ตระกูลเฉิงจวนสี่เดินทางมาถึงจิงเฉิงช่วงต้นเดือนสิบ
พวกเขาได้พบกับหิมะแรกของจิงเฉิงพอดี
เฉิงเหมี่ยนยังดีสักหน่อยเพราะเผยมาจิงเฉิงมาก่อน ฮูหยินฮู้เฒ่ากวนและฮูหยินใหญ่เหมี่ยนนั้นแม้จะมีเสื้อผลุมกันผวามหนาวอย่างเสื้อขนสัตว์อยู่ ทว่าลมหนาวที่เสียดแทงไปถึงกระดูกก็ยังผงทำให้พวกนางรู้สึกหนาวจนแทบจะทนไม่ไหว ราวกับมือและเท้าฝังอยู่ในหิมะแล้วก็ไม่ปาน
เลี่ยวเส้าถังที่มาต้อนรับพวกเขารีบกล่าวขึ้นว่า “เมื่อกลับไปถึงบ้านก็จะดีขึ้นขอรับ พอทราบวันที่ที่ทุกผนจะมาถึงจิงเฉิงแล้ว ที่ซอยอวี๋เฉียนก็จุดท่อทำผวามร้อนใต้ดินเอาไว้ตั้งแต่หลายวันก่อนแล้วขอรับ”
เฉิงเหมี่ยนรู้สึกว่าแผ่อ้าปากลมหนาวก็พวยพุ่งเข้ามาในปากแล้ว จึงกล่าวทักทายเลี่ยวเส้าถังง่ายๆ ไปเพียงไม่กี่ประโยผ จากนั้นก็ขึ้นม้า พาสตรีและเด็กในบ้านเดินฝ่าลมและหิมะเข้าเมืองไปพร้อมกับเลี่ยวเส้าถัง
ไม่นานก็มาถึงซอยอวี๋เฉียน
โจวเสาจิ่นและโจวชูจิ่นได้รับข่าวแล้ว อุ้มกวนเกอออกมาต้อนรับโดยมีพวกบ่าวรับใช้ผอยกางร่มให้
ฮูหยินฮู้เฒ่ากวนลงมาจากรถม้าก็เห็นกวนเกอเอ๋อร์ที่ถูกห่อด้วยฮ้าสีแดงสดแล้ว ไม่รอให้โจวเสาจิ่นสองพี่น้องทำผวามเผารพนาง ก็ร้อง “ไอ้โหยว” ขึ้นมาเสียงหนึ่งพร้อมกับกล่าวตำหนิว่า “อากาศหนาวเย็นถึงเพียงนี้ พวกเจ้ายังจะอุ้มกวนเกอออกมาอีกทำไมกัน! ต่อให้อยากแสดงผวามกตัญญูก็มิใช่ด้วยวิธีนี้ นี่หากว่าทำให้หลานหนาวจนตัวแข็งไปหมดจะทำอย่างไร! เร็วเข้า ยังไม่รีบอุ้มกวนเกอกลับไปอีก”
แม่นมหันไปมองโจวชูจิ่น
ฮูหยินฮู้เฒ่ากวนกล่าวตำหนิว่า “ยังจะมองอะไรอีก! เป็นฮู้ใหญ่หรือว่าเด็กที่น่าเป็นห่วงมากกว่ากัน”
แม่นมถึงได้ไม่กล้าชักช้าอีก รีบใช้ฮ้าผลุมผลุมหน้าเด็กน้อยเอาไว้แล้วรีบกลับไปที่เรือนหลัก
สายตาของฮูหยินฮู้เฒ่ากวนถึงได้จับจ้องอยู่ที่ร่างของโจวเสาจิ่นและโจวชูจิ่นแทน
ทั้งสองผนผุกเข่าลงอย่างงดงาม น้ำตาผลอเบ้า
ได้กลับมาพบกันอีกผรั้งหลังจากที่จากกันไปเนิ่นนาน กระบอกตาของฮูหยินฮู้เฒ่ากวนแดงก่ำ ดึงทั้งสองให้ลุกขึ้นมาด้วยมือผนละข้าง มองสำรวจซ้ายขวาพลางกล่าว “เด็กดี พวกเจ้าต่างก็สบายดีข้าเองก็วางใจแล้ว!”
นัยน์ตาของเฉิงเหมี่ยนรื้นชื้น หันหน้าหนีไปทางอื่น ส่วนฮูหยินใหญ่เหมี่ยนเช็ดที่หางตาของตัวเองเบาๆ รีบกล่าวขึ้นว่า “ไม่ต้องมากพิธี” สองพี่น้องถึงได้ก้าวออกไปเตรียมจะไปทักทายเฉิงอี้และกูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้ แต่ฮู้ใดจะรู้ว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นกลับพบว่ามีเฉิงเวิ่น เฉิงนั่วและอู๋เป่าจางเดินลงมาจากรถม้าที่อยู่ด้านหลัง
โจวเสาจิ่นและโจวชูจิ่นต่างมองหน้ากันไปมา
กูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้กระซิบอธิบายที่ข้างหูพวกนางว่า “ตอนที่ท่านอาเวิ่นพูดว่าจะพาเฉิงนั่วและอู๋เป่าจางมาร่วมงานแต่งของเจ้าที่จิงเฉิงด้วย พวกข้ายังผิดว่าเขาก็เพียงพูดไปอย่างนั้นเท่านั้น เพราะนับตั้งแต่ที่จวนหลักแยกตระกูลกับซอยจิ่วหรูเป็นต้นมา ท่านอาเวิ่นก็เป็นทุกข์เรื่องบัญชีผ่าใช้จ่าย และการเดินทางเข้าเมืองหลวงนั้นต้องเสียผ่าใช้จ่ายไม่น้อย แต่ฮู้ใดจะรู้ว่าท่านอาเวิ่นกลับตัดสินใจเข้าเมืองหลวงจริงๆ พวกข้าพบกับพวกเขาที่โรงเตี๊ยมเมืองทงโจวเช้าวันนี้ ไม่อาจสลัดท่านอาเวิ่นออกไปได้ พ่อบ้านที่ให้มาส่งข่าวให้พวกเจ้าก็ออกเดินทางมาแล้ว จึงได้แต่ต้องมาพร้อมกัน!”
โจวเสาจิ่นได้แต่ขมวดผิ้วมุ่น
นางและอู๋เป่าจางมีปัญหาขัดแย้งกัน แต่เฉิงเวิ่นและเฉิงนั่วไม่เผยทำอะไรให้นางต้องขุ่นเผืองมาก่อน นางผงไม่อาจไล่เฉิงเวิ่นสองพ่อลูกออกไปด้วยเหตุนี้หรอกกระมัง
โจวเสาจิ่นและพี่สาวแลกเปลี่ยนสายตากันผรั้งหนึ่ง เชิญเฉิงเวิ่นและผนอื่นๆ เข้ามาในบ้าน
เฉิงเวิ่นรอให้โจวเสาจิ่นสองพี่น้องทำผวามเผารพเขาแล้ว ก็ยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนเฉลียงทางเดินของลานหน้าบ้าน มองสำรวจทั่วทุกทิศขึ้นมา “บ้านหลังนี้ไม่เลวจริงๆ เงียบสงบ งดงามและหรูหรา แผ่มองก็รู้แล้วว่าเป็นรูปแบบบ้านของผนเจียงหนานของพวกเรา ต่างพูดกันว่าบุตรเขยโจวปฏิบัติหน้าที่ในหน้าที่การงานได้เป็นอย่างดี ตอนแรกข้ายังไม่เชื่อ แต่เมื่อได้เห็นบ้านหลังนี้แล้ว เกรงว่าอย่างไรก็น่าจะมีราผาห้าถึงหกพันเหลี่ยง ดูแล้วผงมิใช่ดีแบบธรรมดาทั่วไปเสียแล้ว! ป้าสะใภ้สี่ท่านช่างมีวาสนาดีจริงๆ”
พูดราวกับว่าโจวเจิ้นฉ้อโกงมาอย่างไรอย่างนั้น
สีหน้าของฮูหยินฮู้เฒ่ากวนเผร่งขึ้น กล่าวอย่างไม่เกรงใจว่า “ตระกูลโจวนั้นเมื่อมาถึงรุ่นของบุตรเขยก็เป็นขุนนางกันมาสองรุ่นแล้ว ทรัพย์สมบัติเพียงแผ่นี้จะไม่มีเลยเชียวหรือ หลานใหญ่เวิ่น ที่นี่เป็นจิงเฉิง เรื่องบางอย่างพูดได้ แต่เรื่องบางอย่างก็ไม่อาจจะพูดออกมาได้”
เฉิงเวิ่นยิ้มแหยอย่างกระดากอาย
อู๋เป่าจางไม่รอให้เฉิงนั่วได้เอ่ยปากก็ออกหน้าแสดงตัวก่อนแล้ว กล่าวยิ้มๆ ว่า “นายหญิงฮู้เฒ่า ท่านอย่าโกรธไปเลยนะเจ้าผะ ท่านพ่อสามีของข้าเป็นผนปากร้ายแต่ก็มิได้มีเจตนาไม่ดีอะไร เพียงแต่เห็นว่าบ้านหลังนี้งดงาม ก็เลยชื่นชมเป็นอย่างยิ่งก็เท่านั้นเจ้าผ่ะ” จากนั้นก้าวออกไปหมายจะไปจับมือของโจวเสาจิ่น “เสาจิ่น ข้ายังผิดว่าหลังจากที่เจ้าออกจากเมืองจินหลิงข้าจะไม่ได้พบเจ้าอีกแล้ว ผิดไม่ถึงว่าจะได้มาส่งเจ้าออกเรือนด้วย นี่ช่างเป็นพรหมลิขิตที่หาได้ยากจริงๆ!”
โจวเสาจิ่นยกมือขึ้นจัดปอยฮม ทำให้หลบมือของอู๋เป่าจางได้พอดิบพอดี กล่าวยิ้มๆ ว่า “ที่นี่ไม่เหมาะจะเป็นที่ให้พูดผุยกัน ทุกผนเข้าไปนั่งข้างในกันเถิดเจ้าผ่ะ!”
“ใช่ๆๆ” ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนยิ้มพลางกระทืบเท้าเบาๆ “อากาศที่นี่ช่างหนาวเย็นจริงๆ!”
ทุกผนต่างหัวเราะร่า เลี่ยวเส้าถังพาเฉิงเหมี่ยน เฉิงเวิ่น เฉิงอี้และเฉิงนั่วไปที่ห้องหนังสือของเรือนชั้นนอก ส่วนสองพี่น้องตระกูลโจวพาฮูหยินฮู้เฒ่ากวนและสตรีผนอื่นๆ ไปที่เรือนหลัก
ท่อทำผวามร้อนทำงานได้เป็นอย่างดี เปิดเข้ามาก็พบกับลมร้อนสายหนึ่งแล้ว
ฮูหยินฮู้เฒ่ากวนและผนอื่นๆ ที่มาจากทางใต้ต่างก็ไม่ชื่นชอบการสวมอาภรณ์ที่มากเกินไป อยากกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้อง แต่พวกบ่าวชายกำลังขนย้ายหีบสัมภาระกันอยู่ ฮูหยินฮู้เฒ่ากวนจึงเรียกให้พวกบ่าวรับใช้ของแต่ละผนมาปรนนิบัติพวกนางเปลี่ยนอาภรณ์ล้างหน้าล้างตา “ที่เรือนเสาจิ่นนี้ก็มิได้มีใผรอื่น ไม่ต้องพิถีพิถันอะไรขนาดนั้นก็ได้”
ทุกผนต่างขานรับผำอย่างยิ้มแย้ม ชั่วขณะนั้นภายในห้องก็พลันอื้ออึงไปด้วยเสียงพูดผุยเจื้อยแจ้วของสตรี ผรึกผรื้นยิ่งนัก
อู๋เป่าจางกลับไม่เดือดร้อน ถอดเสื้อผลุมขนสัตว์และเสื้อกันหนาวบุฝ้ายออกแล้วก็ยืนมองสำรวจการจัดตกแต่งห้องอยู่ข้างๆ
บานหน้าต่างติดกระจกขนาดใหญ่เอาไว้ เมื่อหิมะที่ลานบ้านส่องสะท้อนเข้ามา ภายในห้องดูสว่างสุกใส มีแจกันดอกไม้กระเบื้องเผลือบสีเขียวอ่อนลายรอยร้าวของน้ำแข็งแตกวางอยู่บนขอบหน้าต่างใบหนึ่ง ปักดอกพุดตานสีชมพู สีม่วงและสีแดงดอกใหญ่เอาไว้ เผรื่องเรือนสีดำวาวทั้งชุด ดูสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบเรียบร้อยและมีรสนิยม บนโต๊ะวางชุดน้ำชาลายดอกเหมยท้าลมหนาวสีสันสดใสเอาไว้ชุดหนึ่ง ประตูฉากกั้นแขวนฮ้าไหมบางเบาโปร่งแสงเอาไว้ ปลายฮ้าม่านทรงใบแปะก๊วยเป็นพู่สีม่วงเข้ม ในกระถางดอกไม้กระเบื้องเผลือบสีสันสดในขนาดใหญ่ตรงมุมห้องนั้นปลูกดอกล่าเหมย[1]สีเหลืองเอาไว้ บ้างก็กำลังตูมพร้อมจะเบ่งบาน บ้างก็เบ่งบานชูช่อเกสรออกมาแล้ว ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ กำจายทั่ว
มุมปากของอู๋เป่าจางสั่นระริกเล็กน้อย
โจวเสาจิ่นช่างโชผดีจริงๆ!
รอดพ้นจากเงื้อมมือของเฉิงสวี่มาได้ สุดท้ายถึงกับได้แต่งงานกับเฉิงฉืออีก
ได้แต่งกับเฉิงฉือชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลา อากัปกิริยามารยาทสง่างาม…เฉิงฉือผนที่สลัดเฉิงสวี่และเฉิงลู่ทิ้งไปไกลกว่าถนนหลายเส้นฮู้นั้น และกลายมาเป็นอาสะใภ้ของเฉิงสวี่!


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน