกเวลานัก น่าจะรอให้จี๋อิ๋งได้พักผ่อนครู่หนึ่งก่อนแล้วค่อยมาเจอนาง

ถึงว่าเมื่อครู่ท่านน้าฉือไม่รั้งนางให้อยู่ดื่มน้ำชา

ท่านน้าฉือยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลยด้วยซ้ำ!

เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วหัวใจของนางก็มีความยินดีปะทุขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก

แต่จี๋อิ๋งเห็นนางแล้ว หมุนตัวมายิ้มๆ กล่าวขึ้นว่า “ฝ่ายข่าวของเจ้าช่างรวดเร็วยิ่งนัก ข้าเพิ่งจะกลับมาเจ้าก็ทราบข่าวแล้ว ดูแล้วฮูหยินผู้เฒ่าคงดีกับเจ้าไม่น้อย”

โจวเสาจิ่นไม่เข้าใจไปชั่วขณะ

จี๋อิ๋งหัวเราะคิก กล่าวขึ้นว่า “คนโง่ช่างมีความสุขของคนโง่จริงๆ” จากนั้นกล่าวอธิบายว่า “นายท่านสี่กับฮูหยินผู้เฒ่ากัวนั้นคล้ายกัน ไม่ชอบให้คนไปสืบสอดเรื่องของพวกเขาเป็นที่สุด ฉะนั้นพอพวกข้าย้ายเข้ามาอยู่ที่เรือนหานปี้ซานจึงไม่กล้าไปเกะกะมือเท้าของผู้ใดนัก แต่เจ้ากลับเข้าออกได้ตามอำเภอใจ ในส่วนของนายท่านสี่นั้นข้าไม่แน่ใจนัก แต่ฮูหยินผู้เฒ่าต้องปฏิบัติกับเจ้าแบบลืมตาข้างปิดตาข้างเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นเจ้าไหนเลยจะวิ่งพล่านไปทั่วทุกที่เช่นนี้ได้!”

โจวเสาจิ่นหัวเราะฮ่า

จี๋อิ๋งจึงเชิญนางนั่งลงบนตั่งหลัวฮั่นที่อยู่ข้างๆ

โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “อีกประเดี๋ยวข้าค่อยมาใหม่ก็แล้วกัน! เจ้าพักผ่อนเถิด ข้าดูแล้วเจ้าดูไม่ค่อยสดชื่นนัก”

จี๋อิ๋งยิ้มพลางนั่งลงตรงหน้านาง กล่าวขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ให้ข้าไปนอนตอนนี้ข้าก็นอนไม่หลับ เจ้ามาได้จังหวะพอดี มาคุยเป็นเพื่อนข้าเถอะ”

เสียงของนางเพิ่งจะสิ้นสุดลง สาวใช้เด็กก็ยกของว่างและน้ำชาเข้ามา

จี๋อิ๋งช่วยยกจอกชาและของว่างไปวางลงตรงหน้าโจวเสาจิ่น

โจวเสาจิ่นเห็นมือขวาของนางลู่ต่ำลง ใช้เพียงมือข้างซ้ายเท่านั้น ใจพลันกระตุก กล่าวขึ้นว่า “มือขวาของเจ้า…”

“ไม่เป็นไร” จี๋อิ๋งกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “ถูกกระแทกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

โจวเสาจิ่นไม่เชื่อ เอ่ยขึ้นว่า “ข้าขอดูหน่อย!”

จี๋อิ๋งไม่ยอม กล่าวยิ้มๆ ว่า “เมื่อครู่ท่านหมอเพิ่งจะพันเสร็จ หากเจ้าเปิดดู ข้าก็ต้องไปหาท่านหมออีก ช่างมันเถิด เพียงบาดเจ็บตรงผิวหนังเล็กน้อยเท่านั้น รักษาสองวันก็หายแล้ว”

“จริงหรือ” โจวเสาจิ่นถาม ย่นคิ้วเข้าหากัน

จี๋อิ๋งมองแล้วประหลาดใจ รู้สึกว่าท่าทางนี้ดูคุ้นตายิ่งนัก กล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “นี่เจ้าหมายความว่าอะไร คิดว่าข้าโกหกเจ้าอย่างนั้นหรือ” จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเสีย กล่าวขึ้นว่า “เจ้าคอยจับตาดูข้า พอข้ากลับมาก็มาหาแล้วเช่นนี้ คงอยากจะถามเรื่องของเฉิงอี้กระมัง”

โจวเสาจิ่นหน้าแดง

จริงด้วย นางลืมเรื่องสำคัญขนาดนี้ไปได้อย่างไร

ก่อนหน้านี้มิใช่ว่านางอยากให้จี๋อิ๋งกลับมาเร็วๆ มาโดยตลอดหรอกหรือ ยังบอกว่าอยากเกลี้ยกล่อมจี๋อิ๋งสักหน่อยอีกด้วย…ปรากฏว่าพอเจอจี๋อิ๋งกลับอยากถามเพียงว่าตกลงช่วงนี้นางไปไหนมา แล้วทำอะไรมาบ้างเท่านั้น…

นางรีบปรับความคิด กล่าวขึ้นว่า “ตกลงวันนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ เหตุใดเจ้าถึงระงับความโกรธไม่ได้ขนาดนั้น”

ดูเหมือนว่าจนถึงตอนนี้จี๋อิ๋งก็ยังขุ่นเคืองอยู่ ดังนั้นพอโจวเสาจิ่นถามขึ้นความโกรธของนางก็ปะทุขึ้นมา โกรธจนคิ้วโก่งโค้งตั้งตรง กล่าวขึ้นว่า “พี่ชายอี้ของเจ้าผู้นั้นช่างเป็นคนที่ใช้ไม่ได้! ตอนพบกันเขาถามข้าว่าต่อไปไปรับใช้เขาได้หรือไม่ น้าฉือของเจ้าผู้นี้เป็นคนไม่เลวเลย ข้ายังคิดเลยว่าการศึกษาของตระกูลเฉิงช่างดียิ่ง ชั่วขณะนั้นจึงไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น ยังพูดกับเขาดีๆ ว่า ข้ารับใช้น้าฉือของเจ้าแล้ว ไม่อาจไปรับใช้เขาได้อีก เจตนาดีของเขาข้ารับรู้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดออกมาว่า ข้ารู้ว่าให้เจ้ามารับใช้ข้าออกจะทำให้เจ้าลำบากใจอยู่บ้าง แต่ข้าชอบเจ้าจริงๆ ถึงแม้ตระกูลของพวกข้าจะมีกฎว่าหากอายุสี่สิบแล้วยังไม่มีบุตรชายถึงจะรับอนุภรรยาได้ แต่มิใช่ว่าท่านอาเวิ่นยังเลี้ยงสตรีผู้หนึ่งไว้ข้างนอก โดยที่คนในบ้านก็ไม่กล้าทำอะไรเขาหรอกหรือ ถ้าเจ้าตกลง ข้าจะไปขอเจ้ากับท่านอาสี่ฉือ เอาสัญญาซื้อขายคืนให้เจ้า สร้างบ้านข้างนอกให้เจ้าหลังหนึ่ง แล้วซื้อบ่าวรับใช้ไปรับใช้เจ้าสักสองสามคน ก็ดีกว่าให้เจ้าต้องเห็นหน้าท่านอาสี่ฉืออยู่ที่นี่…เจ้าว่าข้าจะทนได้อย่างไร ตอนนั้นเพียงครั้งเดียวข้าก็ถีบเขาไปกองอยู่บนพื้นแล้ว…”

โจวเสาจิ่นอยากให้มีแผ่นดินแยกออกให้นางได้เอาศีรษะของตัวเองมุดลงไปยิ่ง

พี่ชายอี้…เขายังจะโง่เขลาได้มากกว่านี้อีกหรือไม่!

แต่สิ่งที่ทำให้นางเป็นกังวลกลับเป็นความหมายที่เผยออกมาจากคำพูดของเฉิงอี้นั้น ที่บอกว่า แต่มิใช่ว่าท่านอาเวิ่นยังเลี้ยงสตรีผู้หนึ่งไว้ข้างนอก โดยที่คนในบ้านก็ไม่กล้าทำอะไรเขาหรอกหรือ ถ้าหากต่อไปคนตระกูลเฉิงล้วนคิดกันเช่นนี้ มีแบบอย่างให้ลอกเลียน เช่นนั้นตระกูลนี้จะไม่กลายเป็นก้อนเส้นด้ายที่พันกันจนยุ่งเหยิงไปหรอกหรือ!

สีหน้าของนางเคร่งขรึมขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ กล่าวขึ้นว่า “ข้าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านยายของข้า”

จี๋อิ๋งเห็นนางเป็นเช่นนี้แล้วกลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวขึ้นว่า “ข้าตีคนไปแล้ว ท่านยายของเจ้าก็ไม่ได้ว่าอะไร เจ้าอย่าไปกวนน้ำให้ขุ่นเลย ไม่ว่าจะพูดอย่างไร พี่ชายอี้ของเจ้าก็เป็นหลานชายแท้ๆ ของท่านยายเจ้า มีคนเป็นย่าที่ไหนบ้างที่หลานชายแท้ๆ ของตัวเองถูกคนตีแล้วจะไม่ปวดใจ ท่านยายของเจ้าเป็นเช่นนี้ได้ ก็นับว่าเป็นคนมีเหตุผลมากแล้ว!”

โจวเสาจิ่นคิด เกรงว่าเรื่องนี้คงต้องไปพูดกับท่านน้าฉือหรือไม่ก็ฮูหยินผู้เฒ่ากัว พวกเขาจะได้ทราบว่าสิ่งที่ตนเป็นกังวลนั้นคืออะไร จึงไม่พูดเรื่องนี้ต่อ กล่าวขอโทษนางแทนเฉิงอี้ ปลอบโยนจี๋อิ๋งไปหลายประโยค จากนั้นถามถึงเรื่องที่นางออกเดินทางไปข้างนอกขึ้นมา “…ไปที่ไหนมาบ้าง ข้าดูแล้วระยะเวลาออกจากบ้านของเจ้าในครั้งนี้ยาวนานยิ่งนัก ดูเหมือนจะออกไปก่อนท่านน้าฉืออีก หลังจากนั้นพวกเจ้าได้อยู่ด้วยกันหรือไม่”

จี๋อิ๋งกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้ากับน้าฉือของเจ้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน น้าฉือของเจ้าไปซานตง ส่วนข้ากลับไปที่บ้านครั้งหนึ่ง จากนั้นกลับมาที่นี่พร้อมกัน”

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือจี๋อิ๋งไม่รู้ว่าท่านน้าฉือออกไปทำอะไรมาบ้าง

โจวเสาจิ่นผิดหวังเล็กน้อย แต่ยังคงถามขึ้นว่า “แล้วท่านน้าฉือไปทำอะไรที่ซานตงหรือ”

ตอนที่ 274 จัดเตรียม 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน