เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 361

โจวเสาจิ่นคิดๆ แล้วก็รู้สึกว่าช่างน่าขันนัก

ฝานหลิวซื่อที่ทำงานเย็บปักเป็นเพื่อนนางกลับพึมพำกล่าวขึ้นมาว่า “นี่ก็ถึงเทศกาลกินโจ๊กล่าปาแล้ว นายท่านสี่ยังไม่กลับไปฉลองปีใหม่อีกหรือ”

โจวเสาจิ่นถึงได้รู้สึกตัวว่าอีกยี่สิบกว่าวันก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว แต่เฉิงฉือกลับยังเตร็ดเตร่อยู่ที่นี่อย่างไม่รีบไม่ร้อนอยู่เลย!

นางใช้โอกาสตอนที่บิดาไปห้องทำงาน และเฉิงฉือฝึกคัดอักษรอยู่ที่เรือนรับรองแขกเพียงลำพังนั้นไปหาเฉิงฉือ

แต่ผู้ใดจะรู้ว่ายังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยปาก เฉิงฉือก็กล่าวยิ้มๆ ขึ้นมาก่อนว่า “เจ้ามาได้พอดียิ่ง หลายวันก่อนตระกูลฟ่านส่งเทียบเชิญมาให้บิดาของเจ้ากับข้า ประจวบเหมาะกับที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดขอบิดาของเจ้าพอดี พรุ่งนี้เจ้าก็ตามพวกข้าไปเป็นแขกที่ตระกูลฟ่านด้วยก็แล้วกัน!”

จะได้เจอจูจูด้วยพอดีเลย

แน่นอนว่าโจวเสาจิ่นย่อมดีใจอย่างลิงโลด นางเจื้อยแจ้วถามเฉิงฉือว่า “ฮูหยินไปด้วยหรือไม่ ข้าได้ยินมาว่าจูจูแต่งกับบุตรชายคนรอง ตระกูลฟ่านมีใครบ้าง ข้าควรจะเตรียมของขวัญอะไรไปดีเจ้าคะ”

เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “พรุ่งนี้มารดาของเจ้าก็ไปด้วย พวกของขวัญต่างๆ นั้นนางจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล หากเจ้ามีของอะไรที่อยากมอบให้จูจู ถึงเวลานั้นก็มอบให้นางเองก็ได้แล้ว ของที่มารดาของเจ้าส่งไปให้นี้เป็นรายการของขวัญที่กำหนดมาแล้ว” จากนั้นก็พูดถึงเรื่องญาติพี่น้องของตระกูลฟ่านขึ้นมา

จากที่กล่าวมาถึงแม้ตระกูลฟ่านจะมีเพียงสามจวน แต่ชีวิตนี้จูจูจะมีญาติลูกพี่ลูกน้องชายถึงยี่สิบสี่คน โจวเสาจิ่นได้แต่พูดไม่ออก เอ่ยขึ้นว่า “หากเป็นข้า เกรงว่าแค่จำนวนคนก็คงจะจำไม่หมดแล้วเจ้าค่ะ”

เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้ามิอาจเทียบเคียงได้หรอก”

พูดอย่างกับว่านางแย่มากก็ไม่ปาน

โจวเสาจิ่นยู่ปากเดินหนีไป

เฉิงฉือจึงหัวเราะไม่หยุด

วันหยุดของโจวเจิ้นวันนั้น โจวเสาจิ่นแต่งตัวอย่างตั้งใจ เสร็จแล้วก็เดินไปที่เรือนหลัก

ไม่ว่าจะเป็นโจวเจิ้นหรือหลี่ซื่อต่างดวงตาเป็นประกาย เอ่ยขึ้นว่า “วันนี้เสาจิ่นช่างงดงามยิ่งนัก”

โจวเสาจิ่นเม้มปากหัวเราะ เดินไปที่โรงจอดเกี้ยวพร้อมกัน

เฉิงฉือรออยู่ที่นั่นแล้ว

ด้านในเขาสวมชุดจื๋อตัวผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีเขียวไม้ไผ่ไร้ลวดลายตัวหนึ่ง ส่วนด้านนอกกลับคลุมเสื้อคลุมขนหมาไม้สีดำตัวหนึ่งอย่างง่ายๆ เท่านั้น เส้นผมสีดำขลับม้วนขึ้นเป็นมวยปักด้วยปิ่นไผ่อย่างง่ายๆ ดวงหน้าหล่อเหลา สีหน้าอบอุ่น ร่างหยกนั้นตั้งตรงผึ่งผาย ประหนึ่งต้นไผ่ตรง เป็นความหรูหราทว่าถ่อมตนของคุณชายจากตระกูลชั้นสูง ความองอาจอย่างทะนงตนนั้นล้วนปรากฏอยู่บนใบหน้า

ช่างสมกับเป็นคนของซอยจิ่วหรูจริงๆ!

โจวเจิ้นลอบพรูลมหายใจเบาๆ อยู่ในใจครั้งหนึ่ง

ทว่าหลี่ซื่อกลับกระซิบถามโจวเสาจิ่นว่า “นายท่านสี่ฉือสวมชุดผ้าฝ้ายไปตระกูลฟ่าน จะไม่เป็นอะไรหรือ”

โจวเสาจิ่นมองเฉิงฉือพร้อมกับกระซิบกล่าวกับมารดาเลี้ยงว่า “ท่านรอดูต่อไปก็พอ นอกเสียจากว่าตระกูลฟ่านจะไม่มีคนได้ร่ำเรียนหนังสือ ขอเพียงมีคนที่ได้ร่ำเรียนหนังสือสักคนหนึ่ง จะต้องปฏิบัติต่อท่านน้าฉืออย่างเคารพนบนอบแน่นอน”

หลี่ซื่อไปตระกูลฟ่านด้วยความเคลือบแคลงสงสัย

ตระกูลฟ่านตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองเป่าติ้ง ครอบคลุมอาณาบริเวณขนาดใหญ่ เมื่อเปรียบเทียบกับซอยจิ่วหรูแล้วก็ไม่ด้อยไปกว่ากันสักเท่าไร ทว่าเรือนต่างๆ กลับอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย ทั้งไม่เหมือนกับบ้านเรือนของเจียงหนานที่ติดน้ำมีทางเดินคดเคี้ยวเลี้ยวลดไปมาในสวน และไม่เหมือนกับบ้านของทางเหนือที่เรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย ดูราวกับว่าสร้างเรือนไปถึงตรงที่ใดก็ถึงตรงที่นั้นอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ

หลี่ซื่อบอกโจวเสาจิ่นว่า “ตระกูลฟ่านมีบุตรชายจำนวนมาก จำต้องสร้างเรือนไม่หยุดไม่หย่อน”

ถึงว่า!

โจวเสาจิ่นนึกถึงความใหญ่โตโอ่อ่าของจวนเหลียงกั๋วกง

ไม่รู้ว่าจูจูจะอยู่ที่นี่ได้คุ้นชินหรือไม่

ผู้นำตระกูลของตระกูลฟ่านมารอต้อนรับโจวเจิ้นอยู่ที่ประตูด้วยตัวเอง

โจวเสาจิ่นและคนอื่นๆ ถูกบ่าวรับใช้นำตรงไปที่ประตูชั้นใน

นางแอบเลิกผ้าม่านมองจากที่ไกลๆ ไปครั้งหนึ่ง รู้เพียงว่าผู้ที่มานำการต้อนรับของตระกูลฟ่านเป็นบุรุษร่างเล็กผู้หนึ่ง

เมื่อเข้าประตูชั้นในมาแล้ว ผู้ที่มานำการต้อนรับพวกนางคือฮูหยินใหญ่ของตระกูลฟ่าน

เมื่อโจวเสาจิ่นลงจากเกี้ยวก็เห็นจูจูที่ยืนอยู่ด้านหลังของฝูงคน

นางสวมชุดเพ่ยจื่อผ้าไหมหังโจวสีถั่วเขียวลายแจกันและกระโปรงจีบสีขาวธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง เก็บผมขึ้นเป็นมวยกลมอย่างสตรีออกเรือนแล้ว ประดับปิ่นปักผมทองเคลือบฝังไข่มุกใต้เพียงสองชิ้น นอกจากไข่มุกใต้ขนาดใหญ่เท่าเม็ดบัวบนปิ่นปักผมนั้นแล้ว นางก็ไม่แตกต่างจากสตรีออกเรือนแล้วที่อยู่รอบๆ ไม่ได้แต่งตัวเป็นพิเศษอะไรมาก ทว่าใบหน้าของนางกลับล้นปรี่ด้วยความงดงาม เฉิดฉายและเปล่งประกาย งดงามกว่าตอนอยู่ที่จวนเหลียงกั๋วกงเสียอีก แม้นจะยืนอยู่ด้านหลังสุด กลับทำให้คนแค่มองก็เห็นนางแล้ว

เมื่อสบประสานกับสายตาของโจวเสาจิ่น นางก็หันมาขยิบตาให้โจวเสาจิ่นครั้งหนึ่ง ดูปราดเปรื่องแก่นแก้วยิ่งนัก

พอจะมองออกว่า ชีวิตของนางที่ตระกูลฟ่านไม่เลวร้ายนัก

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้แต่งงานกับชายหนุ่มที่สมดังปรารถนาผู้หนึ่ง หรือเป็นเพราะตระกูลฟ่านปฏิบัติกับนางอย่างดีกันแน่

โจวเสาจิ่นครุ่นคิดอยู่ในใจ ก้าวออกไปทำความเคารพฮูหยินใหญ่ตระกูลฟ่าน

ฮูหยินใหญ่ตระกูลฟ่านมีรอยย่นที่ลึกมาก ทำให้นางดูค่อนข้างเคร่งครัดและเข้มงวด แต่เวลานี้ใบหน้านางกลับเผยรอยแย้มยิ้มออกมาให้เห็น พาหลี่ซื่อกับโจวเสาจิ่นไปนั่งในโถงรับแขกอย่างกระตือรือร้น กล่าวทักทายพวกนางอย่างเป็นมิตรว่า “…ได้ยินว่าคุณหนูรองมาจากเมืองจินหลิง ตอนนั้นข้ายังคิดอยู่ในใจว่า นี่ช่างบังเอิญยิ่งนัก สะใภ้รองของพวกข้าก็มาจากเมืองจินหลิงเช่นกัน จึงดึงสะใภ้รองมาสอบถาม คาดไม่ถึงว่าสะใภ้รองจะรู้จักคุณหนูรองด้วย” ขณะที่นางกล่าว สายตาก็เลื่อนตกไปอยู่ที่ร่างของจูจู

จูจูยิ้มพร้อมกับก้าวออกมาค้อมตัวให้โจวเสาจิ่น

โจวเสาจิ่นรีบลุกขึ้นมาทำความเคารพกลับ เปล่งเสียงหนึ่งว่า “พี่สาว” เอ่ยขึ้นว่า “พอข้าได้ยินว่าจะได้มาจวนฟ่าน เมื่อคืนจึงดีใจมากจนดึกดื่นค่อนคืนแล้วก็ยังนอนไม่หลับ พี่สาวสบายดีหรือไม่เจ้าคะ”

ตอนที่ 361 เจอโดยบังเอิญ 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน