ชุนหว่านกระซิบที่ข้างหูของเสี่ยวถานเบาๆ ว่า “ข้าจะไปหานายท่านสี่!”
เสี่ยวถานพยักหน้าหงึกๆ ไม่หยุด
เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แน่นอนว่าต้องไปหานายท่านสี่แล้ว!
ตระกูลหยวนแล้วอย่างไร ก็เพียงบุตรชายของสหายร่วมปีการสอบเดียวกันที่เกษียณอายุแล้วผู้หนึ่งเท่านั้น ขุนนางใหญ่หยวนจะไม่ไว้หน้าตระกูลเฉิงเชียวหรือ ถ้าหากให้ฮูหยินผู้เฒ่าทราบเรื่อง เกรงว่าคงจะโกรธจนไม่รู้จะโกรธอย่างไรดีแล้ว!
แต่อย่างไรก็ตาม หลี่ซื่อผู้นั้นก็เหมือนกัน เหตุใดถึงให้คนอย่างฮูหยินหวงประเภทนั้นมาเดินวุ่นวายอยู่ในเรือนชั้นในได้เล่า
นางเป็นแม่คนแล้วแท้ๆ
ด้วยเห็นแก่หน้าของนางคุณหนูรองถึงได้คบค้าสมาคมกับฮูหยินหวงผู้นั้น
เมื่อวานฮูหยินหวงยังตำหนิพวกนางที่ไม่หาอะไรมาปิดกระถางหยกกระถางนั้นเอาไว้อีกด้วย
พวกนางมิใช่คนจากตระกูลเล็กยากจนข้นแค้นอะไร ของดีก็ต้องนำออกมาวางประดับเพื่ออวดโฉม เพื่อเป็นหน้าเป็นตา
ของของคุณหนูรองนั้นหากจะนำออกมาวางประดับทั้งหมด พวกนางยังต้องเป็นกังวลเรื่องหัวขโมยอยู่ทุกวัน!
เสี่ยวถานคิดแล้วก็รู้สึกขุ่นเคืองใจ
คุณหนูรองประหนึ่งไข่มุกประหนึ่งหยกเช่นนี้ จะผ่านช่วงเวลาเช่นนี้ไปได้อย่างไร
นางจะต้องหารือกับซางมามา ต้องคิดหาวิธีทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าทราบเรื่องให้ได้ แล้วรับตัวคุณหนูรองกลับไป อย่างไรเสียต่อให้คุณชายใหญ่สวี่จะอยู่ที่บ้านต่อไปอีก แต่ช้าเร็วก็ต้องไปเรียนหนังสือกับนายท่านใหญ่จิงที่จิงเฉิงอยู่ดี ถึงเวลานั้นคุณหนูรองก็กลับไปที่เรือนหานปี้ซานได้แล้ว
สถานที่เช่นนี้ โชคดีขนาดไหนแล้วที่คุณหนูรองอยู่ได้
เสี่ยวถานคิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย ส่วนชุนหว่านไปถึงหน้าประตูของเรือนรับรองแขกแล้ว สาวใช้เด็กเพิ่งจะเลิกผ้าม่านขึ้นกำลังจะเข้าไปรายงาน ก็ได้ยินเสียง ปัง เสียงหนึ่งดังขึ้นจากในเรือน ชุนหว่านมองเข้าไปผ่านช่องว่างที่ผ้าม่านถูกเลิกขึ้นนั้น เห็นเพียงตะเกียบของเฉิงฉือถูกตบลงบนโต๊ะ เขาเอ่ยอย่างดุดันว่า “หลี่ซื่อผู้นั้นดูแลจัดการบ้านอย่างไร ไม่มีคนรับใช้อยู่ข้างกายบ้างหรือ ยังให้คนแซ่หวงผู้นั้นมาวุ่นวายในบ้านได้อีก…”
สาวใช้เด็กได้ยินแล้วก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด ปล่อยผ้าม่านลง ตัดขาดเสียงของเฉิงฉือไปด้วย สาวใช้เด็กกล่าวเจือเสียงสะอื้นไห้ว่า “พี่สาวชุนหว่าน ข้า…ข้าไม่กล้าเข้าไปแล้วเจ้าค่ะ…”
ชุนหว่านรีบเอ่ยปลอบใจนางเสียงนุ่มหลายประโยค กล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าไปทำธุระของเจ้าเถิด ข้าจะรออยู่ตรงนี้”
สาวใช้เด็กวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วดุจควัน นำเอาคำพูดของเฉิงฉือไปบอกแม่บุญธรรมของตัวเอง
แม่บุญธรรมผู้นั้นรีบเอาไปบอกหลี่มามา
หลี่ซื่อได้ยินแล้วก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ฟุบตัวลงกับโต๊ะกระจกร้องไห้ออกมา “ข้ารู้ว่าฮูหยินหวงผู้นั้นต้องการประจบประแจงคุณหนูรอง จะไปคิดว่านางจะใจกล้าถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ถึงกับกล้าบิดเบือนคำของทั้งสองฝ่าย ตอนที่ข้าได้ยินคุณหนูรองพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาขณะอยู่ระหว่างทางนั้นก็รู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้องนัก เพียงแต่ออกจากบ้านมาแล้ว คงไม่อาจกลับไปอย่างกะทันหันได้กระมัง ตอนนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ข้าเองก็รู้สึกอับอายยิ่งนัก เมื่อครู่ยังไม่กล้าพูดกับนายท่าน ไม่โทษที่นายท่านสี่ฉือผู้นั้นจะรู้สึกว่าข้าเป็นภรรยาที่โง่เขลาไม่ทันคน หากเขาไปสอบถามไล่เลียงกับนายท่านขึ้นมา ข้าคงไม่มีหน้ามีชีวิตอยู่ต่อแล้ว!”
หลี่มามาได้ยินแล้วก็กระวนกระวายขึ้นมา เอ่ยขึ้นว่า “วันปีใหม่เช่นนี้ ฮูหยินพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร หากเกิดอะไรขึ้นกับท่าน คุณหนูสามจะทำอย่างไรเจ้าคะ”
หลี่ซื่อถึงได้ค่อยๆ หยุดร้องไห้ลง
หลี่มามาพูดเกลี้ยกล่อมนางอีกครู่ใหญ่
เฉิงฉือเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องอย่างหัวเสียไปหลายรอบ ถึงได้กดเก็บความกรุ่นโกรธเอาไว้ภายในใจได้ สั่งการไหวซานว่า “ให้สาวใช้ผู้นั้นเข้ามา”
ไหวซานหลุบตาก้มหน้าลงพลางเอ่ยขึ้นว่า “สาวใช้ผู้นั้นกลับไปแล้วขอรับ”
พอเฉิงฉือได้ยินความกรุ่นโกรธก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เอ่ยขึ้นว่า “แล้วนางมาทำไม”
ไหวซานอยากจะกล่าวยิ่งนักว่า ที่นางมามากกว่าครึ่งก็มาเพื่อฟ้องท่านแทนคุณหนูรองตระกูลโจว เพียงแต่เห็นว่าท่านทราบเรื่องทุกอย่างแล้ว ถึงได้จากไปอย่างเงียบๆ แม้แต่ข้ายังได้ยินว่าสาวใช้ผู้นั้นเดินไปแล้ว ท่านที่หูไวตาดีกว่าข้ามาโดยตลอด จะไม่ได้ยินได้อย่างไร
แต่คำพูดนี้เขาไม่กล้าเอ่ยออกมา
เขามองออกว่าตอนนี้เฉิงฉือสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ยังไม่ได้ปล่อยออกมา เวลานี้ผู้ใดเข้าไปใกล้ผู้นั้นซวย
“ข้าจะไปเรียกสาวใช้ผู้นั้นกลับมาขอรับ” ไหวซานรีบกล่าว
เฉิงฉือ “อืม” เสียงหนึ่ง น้ำเสียงสงบลงเล็กน้อย
ไหวซานโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง ตะโกนเรียกชุนหว่านอย่างรีบร้อน
ชุนหว่านที่ถูกไหวซานเรียกกลับมาระหว่างทาง ย่อมรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมากเป็นธรรมดา
นางยืนอยู่ตรงหน้าเฉิงฉือด้วยความรู้สึกสยดสยองเล็กน้อย ไม่กล้าขยับเขยื้อน
เฉิงฉือเห็นท่าทางนี้ของนางแล้ว ก็ถอนหายใจครั้งหนึ่งก่อนถึงได้เอ่ยปากเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าไปบอกคุณหนูรองของพวกเจ้า ประการแรกได้เจอฉางซิ่วไฉผู้นั้นที่หน้าประตู ถัดมาฮูหยินหวงผู้นั้นรบเร้าให้หลี่ซื่อพาคุณหนูรองของพวกเจ้าไปจุดธูปไหว้พระที่วัดต้าฉือเก๋อ ตอนพบคุณชายเหมียวกระทำไม่เหมาะสมก็เป็นซิ่วไฉแซ่ฉางผู้นั้นปรากฏตัวออกมาช่วยเหลือเอาไว้ เกรงว่าคนแซ่ฉางผู้นี้ก็มิได้มีจิตใจดีอะไร ช่วงนี้ให้นางไม่ต้องออกไปไหน อยู่แต่ในบ้านก็พอ ส่วนเรื่องพวกนี้ข้าจะจัดการเอง”
ชุนหว่านดีใจเป็นอย่างมาก คุกเข่าลงโขกศีรษะให้เฉิงฉือสามครั้ง พร้อมกับกล่าวว่า “ขอบคุณนายท่านสี่มากเจ้าค่ะ”
เฉิงฉือยกมือขึ้น เป็นสัญญาณให้นางออกไปได้
ชุนหว่านกลับไปหาโจวเสาจิ่นด้วยอาการดีใจอย่างลิงโลด เอ่ยอยู่ในใจว่า ถึงว่าคุณหนูรองไม่กังวลใจเลย ที่แท้ก็เพราะนายท่านสี่เป็นคนหน้าเย็นชาแต่จิตใจดีผู้หนึ่งนี่เอง นางยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็รับปากแล้วว่าจะออกหน้าช่วยคุณหนูรองเอง นางเข้าไปในห้องปีกตะวันออกของห้องหนังสือที่เปิดเอาไว้อย่างเบิกบาน
โจวเสาจิ่นกำลังวาดแบบดอกไม้อยู่
แค่มองท่าทางของชุนหว่าน เสี่ยวถานก็รู้แล้วว่าเรื่องราวดำเนินไปอย่างราบรื่น นางยิ้มพร้อมกับชี้ไปที่โจวเสาจิ่น ส่ายศีรษะเบาๆ เป็นสัญญาณบอกชุนหว่านว่ามีอะไรให้ไปคุยกันข้างนอก
ชุนหว่านเรียกจี๋เสียงเข้ามาปรนนิบัติอยู่ในห้อง นางกับเสี่ยวถานไปแอบคุยกันตรงทางเดิน
เสี่ยวถานฟังคำบอกเล่าของชุนหว่านแล้ว ก็กล่าวยิ้มๆ อย่างภาคภูมิใจว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางที่นายท่านสี่จะไม่ใส่ใจ เจ้าดูพี่สาวจี๋อิ๋งทุบตีคุณชายใหญ่สวี่จนกลายเป็นเช่นนั้น แต่นายท่านสี่ยังมาเป็นแขกที่ตระกูลโจวอยู่เลย เห็นได้ชัดว่านายท่านสี่เองก็รู้สึกว่าคุณหนูรองนั้นน่าสงสาร”
ชุนหว่านถอนหายใจ กลางคืนตอนที่จัดเตียงให้โจวเสาจิ่นนั้น นางจึงบอกโจวเสาจิ่นถึงสิ่งที่เฉิงฉือฝากมา
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้ามองพวกเจ้าเข้าๆ ออกๆ อย่างลับๆ ล่อๆ แล้ว ก็สงสัยว่าพวกเจ้าคงไปหาท่านน้าฉือ พวกเจ้าวางใจเถิด ต่อให้ท่านน้าฉือไม่บอก ข้าก็จะไม่ออกไปไหนตามอำเภอใจอีกแล้ว”
ขณะที่นางกล่าว ก็รู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวยิ่งนัก
เนื่องจากท่านน้าฉือพักอยู่ที่นี่ คิดจะปิดบังเขานั้นเป็นไปไม่ได้เลย
นางทำขายหน้าต่อหน้าท่านน้าฉือขนาดนี้ นางก็เลยไม่มีหน้าไปขอให้ท่านน้าฉือช่วยออกหน้าไปจัดการเรื่องของตระกูลเหมียวให้นาง
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน