เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 336

เฉิงสวี่ขวางโจวเสาจิ่นเอาไว้ รีบกล่าวขึ้นว่า “อย่า…เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้เลย!”

โจวเสาจิ่นทำหน้าเย็นชา กล่าวขึ้นว่า “พี่ชายสวี่เป็นคนมียศมีตำแหน่งแล้ว ถึงแม้จะยังไม่ได้เข้าพิธีสวมกวาน[1] ทว่าก็มีชื่อเรียกอย่างสุภาพเป็นของตัวเอง ระมัดระวังรอบคอบ ผู้อาวุโสในบ้านล้วนให้ความเคารพ ข้าเองก็เคารพพี่ชายสวี่ในฐานสุภาพบุรุษผู้มีเกียรติ อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายน้องสาวกัน เวลาพบหน้าถึงได้ทำความเคารพ แต่พี่ชายสวี่กลับมองข้าเป็นดั่งสตรีต่ำต้อย มาขวางทางข้าบนถนนตามอำเภอใจ ข้าไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้พี่ชายสวี่เข้าใจผิด แล้วก็ไม่คิดจะแก้ต่างให้ตัวเองด้วย หวังเพียงว่าต่อไปพี่ชายสวี่จะไม่ขวางทางข้าอีก มีเรื่องอะไร ก็ให้พูดต่อหน้าผู้ใหญ่ ข้าเป็นคนที่อายุน้อยกว่าผู้นั้น ย่อมต้องทำทุกอย่างอย่างสุดกำลังที่มี”

นางกล่าวเตือนสติ ทำให้เฉิงสวี่หน้าแดงก่ำ รู้สึกละอายที่จะเอ่ยคำพูดที่อยู่ตรงริมฝีปากนั้นออกมา

นี่เป็นสิ่งที่โจวเสาจิ่นต้องการ

นางยอบกายทำความเคารพ ส่งสัญญาณให้ชุนหว่าน ทั้งสองคนเดินตามกันไปด้านหน้าคนหนึ่งด้านหลังคนหนึ่งออกจากสถานที่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาและข่าวลือนี้ไป

เฉิงสวี่มีอาการร้อนรน!

ถึงแม้จะกล่าวว่าอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ทว่ายากนักที่เฉิงสวี่จะได้เจอโจวเสาจิ่น อีกทั้งตอนนี้ท่านอาสี่ก็ทราบแล้วว่าเขาพึงใจโจวเสาจิ่น จะต้องไม่ยอมให้เขาเข้าออกเรือนหานปี้ซานตามอำเภอใจมากยิ่งขึ้นเป็นแน่

“เจ้ารอก่อนๆ!” เขาไล่ตามไป กล่าวขึ้นอย่างรีบร้อนและไม่สนใจอะไรว่า “เสาจิ่น ข้าชอบเจ้า ข้าอยากสู่ขอเจ้ามาเป็นภรรยา!”

แม้แต่ในความฝันโจวเสาจิ่นก็ไม่คาดคิดว่าเฉิงสวี่จะกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมาต่อหน้าตน นอกจากนี้ยังพูดต่อหน้าชุนหว่าน ฮวนสี่และคนอื่นๆ อีกด้วย

ชั่วขณะนั้นนางอับอายจนอยากจะขุดหลุมมุดหน้าลงไปยิ่งนัก

แต่หลังจากที่เฉิงสวี่ได้พูดสิ่งที่เขาครุ่นคิดอยู่ในใจซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งนั้นออกไปแล้ว ก็ราวกับได้ปลดเอาหินก้อนใหญ่ที่แบกเอาไว้ลงมาเสียที รู้สึกเบาสบายไปทั้งร่าง คำพูดคำจาก็ค่อยๆ ลื่นไหลและเป็นระบบระเบียบขึ้น “เสาจิ่น ข้าไม่ได้เพ้อเจ้อหรือเลอะเลือน ข้าทำข้อตกลงกับท่านแม่ของข้าเอาไว้ หากข้าสอบได้เจี้ยหยวน นางตกลงจะช่วยไปสู่ขอเจ้าให้ข้า…ที่ผ่านมาข้าไม่เคยทุ่มเทอ่านตำราอย่างหนักเหมือนการสอบครั้งนี้มาก่อน นอกจากนี้ท่านพ่อของข้ายังหาทางไปเอาความเรียงและงานเขียนต่างๆ ของหัวหน้าผู้คุมสอบหลายท่านมาให้อีกด้วย…ระหว่างนี้เจ้าอย่าเพิ่งไปหมั้นหมายกับผู้ใด รอข้าสักสองสามวันก่อน หากข้าทำไม่ได้ จะไม่มารบกวนน้องสาวอีก แต่ถ้าหากข้าโชคดีสอบผ่าน…หวังเป็นอย่างยิ่งว่าน้องสาวจะให้โอกาสข้าสักครั้ง…”

โจวเสาจิ่นโกรธจนตัวสั่นไปทั้งร่าง ค่อนแคะอยู่ในใจอย่างอดไม่ได้ว่า นี่ขนาดเจ้ายังไม่ได้ตำแหน่งเจี้ยหยวน ก็กล้ามาพูดกับข้าเช่นนี้แล้ว หากเจ้าได้ตำแหน่งเจียหยวนแล้ว หยวนซื่อไม่เห็นด้วยกับการหมั้นหมายในครั้งนี้ เนื่องจากตระกูลเฉิงและตระกูลหมิ่นทั้งสองตระกูลได้คุยเรื่องหมั้นหมายกันแล้ว ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ยังจะยืนกรานต่อไป โดยไม่สนความเป็นความตายของนางเลยอย่างนั้นหรือ

นางหมุนตัวกลับไป เดิมทีตั้งใจจะพูดประโยคหนึ่งว่า “เรื่องแต่งงานของบุตรชายบุตรสาวนั้น มีบิดามารดาของตัวเองเป็นผู้ตัดสินใจให้” แต่เมื่อเห็นสายตาระยิบระยับของเขาที่จับจ้องมองตนนั้นแล้ว ก็พลันเปลี่ยนความคิดในทันใด

สีหน้าของเฉิงสวี่ดูมั่นใจมาก ราวกับว่าขอเพียงเขาพูดออกมา ตนก็จะยอมแต่งกับเขาอย่างแน่นอนก็ไม่ปาน

ชาติก่อน เป็นเพราะเขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ดังนั้นตอนที่เขากำลังกระทำย่ำยีนางนั้นถึงได้เอาแต่ตะโกนเรียกชื่อนางและบอกว่าจะแต่งงานกับนางไม่หยุด?

ประหนึ่งเปลวไฟปะทะกับสายลม ส่งเสียงดังพรึ่บมอดไหม้อยู่ในใจของนาง

นางกล่าวเสียงเรียบว่า “เฉิงเจียซ่าน ท่านคิดว่าเพียงแค่สตรีผู้หนึ่งได้ยินว่าท่านอยากจะสู่ขอนาง นางก็จะอยากแต่งกับท่านอย่างยินดีเป็นล้นพ้นแล้วอย่างนั้นหรือ ในเมื่อท่านไม่ต้องการศักดิ์ศรี ข้าเองก็ไม่มีอะไรจะต้องอับอายเหมือนกัน พวกเราถือเอาโอกาสนี้มาคุยกันให้ชัดเจนไปเลยก็แล้วกัน ข้าไม่ชอบท่าน! และข้าก็ไม่คิดจะแต่งให้ท่านด้วย! ต่อจากนี้ไปรบกวนท่านอย่ามาพูดถ้อยคำเช่นนี้กับข้าอีก ในสายตาของผู้อื่น ถึงแม้ข้าอาจจะไม่ได้มีค่าสูงส่งเท่าพวกพี่สาวเจิง แต่ข้าก็มีบิดามารดาและพี่สาวที่รักข้าเป็นอย่างยิ่ง และข้าก็เป็นดังอัญมณีอันล้ำค่าในอุ้งมือของบิดามารดาและพี่สาวของข้าเช่นกัน บิดามารดาของข้าย่อมคัดเลือกสามีให้ข้าอย่างระมัดระวัง ให้ข้าได้ทำความรู้จักอย่างละเอียดจนแน่ชัดแล้วค่อยแต่งให้คนผู้นั้น ไม่มีทางจับข้าแต่งออกไปอย่างส่งเดชแน่นอน…” กล่าวถึงตรงนี้ นางนึกถึงความขมขื่นและความยากลำบากทั้งหมดที่ตนเคยได้รับในชาติก่อนขึ้นมา นัยน์ตาแดงก่ำขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์อะไร ชาติก่อนตอนที่อยู่ในถ้ำนั้น นางอ้อนวอนร้องขอความเมตตาจากเขาขนาดนั้นเขายังไม่ปล่อยตนไปเลย ตนยังจำเป็นจะต้องพูดอะไรกับเขาให้มากความอีกหรือ

โจวเสาจิ่นลดเสียงลงกล่าวขึ้นว่า “เฉิงเจียซ่าน ข้าไม่ชอบท่าน แล้วก็ไม่อยากจะเห็นหน้าท่านอีก ต่อไปหากข้าเจอท่านข้าจะหลีกทางให้ หวังว่าเวลาท่านเจอข้าก็จะทำเสมือนว่าไม่รู้จักกันเช่นกัน”

ณ จุดนี้เอาความขุ่นแค้นที่มีทั้งหมดวางลงเสีย

ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตที่แตกต่างไปจากชาติที่แล้ว

ให้เขาได้แต่งกับสตรีที่งามพร้อม อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิต

ส่วนนางจะเก็บคนผู้นั้นเอาไว้ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจ คอยมองเขาอย่างเชื่อฟังตามครรลองคลองธรรมไปตลอดชีวิต

โจวเสาจิ่นยกชายประโปรงขึ้นพร้อมกับวิ่งไปที่เรือนเจียซู่

ชุนหว่านถึงได้สติคืนกลับมาจากอาการตกตะลึง นางยอบกายทำความเคารพเฉิงสวี่อย่างลวกๆ แล้วรีบวิ่งตามไปอย่างรีบร้อน

เฉิงสวี่ยืนนิ่งเป็นไก่ไม้แกะสลักอยู่ตรงนั้น สีหน้าซีดเผือด ราวกับวิญญาณได้ออกจากร่างไปแล้ว ปล่อยให้กิ่งไม้ของต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ กวัดแกว่งอยู่บนร่างของตัวเอง

ฮวนสี่และต้าซูต่างหันหน้าหนี ไม่อาจทนมองตรงๆ ได้

***

ชุนหว่านเร่งตามมาทันจับโจวเสาจิ่นเอาไว้ก่อนที่โจวเสาจิ่นจะก้าวเข้าเรือนเจียซู่

นางมองโจวเสาจิ่นที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา รีบล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมายื่นส่งให้โจวเสาจิ่น

โจวเสาจิ่นวิ่งมาตลอดทาง ความขุ่นมัวในใจก็คลายลงเล็กน้อยแล้ว

นางเอ่ยขอบคุณเสียงหนึ่ง ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดใบหน้า ถามชุนหว่านเสียงอู้อี้ว่า “มองออกหรือไม่ว่าข้าร้องไห้มา”

ชุนหว่านกล่าวเสียงเบาว่า “ดวงตาแดงยิ่งนัก ข้าไปนั่งเป็นเพื่อนท่านตรงหินไท่หูสักครู่หนึ่งแล้วค่อยไปเรือนหานชิวดีหรือไม่เจ้าคะ”

ตรงภูเขาจำลองหินไท่หูทางด้านโน้นมีน้ำของทะเลสาบอยู่ ใช้ล้างหน้าได้

โจวเสาจิ่นพยักหน้า

ทั้งสองคนนั่งลงบนหินใต้ต้นตั๊กแตนต้นใหญ่ข้างหินไท่หู

โจวเสาจิ่นกล่าวขึ้นอย่างอับอายว่า “ให้เจ้าเห็นเรื่องตลกแล้ว!”

“มะ…ไม่เลยเจ้าค่ะ” ชุนหว่านหน้าแดง ลังเลอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นกระซิบถามโจวเสาจิ่นว่า “ท่าน…ท่านไม่…ไม่ชอบคุณชายใหญ่จริงๆ หรือเจ้าคะ เขาเป็นหลานที่เกิดจากฮูหยินใหญ่ของจวนหลัก อีกทั้งยังเป็นซิ่วไฉ…”

ในสายตาของผู้อื่น นางคงเป็นคนไม่รู้จักซาบซึ้งความเมตตาของผู้อื่นกระมัง

โจวเสาจิ่นรู้สึกหดหู่ใจ

ถ้าหากไม่เคยรู้จักท่านน้าฉือมาก่อน ถ้าหากไม่มีเรื่องของชาติที่แล้ว เกรงว่าก็คงยากที่นางจะปฏิเสธเฉิงสวี่ไปอย่างเด็ดเดี่ยวเช่นนั้นเหมือนกัน

นี่อาจจะเป็นโชคชะตา!

ต่อให้เป็นคนมาแล้วสองชาติภพ นางก็ไม่อาจแต่งให้เฉิงสวี่ได้!

โจวเสาจิ่นถอนหายใจเบาๆ ครั้งหนึ่ง เอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ข้าขอเพียงมีข้าวกินวันละสามมื้อก็พอ ต่อให้เขาดีเพียงไร ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า!”

ชุนหว่านยังคงรู้สึกเสียดายอยู่บ้างเล็กน้อย

แต่นางก็รู้สึกเช่นกันว่าเฉิงสวี่ไม่ให้เกียรติโจวเสาจิ่นเท่าที่ควร

ตอนที่ 336 สารภาพ 1

ตอนที่ 336 สารภาพ 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน