เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 442

ก่อนที่​เฉิงฉือ​จะไป​ซอ​ยอ​วี๋เฉียน​นั้น​ ได้​ไปหา​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ที่​เรือน​เฮ่อ​โซ่ว​ถังก่อน​

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​เห็น​เขา​จากไป​แล้วก็​กลับมา​ใหม่​ เข้าใจ​ว่า​เขา​จะมาอยู่​พูดคุย​ด้วย​ จึงสั่งให้​สาวใช้​ไป​หยิบ​กระดาน​หมาก​มาอย่าง​อารมณ์ดี​ กล่าว​กับ​เฉิงฉือ​ว่า​ “พวกเรา​มาประมือ​กัน​สัก​สอง​สามกระดาน​ เจ้าไม่ได้มา​เดินหมาก​กับ​ข้า​หลาย​วัน​แล้ว​! ฝีมือ​การ​เดินหมาก​ของ​เสาจิ่นคง​ก้าวหน้า​ขึ้น​ไม่น้อย​แล้ว​กระมัง​”

เสาจิ่น​นั่น​…นั่น​ก็​เรียก​ว่า​เดินหมาก​ด้วย​หรือ​

ทั้งหมด​นั่น​ก็​เป็น​เพียง​การ​เล่น​ซุกซน​หยอกล้อ​กับ​เขา​เท่านั้น​

แต่​อย่างไรก็ตาม​ มัน​กลับ​สนุก​กว่า​ตอน​เดินหมาก​จริงๆ​ เสีย​อีก​!

ขณะที่​เฉิงฉือ​คิด​อยู่​นั้น​ ดวงตา​ก็​เจือ​ไป​ด้วย​รอยยิ้ม​อย่าง​ห้าม​ไม่อยู่​ กล่าว​ยิ้ม​ๆ อย่าง​ไม่ตอบคำถาม​ว่า​ “ข้า​คิด​ว่า​ท่าน​ยัง​โมโห​อยู่​เสีย​อีก​! แต่​ดู​แล้ว​ท่าน​อารมณ์ดี​ยิ่งนัก​!”

“หาก​ข้า​ไม่หา​ความสุข​ให้​ตัวเอง​ ก็​คงจะ​ถูก​ลูก​ไม่รัก​ดี​อย่าง​พวก​เจ้าทำให้​โมโห​ตาย​ไป​ตั้ง​นาน​แล้ว​” ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ชี้บอก​ให้​สาวใช้​เด็ก​นำ​กระดาน​หมาก​มาวาง​ลง​บน​ตั่ง​ พลาง​กล่าว​ “คน​หนึ่ง​ก็​คิดถึง​แต่​ตัวเอง​ คน​หนึ่ง​ก็​อะไร​ก็ได้​ คน​หนึ่ง​ก็​ต่อต้าน​กฎระเบียบ​…ไม่มีคน​ที่​รับมือ​ง่าย​เลย​สัก​คน​!”

เฉิงฉือ​หัวเราะ​ฮ่าดังลั่น​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “มิใช่ว่า​พวก​ข้า​ไม่ดี​ เป็น​ท่าน​ต่างหาก​ที่​มาตรฐาน​สูง แม้พี่ใหญ่​จะมีใจเห็นแก่ตัว​บ้าง​ แต่​เรื่องใหญ่​ๆ กลับ​ไม่เคย​เหลวไหล​ ส่วน​พี่​รอง​นั้น​ก็​เพราะ​ถูก​คั่น​เอาไว้​ตรงกลาง​ จะไม่ทำตัว​เป็นตัว​ประสาน​ความสงบ​ก็​ไม่ได้​ ส่วน​ข้า​…มีท่าน​แม่และ​พวก​พี่ชาย​คอย​ยอม​ลง​ให้​ หาก​ไม่ต่อต้าน​กฎระเบียบ​ก็​เสียชื่อ​ลูกหลาน​ของ​ตระกูล​ชั้นสูง​หมด​!”

“เจ้ายัง​จะหา​ความชอบธรรม​ให้​ตัวเอง​อีก​หรือ​” ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​หัวเราะ​หรือ​ร้องไห้​ดี​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “หาก​พ่อ​ของ​เจ้ายังอยู่​และ​ได้ยิน​เจ้าพูด​เช่นนี้​ คงจะ​เตรียม​ลงโทษ​เจ้าไป​นาน​แล้ว​!”

เฉิงฉือ​จึงใช้โอกาส​นี้​กุมมือ​ของ​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​เอาไว้​ กล่าว​ขึ้น​อย่าง​กึ่ง​ล้อเล่น​กึ่ง​จริงจัง​ว่า​ “ต่อไป​ท่าน​ก็​อย่า​โกรธ​ท่าน​พ่อ​อีก​เลย​ เขา​เอง​ก็​ไม่มีทางเลือก​เช่นกัน​ ก็​เหมือนกับ​เถียน​จี้แข่ง​ม้าและ​การ​ทิ้ง​เบี้ย​หมาก​เพื่อ​รักษา​รถม้า​เอาไว้​ มิใช่ว่าต่าง​ก็​ล้วนแล้วแต่​เป็น​กลยุทธ์​ที่​ดี​ใน​สถานการณ์​ที่​สิ้นหวัง​หรอก​หรือ​ ไม่แน่​ว่า​หาก​ข้า​มิได้​ประสบ​กับ​เรื่อง​เช่นนี้​อาจจะ​ยัง​ไม่ประสบความสำเร็จ​เลย​ก็​เป็นได้​! เวลา​นั้น​ท่าน​และ​ท่าน​พ่อ​ต่าง​ก็​ตามใจ​ข้า​เป็นอย่างมาก​!”

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​มิได้​เอ่ย​คำ​ใด​

เฉิงฉือ​จึงกุมมือ​ของ​มารดา​เอาไว้​ตลอด​ไม่ปล่อย​

เนิ่นนาน​ ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ถอนหายใจ​ออกมา​ครั้งหนึ่ง​ กล่าว​ขึ้น​อย่าง​ช่วยไม่ได้​เล็กน้อย​ว่า​ “เจ้าเด็ก​คน​นี้​…ไม่น่าเชื่อ​ว่า​จะเป็น​คน​ใจกว้าง​ผู้​หนึ่ง​!”

เฉิงฉือ​หัวเราะ​ร่า​ กล่าว​เสียง​เบา​ว่า​ “เช่นนั้น​ทาง​ด้าน​แม่นาง​ตระกูล​ฟางก็​อย่า​ถือโทษ​เลย​ ปล่อย​นาง​ไป​เถิด​! ไม่คุ้มค่า​ที่จะ​ลาก​ตระกูล​ฟางลง​น้ำ​ไป​ด้วย​เพียง​เพื่อ​เรื่อง​ของ​ข้า​”

หลีกเลี่ยง​เรื่อง​ที่ว่า​ยิ่ง​นาน​ไป​ความขัดแย้ง​ที่​มีกับ​หยวน​ซื่อ​จะยิ่ง​หยั่งลึก​มากขึ้น​ด้วย​

แน่นอน​ว่า​เขา​ไม่อาจ​พูด​คำพูด​ประโยค​นี้​ออกมา​ต่อหน้า​มารดา​ได้​ ไม่อย่างนั้น​หาก​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​เกิด​ต่อต้าน​และ​ดื้อดึง​ขึ้น​มา เช่นนั้น​จะเกลี้ยกล่อม​อย่างไร​ก็​กู่ไม่กลับ​แล้ว​เป็นแน่​

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ชายตามอง​เขา​ครั้งหนึ่ง​ เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ “เจ้ารู้​อีกแล้ว​หรือ​”

เฉิงฉือ​จึงกล่าว​ขึ้น​อย่าง​ทะเล้น​ว่า​ “เดิมที​ข้า​อยาก​จะเป็น​ดั่ง​กระดุม​เสื้อ​ของ​มารดา​[1] แต่​เมื่อ​ออกมา​เป็น​บุรุษ​ผู้​หนึ่ง​ จึงได้​แต่​ต้อง​เป็น​พยาธิ​ใน​ท้อง​ของ​ท่าน​เสียแล้ว​…”

“เพ้ย​ๆๆ!” ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​หัวเราะ​พลาง​กล่าว​ “พยาธิ​ใน​ท้อง​อะไร​กัน​ นับถือ​เจ้าจริงๆ​ ที่​พูด​ออกมา​ได้​! เจ้านี่​น้า​ เล่น​งิ้ว​ต่อหน้า​ข้า​ให้​มัน​น้อย​ๆ หน่อย​ แม้น​ข้า​จะแก่​แล้ว​ แต่​สายตา​ยัง​ดี​อยู่​ อย่า​คิด​ว่า​มาทำเป็นเล่น​ตลกโปกฮา​แล้ว​ข้า​จะลืม​มัน​ไป​ ข้า​รู้​ว่า​เจ้าคิด​อะไร​อยู่​ ก็​คง​กังวล​ว่า​หยวน​ซื่อ​จะเคียดแค้น​ข้า​กระมัง​ แต่​หาก​หยวน​ซื่อ​ไม่ยุยง​ ตระกูล​ฟางไม่รนหาที่​ตาย​ ต่อให้​อยาก​จะลงมือ​ก็​ไม่มีโอกาส​หรอก​กระมัง​ ใน​เมื่อ​พวก​นาง​วิ่ง​โร่​เข้ามา​หาประโยชน์​จาก​เรื่อง​นี้​เอง​ ข้า​จะทำให้​พวก​นาง​ผิดหวัง​ได้​อย่างไร​กัน​” จากนั้น​กล่าว​อย่าง​เกลียดชัง​ว่า​ “สิ่งที่​ข้า​เกลียด​ที่สุด​ใน​ชีวิต​ก็​คือ​คน​ที่​คิด​จะใช้อุบาย​กับ​ข้า​!”

เฉิงฉือ​มิได้​กล่าว​สิ่งใด​

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​จึงนำ​ชามดินเผา​ที่​บรรจุ​หมาก​สีดำ​เอาไว้​ไป​วาง​ลง​ตรงหน้า​เฉิงฉือ​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “เจ้าไม่ต้อง​สนใจ​เรื่อง​นี้​แล้ว​ ข้า​รู้​ว่า​ข้า​กำลัง​ทำ​อะไร​อยู่​ เดิมที​คิด​ว่า​จะให้​พวก​น้องสาว​ตระกูล​กัว​ของ​เจ้ามารวมกลุ่ม​ด้วย​ แล้ว​เลือก​สัก​คน​จาก​กลุ่ม​ของ​พวก​น้องสาว​ตระกูล​กัว​ของ​เจ้าและ​เสาจิ่น​มาเป็น​ภรรยา​ให้​เจ้า จะได้​หลีกเลี่ยง​เรื่อง​ที่ว่า​ทาง​นี้​พวกเรา​เพิ่งจะ​แยก​ตระกูล​ไป​หมาดๆ​ ก็​ไป​เอ่ย​เรื่อง​สู่ขอ​ที่​ตระกูล​โจว​ทางโน้น​แล้ว​ ทำให้​คน​เห็น​ความผิดปกติ​อะไร​ได้​ เพียงแต่ว่า​หาก​เป็น​เช่นนี้​ชื่อเสียง​ของ​ตระกูล​กัว​ก็​คงจะ​ได้รับ​ความเสียหาย​ไป​ด้วย​อย่าง​หลีกเลี่ยง​ไม่ได้​ ข้า​ก็​รู้สึก​คับอกคับใจ​หายใจไม่ออก​เล็กน้อย​ ถึงได้​ชะลอ​เรื่อง​นี้​ไป​เสีย​ ตอนนี้​ได้โอกาส​พอดี​ ได้​ยก​ตระกูล​กัว​ออก​ไป​ เรื่อง​แต่งงาน​ของ​เจ้าก็​ไม่ทำให้​ผู้อื่น​เกิด​ความสงสัย​…เจ้าเร่ง​ไป​จัดการ​เรื่อง​หน้าที่​การงาน​ของ​เจ้าทาง​ด้าน​โน้น​ให้​เรียบร้อย​เสีย​ ข้า​คิด​ว่า​เมื่อ​ผ่านพ้น​วันที่​สิบห้า​เดือน​แปด​ก็​ไป​เกริ่น​เรื่อง​สู่ขอ​ที่​ตระกูล​โจว​ได้​แล้ว​!”

เฉิงฉือ​รู้​อยู่แล้ว​ว่าที่​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​เก็บ​คุณหนู​ตระกูล​ฟางผู้​นั้น​เอาไว้​ก็​เพื่อ​จะสนับสนุน​เสาจิ่น​ ตอนนี้​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ยอมรับ​อย่าง​ตรงไปตรงมา​เช่นนี้​แล้ว​ จึงรู้​ว่า​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​มีแผนการ​ต่อ​เรื่อง​นี้​แน่​แล้ว​ จึงไม่อาจ​กล่าว​อะไร​มาก​อีก​ ได้​แต่​หวัง​ว่า​หยวน​ซื่อ​จะไม่เข้ามา​ยุ่ง​วุ่นวาย​แล้ว​ลาก​คุณหนู​ตระกูล​ฟางผู้​นั้น​ลง​น้ำ​ไป​ด้วย​

เดินหมาก​กับ​มารดา​ไป​สอง​กระดาน​ เมื่อ​เห็น​ว่า​เวลา​ไม่เช้าแล้ว​ เฉิงฉือ​จึงหา​ข้ออ้าง​หนึ่ง​กล่าว​อำลา​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​แล้วไป​ที่​ซอ​ยอ​วี๋เฉียน​

วัน​ที่สอง​หลัง​กลับ​จากไป​คารวะ​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ห​ลี่​ซื่อ​ก็​เลือก​วันดี​ได้​วันหนึ่ง​และ​เดินทาง​กลับ​เมือง​เป่า​ติ้ง​ไป​เรียบร้อย​แล้ว​

ทาง​ด้าน​ซอ​ยอ​วี๋เฉียน​จึงมีโจว​เสาจิ่น​อยู่​บ้าน​เพียง​คนเดียว​ พ่อบ้าน​และ​บรรดา​บ่าว​ชาย​ที่​เฝ้าเวร​ยาม​อยู่​หน้า​ประตู​ล้วน​เป็น​คน​ของ​เฉิงฉือ​ทั้งสิ้น​ เมื่อ​เห็น​เฉิงฉือ​มา ก็​ย่อม​ไม่มีเหตุ​อัน​ใด​ให้​ต้อง​ขวาง​เอาไว้​ พวก​บ่าว​ชาย​วิ่ง​ไป​แจ้งที่​ประตู​ชั้นใน​ ส่วน​พ่อบ้าน​ก็​เดิน​เข้าไป​ด้านใน​เป็นเพื่อน​เฉิงฉือ​

โจว​เสาจิ่น​คิด​ว่า​ใกล้​จะถึงเทศกาล​ไหว้​พระจันทร์​แล้ว​ จึงหมัก​สุรา​ดอก​กุ้ยฮ​วา​ด้วยตัวเอง​หลาย​ไห​ กำลัง​ชิมรสชาติ​ของ​สุรา​อยู่​ใน​ห้อง​ขนาบ​ข้าง​ที่เก็บ​สุรา​กุ้ยฮ​วา​เอาไว้​ พอ​ได้ยิน​สาวใช้​เด็ก​มารายงาน​ ยัง​ไม่ทัน​ได้​วาง​จอก​สุรา​ใน​มือ​ลง​ เฉิงฉือ​ก็​เดิน​เข้ามา​ก่อน​แล้ว​

“เหตุใด​ถึงนึก​จะหมัก​สุรา​ดอก​กุ้ยฮ​วา​ได้​เล่า​” เขา​เดิน​เข้ามา​ใน​เรือน​หลัก​ก็ได้​กลิ่นหอม​อ่อน​ๆ ของ​สุรา​ดอก​กุ้ยฮ​วา​แล้ว​

โจว​เสาจิ่น​รู้สึก​กระดากอาย​เล็กน้อย​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “มิใช่ว่า​ใกล้​จะถึงเทศกาล​ไหว้​พระจันทร์​แล้ว​หรอก​หรือ​ ของขวัญ​สำหรับ​เทศกาล​ไหว้​พระจันทร์​นั้น​คง​ไม่อาจ​หา​ซื้อ​มาจาก​ตลาด​ทั้งหมด​ทุกอย่าง​หรอก​กระมัง​ เมื่อก่อน​ข้า​เคย​หมัก​สุรา​ดอก​กุ้ยฮ​วา​มาก่อน​ ทุกคน​ต่าง​บอ​กว่า​รสชาติ​ดี​ ประจวบ​เหมาะกับ​ที่​ปี​นี้​ดอก​กุ้ยฮ​วา​บานสะพรั่ง​ ข้า​ก็​เลย​หมัก​สุรา​อีก​สอง​สามไห​ มิใช่ของ​หา​ยาก​อะไร​ เป็นการ​แสดงน้ำใจ​ครั้งหนึ่ง​ก็​เท่านั้น​”

เฉิงฉือ​ฟังแล้ว​รู้สึก​ดีใจ​เป็นอย่างมาก​

เสาจิ่น​มีนิสัย​อ่อนโยน​ ทั้ง​ยัง​เป็น​คน​เงียบๆ​ เก็บเนื้อเก็บตัว​ เดิมที​เขา​ไม่ได้​คาดหวัง​ว่า​นาง​จะครองเรือน​ได้​ แต่​นาง​คิด​เรื่อง​การ​เข้าสังคม​กับ​ผู้อื่น​เช่นนี้​ได้​ รู้จัก​ไปมาหาสู่​กับ​บรรดา​ญาติสนิท​มิตรสหาย​ของ​ครอบครัว​เป็นครั้งคราว​เช่นนี้​ได้​ เขา​เป็น​คนกลาง​ช่วย​ไกล่เกลี่ย​ให้​ทั้งสอง​ฝั่งอีก​สักหน่อย​ เรื่อง​ต้อง​เข้าสังคม​นี้​ก็​จะผ่าน​พ้นไป​ได้​ด้วยดี​เป็นแน่​

“เอ๋​!” เขา​ทำ​ท่าทาง​กึ่ง​ไม่เชื่อ​พลาง​กล่าว​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “เจ้าหมัก​สุรา​ดอก​กุ้ยฮ​วา​เป็น​ด้วย​หรือ​ คิดไม่ถึง​เลย​จริงๆ​!”

โจว​เสาจิ่น​เม้มปาก​หัวเราะ​

ท่าน​น้า​ฉือ​มักจะ​ชอบ​เย้าแหย่​ให้​นาง​มีความสุข​

แน่นอน​ว่า​เขา​มิได้​ไม่เชื่อ​ว่า​นาง​หมัก​สุรา​เป็น​ ก็​แค่​อยาก​จะทำให้​ตน​ดีใจ​เท่านั้น​

นาง​จึงตัก​สุรา​จอก​เล็ก​ๆ ยื่น​ส่งให้​เฉิงฉือ​ “ท่าน​น้า​ฉือ​ ท่าน​ลอง​ชิมดู​ว่า​รสชาติ​ดี​หรือไม่​”

เฉิงฉือ​จิบ​ไป​คำ​หนึ่ง​

ใช้สุรา​ของ​จิน​หวา​หมัก​โดย​เติม​ดอก​กุ้ยฮ​วาสี​ทอง​และ​ดอก​กุ้ยฮ​วาสี​เงิน​เข้าไป​ เมื่อ​จิบ​เข้า​ปาก​แล้ว​ยังคง​เป็น​รสชาติ​ที่​ติด​ลิ้น​นาน​ของ​สุรา​จิน​หวา​ เพียงแต่ว่า​จะได้​กลิ่นหอม​ของ​ดอก​กุ้ยฮ​วาสี​ทอง​และ​ดอก​กุ้ยฮ​วาสี​เงิน​อย่าง​ชัดเจน​

“ไม่เลว​!” เฉิงฉือ​กล่าว​ยิ้ม​ๆ “ท่าน​แม่ชอบ​สุรา​จิน​หวา​ ก็​น่าจะ​ชอบ​สุรา​ดอก​กุ้ยฮ​วา​เช่นกัน​”

โจว​เสาจิ่น​ได้ยิน​แล้วก็​ยิ้ม​ตาหยี​จน​เป็น​พระจันทร์​เสี้ยว​ ลาก​เฉิงฉือ​ไปดู​สุรา​ดอก​กุ้ยฮ​วา​ที่​นาง​ฝังเอาไว้​หลัง​ลานบ้าน​ “…เป็น​สุรา​ข้าวหมาก​ที่​ข้า​หมัก​ขึ้น​มาเอง​ เติม​น้ำตาลกรวด​ ลำไย​และ​พุทรา​จีน​ไป​ด้วย​ เป็น​สุรา​ดอก​กุ้ยฮ​วาสี​ทอง​สิบ​ไห​ สุรา​ดอก​กุ้ยฮ​วาสี​เงิน​สิบ​ไห​ สุรา​ดอก​กุ้ยฮ​วาสี​แดง​สิบ​ไห​ และ​ยังมี​อีก​ยี่สิบ​ไห​ที่​ใช้สุรา​เกาเหลียง​หมัก​ สุรา​ข้าวหมาก​เอาไว้​ดื่ม​ตอน​เทศกาล​ไหว้​พระจันทร์​ปีหน้า​ ส่วน​สุรา​เกาเหลียง​ฝังเอาไว้​ห้า​ถึงหก​ปี​ค่อย​นำ​ออกมา​ ถึงเวลา​นั้น​ข้า​จะทำ​นก​พิราบ​หมัก​สุรา​ตากลม​ให้​ท่าน​น้า​ฉือ​แกล้ม​สุรา​”

สาวน้อย​ของ​เขา​เป็น​เสมือน​กับ​เรือ​ลำ​น้อย​ที่​แล่น​มาอย่าง​ยาวนาน​ ที่​สุดท้าย​ก็ได้​หยุด​อยู่​ที่​ท่าเรือ​ของ​เขา​แล้ว​

ถึงกับ​ฝังสุรา​ไว้​ใต้ดิน​ ยัง​บอก​ด้วยว่า​ห้า​ปี​หลังจากนี้​ค่อย​นำ​ออกมา​…

เฉิงฉือ​มอง​นาง​ยิ้ม​ๆ

ตอนที่ 442 เกิดเหตุ 1

ตอนที่ 442 เกิดเหตุ 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน