โจวเสาจิ่นที่อยู่ไกลถึงจิงเฉิงในเวลานี้กำลังเอียงตัวนอนอ่านจดหมายที่เฉิงเจียส่งมาให้อยู่บนหมอนอิงของตั่งตัวใหญ่ข้างหน้าต่างอยู่
ชุดผ้าไหมสีแดงสดปักลายนกเฟิ่งแหงนหน้ามองสุริยันตัวใหม่แขวนอยู่บนราวแขวนเสื้อด้านตะวันออกของห้องชั้นในของนาง เปล่งแสงทองเป็นประกายระยิบระยับงดงามยิ่ง
เฉิงเจียมักจะเขียนจดหมายส่งมาให้โจวเสาจิ่นบ่อยๆ
จดหมายฉบับแรกที่นางเขียนส่งมาให้โจวเสาจิ่นก็คือตอนที่โจวเสาจิ่นเพิ่งไปถึงเมืองเป่าติ้งตอนนั้น เฉิงเจียเขียนจดหมายมาถามนางว่าคุ้นชินกับชีวิตที่เมืองเป่าติ้งบ้างหรือยัง ยังพูดถึงเรื่องหมั้นหมายระหว่างเฉิงสวี่และคุณหนูใหญ่ตระกูลหมิ่นให้ฟังแบบอ้อมๆ อีกด้วย
โจวเสาจิ่นเขียนจดหมายตอบกลับไปให้นาง บอกว่าตนไม่เป็นอะไร ยิ่งตอนนี้เฉิงสวี่หมั้นหมายแล้วนางก็ยิ่งไม่มีอะไรให้ต้องกังวลใจอีกแล้ว
เฉิงเจียโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง จดหมายที่เขียนส่งมาหาโจวเสาจิ่นอีกครั้งจึงดูมีความสุขขึ้นมาก โดยเฉพาะหลังจากที่นางแต่งไปที่ลั่วหยางแล้ว ได้กินของอร่อยอะไรหรือพบเห็นเรื่องน่าสนุกอะไรก็ล้วนเขียนจดหมายมาเล่าให้โจวเสาจิ่นฟังทั้งสิ้น กลับเป็นโจวเสาจิ่นที่ในใจมีแต่เฉิงฉือ ในสายตาก็มองเห็นแต่คนผู้นี้เพียงผู้เดียว บ่อยครั้งที่จดหมายฉบับใหม่ของเฉิงเจียส่งมาถึงแล้ว แต่นางยังมิได้ตอบจดหมายฉบับก่อนหน้าเลย
โชคดีที่ในที่สุดครั้งนี้โจวเสาจิ่นก็มีสติและมโนธรรม เมื่อเรื่องของนางและเฉิงฉือถูกกำหนดลงมาเรียบร้อยแล้วก็เขียนจดหมายไปให้เฉิงเจียหนึ่งฉบับ
ในจดหมายตอบกลับนั้นเฉิงเจียต่อว่าโจวเสาจิ่นอย่างรุนแรงไปครั้งหนึ่ง บอกว่านางมีอะไรล้วนเล่าให้โจวเสาจิ่นฟังทุกอย่าง แต่เรื่องสำคัญขนาดนี้โจวเสาจิ่นกลับไม่เล่าให้นางฟัง
จากเนื้อความในจดหมายแล้วโจวเสาจิ่นพอจะจินตนาการถึงท่าทางกระทืบเท้าของเฉิงเจียขณะเขียนจดหมายฉบับนี้ได้
นางเม้มปากกลั้นหัวเราะอย่างอดไม่อยู่
เฉิงเจียบอกนางว่า หลี่จิ้งมีการค้าหนึ่งอยู่ที่เทียนจิน นางอยู่บ้านรู้สึกเบื่อหน่ายจึงตามหลี่จิ้งมาเทียนจินด้วย จดหมายของโจวเสาจิ่นนั้นถูกส่งมาจากลั่วหยางอีกทอดหนึ่ง หากว่าช้ากว่านี้ไปอีกสักสองสามวัน นางและหลี่จิ้งก็คงจะออกเดินทางกลับลั่วหยางไปแล้ว ตอนนี้พวกเขาตัดสินใจเดินทางมาจิงเฉิงเพื่อมาร่วมงานแต่งงานของโจวเสาจิ่น ยังให้โจวเสาจิ่นให้การรับรองนางให้ดี ไม่อย่างนั้นอย่าได้คิดว่านางจะเรียกโจวเสาจิ่นว่า ‘อาสะใภ้’ เด็ดขาด และบอกอีกว่า ข้ามีของดีจะมอบให้เจ้าด้วย ให้เจ้าเอาไว้ใช้ในคืนแต่งงาน...
ดวงหน้าของโจวเสาจิ่นพลันร้อนจนแดงก่ำ ต่อว่าเฉิงเจียในใจไม่หยุดว่า ไม่มีช่วงเวลาที่อยู่สงบๆ ได้แม้แต่เค่อเดียว ไม่รู้ว่าหลี่จิ้งทนนางได้อย่างไร นางเอาจดหมายของเฉิงเจียไปเก็บไว้ในกล่อง จากนั้นสั่งการให้ชุนหว่านไปเชิญโจวชูจิ่นมาหา กล่าวว่า “ในบ้านยังมีห้องว่างอยู่อีกหรือไม่ พี่สาวเจียและพี่เขยจะมาร่วมงานแต่งด้วยเจ้าค่ะ”
วันแต่งงานของนางใกล้เข้ามาแล้ว ตามหลักแล้วนางควรจะกลับไปรอออกเรือนอยู่ที่เมืองเป่าติ้ง แต่ไม่ว่าจะเป็นโจวเจิ้นหรือว่าเฉิงฉือ ล้วนสงสารนางที่ต้องทนรับความเหน็ดเหนื่อยและความยากลำบากจากการนั่งรถม้า จึงตัดสินใจให้นางรอออกเรือนอยู่ที่ซอยอวี๋เฉียนที่จิงเฉิงแทน แต่โจวเจิ้นก็ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งงาน ส่วนหลี่ซื่อก็ได้รับการตรวจชีพจรพบว่ากำลังตั้งครรภ์อีกครั้งหนึ่งแล้ว เขาจำต้องฝากฝังให้เลี่ยวเส้าถังสองสามีภรรยาช่วยส่งโจวเสาจิ่นออกเรือนแทน โจวเสาจิ่นจะกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมเก้าวัน ประจวบเหมาะกับเป็นวันหยุดของราชสำนัก นางก็จะได้อยู่ที่เมืองเป่าติ้งนานขึ้นอีกสักสองสามวันด้วยพอดี
ชาติก่อนก็เป็นเลี่ยวเส้าถังสองสามีภรรยาที่เป็นคนส่งโจวเสาจิ่นออกเรือน
โจวเสาจิ่นจึงไม่ได้คิดมากอะไร
โจวชูจิ่นกลับรู้สึกผิดต่อน้องสาวเล็กน้อย ก็เลยมาช่วยงานตั้งแต่เช้า นอกจากคอยสั่งการบ่าวรับใช้ทำความสะอาดแล้ว เรื่องงานเลี้ยงและของที่ต้องใช้ในพิธีแต่งล้วนคัดสรรด้วยความเอาใจใส่ มักจะต้องเป็นร้านที่ดีกว่าร้านอื่นๆ ถึงจะตัดสินใจเลือกใช้
และฮูหยินผู้เฒ่ากวนที่เมืองจินหลิงก็ส่งจดหมายมาบอกแล้วว่าจะพาเฉิงเหมี่ยนและคนอื่นๆ มาร่วมงานแต่งงานของโจวเสาจิ่นด้วย
แน่นอนว่าโจวชูจิ่นดีใจเป็นอย่างมาก
ตระกูลโจวมิได้มีญาติสนิทมิตรสหายที่จิงเฉิงมากนัก มีคนของจวนสี่มาร่วมด้วย งานแต่งของโจวเสาจิ่นก็จะครึกครื้นขึ้นมาก และก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าจวนสี่ยอมรับการแต่งงานในครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นผลดีต่ออนาคตในภายภาคหน้าของโจวเสาจิ่น
นางจึงเก็บกวาดห้องรับรองแขก จัดเตรียมที่นอน อาหารการกินเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว รอเพียงให้คนมาถึงเท่านั้น
ตอนนี้มีเฉิงเจียและหลี่จิ้งเพิ่มมาอีกคู่หนึ่ง เกรงว่าห้องหับคงจะไม่ค่อยพอแล้วเป็นแน่
โจวชูจิ่นครุ่นคิดครู่หนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “เช่นนั้นก็คงต้องลำบากเฉิงเจียแล้ว จัดหาห้องว่างจากเรือนด้านหลังที่มีสินเจ้าสาวของเจ้าวางกองเอาไว้นั้นมาสักห้องหนึ่งให้เฉิงเจียเข้าพัก ส่วนหลี่จิ้งให้เบียดเสียดอยู่ห้องเดียวกับเฉิงอี้ก็แล้วกัน”
โจวเจิ้นเองก็จัดเตรียมสินเจ้าสาวให้โจวเสาจิ่นหนึ่งร้อยยี่สิบคนหามเหมือนกับที่จัดให้โจวชูจิ่น วางกองเต็มเรือนด้านหลังไปหมด
โจวเสาจิ่นหน้าแดง กล่าวขึ้นว่า “เช่นนั้นคงต้องลำบากท่านพี่แล้วเจ้าค่ะ”
ตอนนี้นางเป็นหญิงสาวที่กำลังจะออกเรือน จึงไม่อาจไปไหนมาไหนตามใจชอบได้
โจวชูจิ่นยิ้มร่า พลางกล่าว “เจ้าทำตัวเกรงใจกับข้าขึ้นมาแล้วหรือ!”
โจวเสาจิ่นไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดี
ชาติก่อนนางอยากจะขอบคุณพี่สาวมาตลอด เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้พูดกับพี่สาว ประโยคที่บอกว่าลำบากท่านพี่แล้วของชาตินี้นั้น เป็นความรู้สึกซาบซึ้งใจที่รวมกับของชาติที่แล้วด้วย
นางยิ้มให้อย่างไร้เดียงสา
โจวชูจิ่นลูบศีรษะของนาง บอกให้ชุนหว่านไปคอยกำกับป้ารับใช้เคลื่อนย้ายหีบ
มีสาวใช้หลายคนเดินห้อมล้อมฮูหยินใหญ่เลี่ยวที่สีหน้าดูมีความขัดเขินอยู่ด้วยหลายส่วนเข้ามา
นางเห็นโจวชูจิ่นรีบสาวเท้าออกมาต้อนรับ ก็เอ่ยถามขึ้นว่า “มีอะไรต้องการให้ข้าช่วยเหลือบ้างหรือไม่ กวนเกอเล่า หากเจ้าไม่มีเวลา ส่งเขาไปอยู่ที่เรือนของข้าก็ได้ ข้าจะช่วยดูเขาให้เอง”
โจวเสาจิ่นคือคนที่โจวชูจิ่นให้ความสำคัญมากที่สุด นับตั้งแต่ที่ฮูหยินใหญ่เลี่ยวกล่าวคำพูดเช่นนั้นเป็นต้นมา โจวชูจิ่นก็เย็นชากับแม่สามีเล็กน้อย
โจวชูจิ่นได้ยินแล้วก็กล่าวยิ้มๆ ว่า “ไม่ได้มีเรื่องอะไรมาก พ่อบ้านของซอยอวี๋เฉียนมีความสามารถมาก ข้าเองก็เพียงแค่ช่วยดูและเอ่ยย้ำเตือนบางเรื่องเท่านั้น มิได้ยุ่งอะไร ส่วนกวนเกอเมื่อครู่ถูกแม่นมอุ้มไปเล่นที่ลานบ้านมากว่าครึ่งค่อนวัน เพิ่งจะกลับไปนอนที่ห้องเมื่อครู่นี้เองเจ้าค่ะ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ช่วงนี้เชื่อฟังเป็นอย่างมาก ไม่ร้องไห้และไม่ดื้อไม่ซนเลย หากข้าดูแลไม่ไหวจริงๆ ค่อยรบกวนให้ท่านช่วยดูแลเขาให้ก็ยังไม่สาย”
ปฏิเสธฮูหยินใหญ่เลี่ยวไปอย่างไม่อ่อนข้อแต่ก็ไม่แข็งกระด้างจนเกินไป
ฮูหยินใหญ่เลี่ยวรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กล่าวได้ว่าคำพูดของโจวชูจิ่นในวันนั้นก้องกังวานอยู่ในหูราวกับสายฟ้าฟาด ทำให้นางนอนไม่หลับเลยทีเดียว
เดิมทีเหตุผลที่นางคิดจะเป็นแม่สื่อให้อาเซวียนนั้นก็เพราะอยากจะประจบประแจงตระกูลฟาง เพื่อให้บุตรชายได้มีอนาคตที่ดี
แต่ถ้าบุตรสะใภ้ของนางช่วยเหลือบุตรชายของนางในเรื่องหน้าที่การงานได้ แล้วเหตุใดนางต้องเห็นผิดเป็นชอบ ละทิ้งบุตรสะใภ้แล้วไปประจบประแจงตระกูลฟางด้วยเล่า
ครั้นคิดได้แล้ว ท่าทีของฮูหยินใหญ่เลี่ยวที่มีต่อโจวชูจิ่นก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงทำตัวใจดีน่าคบหา ยังหาโอกาสมาช่วยเหลือเรื่องงานแต่งของโจวเสาจิ่น อยากบรรเทาความบาดหมางก่อนหน้านี้ให้เบาบางลง
นางเป็นเช่นนี้ โจวชูจิ่นเห็นแล้วรู้สึกทนไม่ได้เล็กน้อย
ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร ฮูหยินใหญ่เลี่ยวก็เป็นแม่สามีของนาง เป็นคนที่ต้องอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต อะไรที่เมตตาต่อกันได้ก็เมตตาต่อกันเถิด

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน