ฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่อยู่ห่างไกลในเมืองจินหลิงอ่านจดหมายที่บุตรชายคนเล็กส่งคนมามอบให้จบแล้ว ก็หัวเราะขึ้นมา เรียกสื่อมามาเข้ามา แล้วกล่าวว่า “ส่งไปให้ท่านผู้นำตระกูลจวนรองที”
อยากได้เงินแล้วทำให้จวนหลักขุ่นเคือง หรือว่าอยากปกป้องอนาคตของบุตรหลาน เก็บสายสัมพันธ์เส้นหนึ่งไว้เพื่อให้มองหน้ากันได้อยู่ ให้จวนรองไปเลือกเอาเอง
นึกถึงตรงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอดยิ้มเย็นไม่ได้
ช่างเป็นสามสิบปีอยู่ฝั่งน้ำตะวันออก อีกสามสิบปีอยู่ฝั่งน้ำตะวันตกจริงๆ!
นึกถึงตอนแรก เฉิงซวี่ตาเฒ่าผู้นั้นใช้อนาคตของบุตรหลานจวนหลักบีบบังคับให้นายท่านโยนเจ้าสี่ออกไปเป็นเครื่องสังเวย ด้วยเหตุนี้ แม้แต่หลุมศพของนายท่านนางก็ไม่อยากไปเยี่ยม
ตอนนี้ก็ให้ตาเฒ่าผู้นั้นลิ้มลองรสนี้คืน!
ขอบตาของฮูหยินผู้เฒ่ากัวรื้นชื้นเล็กน้อย
ไม่ว่าจะเป็นบุตรชายคนเล็กหรือหลานชายคนโตล้วนเป็นชีวิตจิตใจของฮูหยินผู้เฒ่า
แต่นางจะไม่เอนเอียงไปหาเจ้าสี่ได้อย่างไร
แผนการนี้ สุดท้ายยังคงเป็นเจ้าสี่ที่ช่วยนางคิด
ในบรรดาบุตรชายทั้งสามคน ผู้ที่เอาใจใส่นางที่สุดก็คือเขา
รู้ว่านางคิดอะไร กังวลใจเรื่องอะไร… และเป็นคนหนึ่งที่กตัญญูกตเวทีที่สุด… แต่ก็เป็นบุตรที่นางรู้สึกผิดด้วยมากที่สุดเช่นกัน…
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเช็ดน้ำตา
ดูทีแล้ว เกรงว่าเจ้าสี่คงจะตัดสินใจอยากแต่งงานกับเสาจิ่นแล้วเป็นแน่
นี่จึงทำให้นางรู้สึกปวดหัว
หากเป็นคนข้างนอกก็ยังดี มีวิธีหลอกลวงได้เสมอ แต่คนในตระกูลนี้…ไม่ว่าอย่างไรก็ปิดบังไม่ได้… เด็กน้อยที่ไร้เดียงสาของผู้อื่น กลับถูกบุตรชายของตนฉกชิงตัวไป นางจะมีหน้าไปพบใต้เท้าโจวผู้นั้นได้อย่างไร… ยิ่งกว่านั้น อุปนิสัยของเด็กน้อยอ่อนแอถึงเพียงนั้น เจ้าสี่ทุ่มเทกำลังมากขนาดนี้เพื่อแต่งงานกับนาง นางจะทราบความคิดของเจ้าสี่หรือเปล่า จะให้ความสำคัญกับเจ้าสี่เหมือนที่เจ้าสี่ให้ความสำคัญกับนางหรือไม่
ถ้าหากเพียงเพราะเจ้าสี่อยากจะแต่งงานกับนาง นางจึงแต่งงานด้วย… ก็ทำร้ายจิตใจเจ้าสี่ของพวกเขาเกินไปแล้ว!
ในสายตาของผู้เป็นมารดา บุตรชายของตนล้วนยอดเยี่ยมเป็นที่หนึ่งในปฐพี
ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็เช่นเดียวกัน
นางคิดว่าถ้าหากความสัมพันธ์ที่โจวเสาจิ่นมีต่อบุตรชายคนเล็กของตนเป็นเพียงความเคารพระหว่างสามีภรรยาเสมือนเป็นแขกเหรื่อเท่านั้น ในใจของนางก็คงคล้ายกับถูกปุยฝ้ายอุดอยู่ก็ไม่ปาน จะหายใจออกได้อย่างไร
ไม่ได้!
นางจักต้องไปดูเองถึงจะถูก
ครั้นความคิดนี้ผุดขึ้นมา ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็นั่งไม่ติดที่อีกต่อไปแล้ว
นางเรียกหลี่ว์มามาเข้ามา เอ่ยถามว่า “วันแต่งงานของเจียซ่านกำหนดไว้เมื่อใดหรือ”
หลี่ว์มามาตอบยิ้มๆ ว่า “วันที่หกเดือนสองเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเก็บจอนผมของตนเองพลางกล่าวว่า “ข้าว่าข้าไปด้วยดีกว่า! หยวนซื่อทะเลาะกับจวนรองอย่างนี้ หากท่านผู้นำตระกูลมีเรื่องอะไรก็ต้องมาหาข้า เจ้าจะให้ข้าพูดอะไรได้ ไม่สู้ฉวยโอกาสนี้ไปจิงเฉิงเสียดีกว่า ยังไปดูการตระเตรียมงานแต่งงานในเรือนที่จิงเฉิงว่าเป็นอย่างไรได้ด้วย”
หลี่ว์มามาคิดว่าตนเข้าใจความคิดของฮูหยินผู้เฒ่ากัว จึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ท่านควรจะทำเช่นนี้นานแล้วเจ้าค่ะ คุณชายใหญ่สวี่แต่งงานทั้งที หากท่านไม่ไป เช่นนั้นจะมีความหมายอะไร ยิ่งกว่านั้นมิตรสหายเก่าแก่สมัยที่นายท่านผู้เฒ่ายังมีชีวิตอยู่ต่างทราบกันว่าคุณชายใหญ่สวี่จะแต่งงานที่จิงเฉิง แต่ละคนถามว่าท่านจะไปจิงเฉิงเมื่อใด ถ้าหากท่านไม่ไป เวลาตอบคำถามฮูหยินก็พูดได้ไม่เต็มปาก จะมีสีหน้าน่าดูได้อย่างไร
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวลอบทอดถอนใจ
หลี่ว์มามาติดตามนางมาหลายปีขนาดนี้ แต่จนบัดนี้กลับไม่มีความคิดอ่านมากเท่าสื่อมามา
นางไม่ไปจิงเฉิง ประการแรกเป็นเพราะนางเป็นหญิงหม้าย ตอนที่ทำความเคารพญาติผู้ใหญ่ก็ต้องหลบออกไป นางเองก็ไม่อยากรบกวนพวกลูกๆ ทำให้ลูกๆ รู้สึกลำบากใจ ประการที่สองไม่อยากเป็นหน้าเป็นตาให้ตระกูลหมิ่นนั่น ราวกับว่าตระกูลเฉิงทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยต่างต้องไล่ตามหางของพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น วันหลังจะพูดหรือทำอะไรก็เสียไพ่ที่เหนือกว่าแล้ว ไม่เหลืออำนาจต่อรองอะไรเลยทั้งสิ้น
ทว่าตอนนี้ ขอเพียงนางนึกถึงโจวเสาจิ่น ก็นั่งไม่ติดที่แม้ชั่วเสี้ยวเดียวเสียแล้ว
อย่างไรก็ก็ต้องให้เด็กคนนั้นหลงรักเจ้าสี่จนหัวปักหัวปำถึงจะถูก
ไม่เช่นนั้นนางคงจะรู้สึกกลัดกลุ้มใจจริงๆ
นางเรียกพ่อบ้านใหญ่ฉินมาสอบถาม “บ้านที่ประตูเฉาหยางของเจ้าสี่กว้างใหญ่หรือไม่ หากว่าข้าไปอยู่ที่นั่นกับเขา จะมีที่หรือไม่”
พ่อบ้านใหญ่ฉินตอบยิ้มๆ ว่า “ทั้งหมดมีขนาดห้าวงสามส่วนยังมีสวนดอกไม้ที่มีสระน้ำไหลรินสองสวนอีกด้วยขอรับ ท่านว่าพอมีที่ให้ท่านอยู่หรือไม่”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวตะลึงงัน เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเด็กคนนี้ ซื้อบ้านใหญ่โตขนาดนั้นไปเพื่ออะไร ทางนี้ยังจัดการเรื่องแยกตระกูลอยู่เลย”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน