เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 36

ตอนที่ 36 แผน
เฉิงสวี่จึงคิดกับตัวเองว่าตนต้องขอโทษโจวเสาจิ่นสักครั้งถึงจะถูก

เขาลอบมองไปที่ด้านหลัง

ทว่ากลับเห็นโจวเสาจิ่นนั้นยังคงก้มหน้าก้มตาเดินตามอยู่ด้านหลังของเขาห่างๆ เช่นเดิม

อยู่ๆ เขาก็คิดเล่นๆ ขึ้นมาว่า นางเดินแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะหกล้มหรือไม่ หากว่านางหกล้มแล้ว ไม่รู้ว่านางจะเจ็บจนร้องไห้หรือจะแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นจากนั้นปีนขึ้นมาแล้วเดินต่อไปกันแน่…อย่างไรก็ตาม ด้วยนิสัยของนาง เกรงว่าจะแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นจากนั้นปีนขึ้นมาแล้วเดินต่อไปเสียมากกว่า…ถ้าตนวิ่งไปประคองนางในเวลานั้น ไม่รู้ว่านางจะผลักตนออกด้วยความอับอายและกรุ่นโกรธหรือไม่…ไม่รู้ว่าตอนที่นางโกรธนั้นจะมีท่าทางอย่างไร จะโกรธจนหน้าแดงจมูกแดง หรือว่าจะทำหน้าบึ้งแต่ก็เครือไปด้วยน้ำตากันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ล้วนแล้วแต่งดงามมากเป็นแน่

เฉิงสวี่ครุ่นคิด และหันกลับไปมองโจวเสาจิ่นครั้งหนึ่ง

โจวเสาจิ่นเพียงทำเสมือนกับว่าไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง ท่องอยู่ในใจไม่หยุดว่า ‘หาใช่กระจกที่สว่างสดใส ใยคนต้องกังวลโดยไม่จำเป็น’

เฝ่ยชุ่ยกลับสั่นเทิ้มด้วยความกลัว เสียใจจนอยากจะตบหูตัวเองทั้งสองข้าง

หากว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลโจวตามมาด้วยก็คงจะดี…ตอนนี้ตนควรจะทำอย่างไรดี?

ท่ามกลางความเงียบอย่างผิดปกตินั้น มีภูเขาเล็กลูกหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าสายตาของพวกนาง มีทางเดินหินคดเคี้ยวขึ้นไป ข้างทางเป็นชะง่อนผาขรุขระทรงแปลกประหลาด เถาวัลย์เขียวมรกตเป็นชั้นๆ ต้นไม้เขียวปกคลุมพระอาทิตย์เอาไว้ ดอกไม้ป่าสีขาวที่ไม่รู้จักชื่อกำลังเบ่งบานสูงๆ ต่ำๆ อยู่ทั่ว เป็นภูเขาที่น่าหลงใหลลูกหนึ่ง

เฉิงสวี่ชี้ไปที่ยอดเขา “ที่นั่นคือเรือนฉางชุน”

โจวเสาจิ่นมองเห็นชายคาสีเทาอยู่ลางๆ

นางหยุดเท้าลง ถามขึ้นว่า “เจ้าให้ต้าซูลงมาก็แล้วกัน!”

นี่เป็นครั้งแรกที่นางเปิดปากพูดกับเฉิงสวี่ก่อน น้ำเสียงนุ่มนวล ราวกับขนมรังไหม หวานไปถึงในใจของผู้คน

เฉิงสวี่ตะลึงงันอย่างช่วยไม่ได้

สีหน้าของโจวเสาจิ่นเคร่งขึ้นเล็กน้อย

สติของเฉิงสวี่กลับมา ชั่วครู่นั้นผิวหน้าก็ร้อนขึ้น รีบกล่าวขึ้นว่า “แจกัน ‘คนงามใต้จันทรา’ ใบนั้นเป็นราชวงศ์ก่อนที่พระราชทานให้กับตระกูลเฉิงของพวกเรา ในวันนี้ถึงแม้ว่าจะเปรียบไม่ได้กับเมื่อก่อนแล้ว แต่ที่มีเหลือรอดมาก็ไม่ถึงสองสามใบ จึงถือว่ามีค่ามาก ที่ตรงนี้ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง หากว่าทำแตกขึ้นมาจะทำอย่างไร ที่เรือนฉางชุนไม่เพียงมีโต๊ะและเก้าอี้ ยังมีอ่างน้ำทองแดง สบู่หอม และน้ำทั้งเย็นและร้อน” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาถึงเพิ่งเข้าใจว่าโจวเสาจิ่นกำลังกังวลอะไรอยู่ เขาเข้าใจได้ในทันใด จึงรีบกล่าวขึ้นว่า “ยังมีสาวใช้อีกสองคน” ยังกลัวว่าโจวเสาจิ่นจะไม่เชื่อ จึงกล่าวอีกว่า “นอกจากนี้ ยังมีเฝ่ยชุ่ยอีกคน?”

เฝ่ยชุ่ยที่ปรารถนาเพียงให้หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายนี้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงรีบกล่าวขึ้นว่า “จริงด้วยเจ้าค่ะคุณหนูรอง ข้าจะไปกับท่านตลอดทางเจ้าค่ะ”

อย่างไรก็ตาม ฮูหยินผู้เฒ่าก็ได้ลั่นวาจาเอาไว้แล้ว หากไม่สามารถเอาตราประทับชิ้นนั้นออกมาได้ เลวร้ายที่สุดก็ให้ทุบแจกันใบนั้นเสีย…ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้คุณหนูรองตระกูลโจวกลับไปที่ลานเปิดโล่งโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ทั้งสิ้นถึงจะถูก!

โจวเสาจิ่นครุ่นคิด จากนั้นยื่นมือไปที่เฝ่ยชุ่ย เอ่ยขึ้นว่า “ทางเดินกรวดหินนี้เดินไม่สะดวกนัก เจ้าช่วยจับข้าไว้หน่อยก็แล้วกัน”

เฝ่ยชุ่ยมองทางเดินกรวดหินที่เป็นระเบียบเรียบร้อยนั้นแล้วก็ประคองโจวเสาจิ่นไปเงียบๆ

โจวเสาจิ่นจึงมองไปที่เฉิงสวี่

เฉิงสวี่ถึงได้สติกลับมา กล่าวซ้ำๆ ขึ้นว่า “เจ้าตามข้ามา!” ก้าวเท้ายาวๆ ขึ้นไปบนทางเดินหิน

โจวเสาจิ่นและเฝ่ยชุ่ยเดินตามหลังของเขาไป

ตามความสูงของพื้นดินที่ลาดชันขึ้น ภูเขาที่ขึ้นๆ ลงๆ ศาลาที่สูงๆ ต่ำๆ และหลังคาเล็กใหญ่ต่างๆ ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าของนาง นางมองเห็นแม้กระทั่งร่างคนเล็กๆ ที่สวมชุดแดงบ้าง เขียวบ้าง อยู่บนระเบียงหมู่ตัน

นางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าซอยจิ่วหรูจะกว้างใหญ่ขนาดนี้

ลมยามเช้าปะทะเข้าที่หน้า ในตาเต็มไปด้วยสีเขียวมรกต โจวเสาจิ่นรู้สึกคลายกังวลและเบิกบานใจ ค่อยๆ รู้สึกผ่อนคลายลง ในดวงตามีรอยยิ้มน้อยๆ ทำให้ใบหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและงดงาม

เฉิงสวี่เห็นรอยยิ้มนั้นแล้วก็อดยิ้มขึ้นมาทั้งหน้าไม่ได้ เขาเอ่ยขึ้นว่า “น้องสาวรองตระกูลโจว ทิวทัศน์ของที่นี่ไม่เลวเลยใช่หรือไม่”

ในน้ำเสียงนั้นแฝงเอาไว้ด้วยคำประจบอย่างรู้สึกผิด

เฝ่ยชุ่ยทนไม่ได้มองตรงไป

โจวเสาจิ่นไม่ให้ความสนใจเช่นเดิม

เฉิงสวี่กลับพึงพอใจเป็นอย่างมาก

มองจากมุมของเขาแล้ว ถึงแม้ว่าโจวเสาจิ่นจะไม่พูดอะไรเลยมาโดยตลอด แต่สีหน้าที่เคร่งขรึมก่อนหน้า กับการแสดงออกในตอนนี้กลับเริ่มอ่อนลงมาแล้ว แสดงให้เห็นว่าคนผู้นี้ต้องการเวลาในการทำความรู้จักกัน เขาเพียงต้องอดทนและยืนหยัดพูดจาดีๆ ด้วย ถึงแม้ว่าโจวเสาจิ่นจะมีหัวใจดั่งหินผาก็คงมีวันที่แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนลงได้

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมา พูดคนเดียวต่อไปว่า “น้องสาวรองตระกูลโจว จริงๆ แล้วเจ้าควรจะออกมาเดินเล่นบ้างถึงจะถูก เมื่อก่อนตอนที่พี่สาวของข้ายังอยู่บ้าน ก็มาปีนเขาที่นี่บ่อยๆ เวลาที่เจ้าไม่มีอะไรทำก็สามารถชวนพี่สาวใหญ่ตระกูลโจวมาด้วยกันได้ จริงด้วย อีกไม่กี่วันตระกูลกู้จะจัดงานเลี้ยงบทกวี เจ้าอยากไปหรือไม่ ข้าให้น้องสาวตระกูลกู้ส่งบัตรเชิญมาให้เจ้าดีหรือไม่”

ตอนนี้โจวเสาจิ่นเข้าใจแล้วว่าคนที่ถูกเรียกว่าพี่ชายตระกูลกู้นั้นก็คือตระกูลของปรมาจารย์กู้ชิงหงผู้เป็นอาจารย์ของกัวหยวนเซิงบิดาของฮูหยินผู้เฒ่ากัว

เนื่องจากเฉิงสวี่เรียกคนจากตระกูลกู้ว่าพี่ชาย กล่าวได้ว่าตระกูลกู้กับตระกูลกัวนั้นสนิทนสนมกันยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้ตระกูลเฉิงกับตระกูลกู้ถึงกลายมาเป็นมิตรที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน แต่วันนี้ที่เป็นงานมหาวันเกิดของท่านผู้นำตระกูลจวนรอง ตระกูลกู้ต่างก็ส่งคนมาร่วมอวยพร แต่ทำไมถึงไม่มีสตรีจากตระกูลกัวออกมาร่วมด้วยเลย เป็นเพราะบ้านเดิมของฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่มีคนหรือว่าเป็นเพราะเหตุผลอื่นกันแน่นะ?

โจวเสาจิ่นฟุ้งซ่านอยู่ในห้วงความคิด รู้สึกหดหู่อยู่ในใจเล็กน้อย

เฉิงสวี่กับพี่ชายและน้องสาวตระกูลกู้สนิทสนมกันขนาดนี้ แล้วทำไมในชาติก่อนถึงไม่ให้ความสำคัญกับน้องสาวตระกูลกู้เลย? ทำไมถึงลากนางลงน้ำได้?

เฉิงสวี่เองก็รู้สึกหดหู่เช่นกัน

เมื่อกี้โจวเสาจิ่นยังร่าเริงมากอยู่เลย ทำไมผ่านไปเพียงพริบตาเดียวสีหน้าก็เคร่งขึ้นอีกแล้ว…ไม่รู้ว่าคำพูดประโยคไหนของตนทำให้นางไม่พอใจ…อารมณ์ของนางแปรปรวนเกินไปแล้ว!

เฉิงสวี่ลอบถอนหายใจ

โชคดีที่มาถึงเรือนฉางชุนแล้ว

กำแพงสีขาวขุ่น ประตูจันทราสีดำเปิดกว้าง สาวใช้ที่ยังอยู่ในวัยเด็กผู้หนึ่งยืนเขย่งเท้าเฝ้ามองอยู่ที่ด้านหน้าของประตูจันทรา

เมื่อเห็นพวกเขา สาวใช้ก็วิ่งเข้าไปอย่างยินดีทันที วิ่งไปด้วยและตะโกนไปด้วยว่า “คุณชายมาแล้วเจ้าค่ะ!”

ทันใดนั้นก็มีสาวใช้อายุประมาณสิบห้าสิบหกปีผู้หนึ่งออกมาต้อนรับ

นางสวมเสื้อกั๊กปี๋เจี่ยสีชมพูเงินลายพุ่มไม้เหริ่นตงสีเหลือง หน้าตาสวยงามและอ่อนหวาน

เพียงแค่มองโจวเสาจิ่นก็จำได้ว่านางคืออวี้หรูผู้เป็นสาวใช้ใหญ่ข้างกายของเฉิงสวี่

ไม่ใช่ ตอนนี้นางยังไม่ใช่สาวใช้ใหญ่ข้างกายของเฉิงสวี่ ตอนนี้คนที่เป็นสาวใช้ใหญ่ข้างกายของเฉิงสวี่คือปี้หรู จนกระทั่งปี้หรูได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระแล้ว อวี้หรูถึงได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นสาวใช้ใหญ่

นางคือคนที่เฉิงสวี่ไว้ใจ

ชาติก่อน เวลาที่ตนถูกหยวนซื่อลงโทษ อวี้หรูมักจะไปบอกให้เฉิงสวี่ทราบ จากนั้นเฉิงสวี่จะหาข้ออ้างมาหา ทำให้หยวนซื่อจำต้องปล่อยนางไป จนผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง หยวนซื่อก็จับได้ หากไม่ใช่ว่าได้เฉิงสวี่ช่วยเอาไว้ อวี้หรูเกือบจะโดนหยวนซื่อขายออกไปแล้ว

อารมณ์ความรู้สึกของโจวเสาจิ่นยุ่งเหยิงซับซ้อนขึ้น

ทว่าอวี้หรูกลับไม่รู้อะไรเลย ยิ้มร่าเริงพลางขยับออกไปทำความเคารพทั้งสามคน กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า “ของทุกอย่างเตรียมเอาไว้พร้อมหมดแล้ว เพียงรอให้คุณหนูรองมาลองดูว่าจะสามารถเอาของออกมาได้หรือไม่เท่านั้นเจ้าค่ะ”

ตอนที่ 36 แผน 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน