เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 405

ตอนที่เฉิงเจิงกลับถึงบ้าน ก็เป็นเวลาจุดตะเกียงยามเย็นแล้ว

นางไปดูบุตรชายทั้งสองคนก่อน

กู้หนิงวัยสิบขวบกับกู้จงหน้าตาคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก ต่างซึมซับจุดเด่นของเฉิงเจิงสามีภรรยา ขณะอายุยังน้อยก็มีหน้าตาหล่อเหลาเหลือแสนแล้ว ตอนที่เฉิงเจิงเดินเข้ามา สองพี่น้องกำลังยืนตัวตรงอยู่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือขณะคัดอักษร

“ท่านแม่!” สองพี่น้องเอ่ยเรียกเฉิงเจิงเป็นเสียงเดียวกัน ต่างแสดงสีหน้าลิงโลดดีใจ กู้หนิงเพียงวางพู่กันลงแล้วทำความเคารพเฉิงเจิงอย่างนอบน้อม ทว่ากู้จงกลับโผเข้าสู่อ้อมแขนของเฉิงเจิง

เฉิงเจิงลูบศีรษะของบุตรชายคนเล็กอย่างรักใคร่เอ็นดู จากนั้นก็จูงมือของเขาไปหน้าโต๊ะเขียนหนังสือ “กินข้าวเย็นแล้วหรือยังเอ่ย วันนี้กินอะไรไปบ้าง อร่อยหรือไม่ การบ้านที่อาจารย์สั่งไว้ทำเสร็จแล้วหรือยัง ต้องเล่าเรียนและพักผ่อนให้สมดุลกันถึงจะถูก ระวังสายตาจะเสีย”

กู้หนิงยิ้มพลางรับคำ

ส่วนกู้จงตอบคำถามของเฉิงเจิงอย่างเจื้อยแจ้ว

เมื่อเฉิงเจิงได้ยินว่าบุตรชายทั้งสองคนรับประทานมื้อเย็นกับกู้ซวี่สามี ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เอ่ยถามยิ้มๆ ว่า “เหตุใดพ่อของเจ้าถึงกลับมาเร็วขนาดนี้หรือ”

กู้หนิงยิ้มน้อยๆ พลางตอบว่า “ท่านพ่อบอกว่าวันนี้ไท่จื่อทรงนำหวงไท่ซุนเสด็จไปพายเรือที่ตำหนักนอก พวกเขาไม่มีงานอะไรทำจึงกลับมาก่อนขอรับ”

สำนักจานซื่อเป็นสำนักที่บริหารจัดการงานต่างๆ ขององค์รัชทายาท แม้ขั้นยศไม่สูงนัก แต่ตำแหน่งกลับมีความสำคัญยิ่งยวด กู้ซวี่เป็นเส่าจานซื่อของสำนักจานซื่อ ซึ่งก็คือผู้ช่วยของสำนักจานซื่อ ในยามปกติมีกิจธุระมากมาย มีเวลาพักผ่อนน้อยนิด เวลาที่กลับบ้านตรงเวลาเช่นนี้มีน้อยครั้งนักจนแทบจะนับนิ้วได้

เฉิงเจิงตรวจดูบทเรียนของบุตรชาย เอ่ยชมทั้งคู่สองสามประโยค แล้วบอกว่าอีกสองวันจะพาพวกเขาไปชมดอกไม้ผลิบานที่เฟิงไถ ให้พวกเขาพักผ่อนเร็วขึ้นสักหน่อย จากนั้นจึงซักถามสาวใช้ แล้วไปที่ห้องหนังสือของเรือนชั้นใน

กู้ซวี่กำลังเคลื่อนย้ายดอกกล้วยไม้สองสามกระถางไปวางบนขอบหน้าต่าง

ปีนี้เขาอายุสามสิบสี่ปี รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางสุขุมเยือกเย็น การทำงานในราชสำนักหลายปีทำให้เขาเปลี่ยนเป็นค่อนข้างเงียบขรึมและเก็บตัว เขาสวมชุดจื๋อตัวสีม่วงแดงเหลือบน้ำเงินไพลินปักลายเมฆมงคลทรงกลมตัวหนึ่ง ดูเรียบง่ายแต่ไม่โอ้อวดจนเกินไป ทว่าเมื่อเขาเห็นเฉิงเจิงเดินเข้ามาดวงตากลับทอประกาย มุมปากหยักขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า “เจ้ากลับมาแล้ว” สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นร่าเริงขึ้นมา

เฉิงเจิงพยักหน้า คลี่ยิ้มขณะมองดูดอกกล้วยไม้ แล้วเอ่ยว่า “เจ้าอย่าได้ทำเหมือนคราวก่อนเชียวล่ะ ช่วยข้ารดน้ำดอกไม้แล้วทำดอกไม้ตายเสีย”

กู้ซวี่ยิ้มเฝื่อนๆ อย่างไม่เห็นด้วย วางดอกกล้วยไม้กระถางใหม่บนขอบหน้าต่าง แล้วเรียกสาวใช้เข้ามารดน้ำ พลางเอ่ยถามเฉิงเจิงว่า “กินข้าวเย็นแล้วหรือยัง ข้าบอกให้ห้องครัวทำโจ๊กถั่วเขียวใส่เม็ดบัวกับไป่เหอไว้ให้เจ้า กินในฤดูนี้แล้วอร่อยยิ่ง”

“ข้ากินข้าวเย็นที่ตระกูลเลี่ยวแล้วเจ้าค่ะ” ถึงกระนั้น เฉิงเจิงยังตัดสินใจกินโจ๊กเม็ดบัวอีกครึ่งถ้วย

สองสามีภรรยานั่งลงบนตั่งตัวใหญ่ข้างหน้าต่าง

กู้ซวี่ถามยิ้มๆ ว่า “เหตุใดจู่ๆ พวกเจ้าถึงอยากไปที่เรือนตระกูลเลี่ยวหรือ น้องสาวตระกูลโจวยังสบายดีอยู่กระมัง”

“ดียิ่งนักเจ้าค่ะ!” เฉิงเจิงเล่าเรื่องที่เฉิงฉือไหว้วานให้แก่กู้ซวี่ฟัง

กู้ซวี่ได้ยินแล้วสีหน้าค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้นมา

เฉิงเจิงเห็นแล้วใจเต้นตึกตัก เอ่ยถามขึ้นว่า “ทำไมหรือ มีอะไรที่ไม่เหมาะสมหรือไม่เจ้าคะ”

กู้ซวี่ขบคิดครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวช้าๆ ว่า “เจ้ายังจำที่ท่านอาฉือมอบผู้ติดตามคนหนึ่งให้ข้าช่วงที่ผ่านมาได้หรือไม่”

“จำได้สิเจ้าคะ!” เฉิงเจิงตอบ “บ่าวข้างกายในตระกูลของพวกข้าล้วนเชิญผู้ที่มีวรยุทธ์แกร่งกล้าคนหนึ่งมาเป็นผู้ติดตามประจำตัว ต้าซูบ่าวข้างกายของเจียซ่านก็ใช่ ส่วนคนข้างกายท่านอาฉือก็คือผู้ที่มีนามว่าไหวซานผู้นั้น เกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคะ”

กู้ซวี่กล่าวว่า “หลายวันก่อนหวงไท่ซุนทรงเสด็จออกมาที่โถงทางเดินหลังจากทรงสดับฟังท่านผู้ช่วยมหาราชครูสอนตำรา จู่ๆ มีกระเบื้องสองสามแผ่นตกลงมา ตอนนั้นผู้ติดตามนามว่าหวังชิงที่ท่านอาฉือมอบให้ข้าผู้นั้นเดินผ่านโถงทางเดินพอดี ไม่รอให้เหล่าองครักษ์มีปฏิกิริยาโต้ตอบ เขาก็พุ่งเข้าไป ผลักหวงไท่ซุนออกไป… หลังจากนั้นหวงไท่ซุนทรงไต่ถาม ครั้นทรงสดับว่าเป็นบ่าวรับใช้ของตระกูลพวกเรา นอกจากจะพระราชทานแพรพรรณมากมายให้แก่เขาแล้ว ยังทรงเรียกเขาไปลับคมวิทยายุทธ์กับองครักษ์ประจำพระองค์ของพระองค์เองเป็นครั้งคราว ครั้งนี้ที่องค์ไท่จื่อทรงนำหวงไท่ซุนเสด็จไปพายเรือที่ตำหนักนอก ไท่จื่อทรงส่งคนมาบอกข้าว่า จะพาหวังชิงไปด้วย… ข้าคิดมาเสมอว่าเรื่องนี้ช่างบังเอิญเหลือเกิน ดูไม่ชอบมาพากลหลายส่วน แต่ท่านอาฉือกับข้ามีปฏิสัมพันธ์กันน้อยยิ่ง ทั้งไม่รู้จักอุปนิสัยของเขาดี ชั่วขณะนั้นจึงไม่มีความคิดเห็นใดๆ…”

ข้ารับใช้ประจำพระองค์ของหวงไท่ซุนหากไม่ตรวจสอบตระกูลทั้งห้าชั่วโคตรก็ต้องตรวจสอบตระกูลสามชั่วโคตร

ในเมื่อสำนักจานซื่ออนุญาตให้หวังชิงปรนนิบัติข้างพระวรกายของหวงไท่ซุนแล้ว ต้องมิใช่เพราะหวังชิงเป็นบ่าวของกู้ซวี่จึงให้เขาติดตามหวงไท่ซุน แต่เพราะหวังชิงเป็นผู้ที่เฉิงฉือมอบให้กู้ซวี่มาก่อนเป็นแน่…

หน้าผากของเฉิงเจิงมีเหงื่อเย็นผุดซึม กล่าวขึ้นว่า “ท่านอาฉือกลับไปจินหลิงแล้ว คงต้องอยู่ที่โน่นสักระยะหนึ่งแล้วถึงจะกลับมาได้ ข้าจะเขียนจดหมายให้ท่านอาฉือประเดี๋ยวนี้ ดูว่าเขาวางแผนจะทำอะไรกันแน่เจ้าค่ะ”

กู้ซวี่พยักหน้าเบาๆ แล้วปลอบเฉิงเจิงว่า “เจ้าอย่าวิตกกังวลไปเลย ข้าคิดว่าท่านอาฉือจะไม่ทำร้ายพวกเราอย่างแน่นอน”

เฉิงเจิงพยักหน้าส่งๆ วันรุ่งขึ้นก็ไปซอยซิ่งหลิน

เฉิงจิงไปทำงานที่สำนักว่าการ เมื่อได้รับกระดาษข้อความที่ผู้ติดตามส่งมาให้ ก็รีบกลับมาจากสำนักว่าการ

เฉิงเจิงคิดมาตลอดว่าบิดาค่อนข้างหูเบา แม้ในใจร้อนรนดั่งไฟสุม แต่ยังคงรักษากิริยาเอาไว้ หลังจากนั่งลงหน้าโต๊ะเขียนหนังสือตัวใหญ่ในห้องหนังสือกับบิดาแล้ว ก็อธิบายจุดประสงค์ที่มาขึ้นว่า “ท่านทราบหรือไม่ว่าท่านอาฉือกลับไปจินหลิงเพื่ออันใดเจ้าคะ”

เฉิงจิงตอบยิ้มๆ ว่า “ถึงเจ้าถามข้า ข้าก็ไม่รู้จริงๆ! อาฉือของเจ้ามีนิสัยใจคอคล้ายกับนกกระเรียนป่าในม่านเมฆผู้หนึ่ง วันนี้อยู่ที่นี่ พรุ่งนี้อยู่ที่นั่น ปีนั้นตอนที่ไปเขาผู่ถัวเป็นเพื่อนย่าของเจ้าก็ยังพบกับบิดาของซ่งจิ่งหร่านโดยบังเอิญ กลายเป็นสหายต่างวัยกับนายท่านผู้เฒ่าตระกูลซ่ง ร่วมกันขบคิดหาทางควบคุมป้องกันอุทกภัยอะไรนั่น จากนั้นก็ให้ซ่งจิ่งหรานถวายแด่องค์ฮ่องเต้ หากมิใช่เพราะท่านลุงใหญ่ของเจ้าทัดทานเอาไว้ เกรงว่าองค์ฮ่องเต้จะทรงเรียกอาฉือของเจ้าไปซักถามในวังแล้วเป็นแน่…”

ท่านลุงใหญ่คือหยวนเหวยชางผู้เป็นราชเลขาธิการ

เฉิงเจิงได้ยินแล้วก็ย่นหัวคิ้วรางๆ เอ่ยถามอีกว่า “ท่านพ่อ ตอนนั้นท่านมิได้ช่วยท่านอาฉือเอาไว้แม้แต่น้อยหรือเจ้าคะ”

ตอนที่ 405 แปลกใจ 1

ตอนที่ 405 แปลกใจ 2

ตอนที่ 405 แปลกใจ 3

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน