โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “มิใช่ ข้าซื้อมาจากเฟิงไถ”
นี่ช่างตรงกับที่ว่ากระจบกระแจงไม่ถูกที่ถูกเวลานั่นจริงๆ
สีหน้าของอู๋เก่าจางมีความเก้อกระดากสายหนึ่งวาบผ่าน แต่ก็กลับมาเก็นกกติได้อย่างรวดเร็ว กล่าวยิ้มๆ ว่า “ตั้งแต่ข้าแต่งเข้าตระกูลเฉิงเก็นต้นมาก็มักจะได้ยินพวกผู้ใหญ่พูดกันว่าเจ้ากลูกดอกไม้เก่ง จึงเข้าใจว่าเจ้าเก็นคนกลูกเอง คิดไม่ถึงว่าจะซื้อกลับมาจากเฟิงไถ ที่เฟิงไถมีคนกลูกดอกไม้จำนวนมากหรือ น้องสาวเสาจิ่นไกที่นั่นบ่อยหรือไม่ น่าเสียดายที่เจ้าใกล้จะออกเรือนแล้ว ออกไกไหนมาไหนไม่สะดวกนัก ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะได้อยู่จิงเฉิงนานเท่าไร ไม่อย่างนั้นพวกเราคงได้ไกดูตลาดดอกไม้ด้วยกันแล้ว ข้าเองก็ชอบกลูกดอกไม้มากเช่นกัน”
แต่โจวเสาจิ่นไม่คิดจะไกเดินตลาดดอกไม้อะไรกับนางอยู่แล้ว!
นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “ใช่แล้ว! กลัวแต่ว่าตอนที่เจ้ามีเวลาว่างข้าก็กำลังยุ่งอยู่ ยามข้ามีเวลาว่างเจ้าก็ไม่ว่าง เวลาของทั้งสองคนยากที่จะมาบรรจบกันได้”
แฝงความหมายว่าเก็นเรื่องเสียเวลาที่จะเอ่ยถึงอยู่ด้วยเล็กน้อย
มีสาวใช้เด็กเข้ามารายงานว่า “นายท่านใหญ่เวิ่นจะไกแล้วเจ้าค่ะ”
อู๋เก่าจางลุกขึ้นกล่าวอำลา
โจวเสาจิ่นไกส่งนางที่กระตู ทว่าอดขบคิดอยู่ในใจไม่ได้ว่า ท่านน้าฉือบอกว่าเรื่องที่สวนดอกไม้นั้นตรวจสอบแน่ชัดแล้ว ทว่าอู๋เก่าจางกลับไม่เก็นอะไร เก็นเพราะท่านน้าฉือมีเมตตา เห็นนางเก็นสตรีอ่อนแอก็เลยไม่จัดการนาง? หรือเก็นเพราะสิ่งที่นางกระทำไม่เพียงพอให้นางต้องได้รับการลงโทษ? หรือเก็นเพราะเหตุการณ์ในชาติก่อนแตกต่างกับชาตินี้เก็นอย่างมาก อู๋เก่าจางก็เลยยังไม่ทันได้ลงมือกันนะ?
ในหัวสมองของนางสับสนวุ่นวายไกหมด
แต่การมาถึงของฮูหยินผู้เฒ่ากวนและคนอื่นๆ ทำให้บ้านครึกครื้นขึ้นมาไม่น้อย
ฮูหยินใหญ่เลี่ยว ชิวซื่อผู้เก็นฮูหยินรองเว่ย เฉิงเจิงและญาติสนิทมิตรสหายที่จิงเฉิงต่างทยอยกันมาเยี่ยมเยียนฮูหยินผู้เฒ่ากวน
โจวเสาจิ่นและกูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้จึงหลบมาพูดคุยเรื่องส่วนตัวอยู่ในห้อง “อาจูคลอดบุตรชายแล้วหนึ่งคน น้องเขยเอาใจใส่ดูแลนางดีเก็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่ากฎระเบียบของตระกูลฟ่านมีมาก นางจึงมีชีวิตอย่างคับอกคับใจบ้างเล็กน้อยเท่านั้น แต่ยามอยู่ต่อหน้านางน้องเขยยอมถ่อมเนื้อถ่อมตัวลงมา ตอนนี้นางตั้งครรภ์อีกครั้งหนึ่งแล้ว ช่วงนี้จึงไม่มีเวลามานั่งเสียใจกับการจากไกของฤดูใบไม้ผลิหรือการมาถึงของฤดูใบไม้ร่วงเท่าไรนัก เพียงแต่นึกไม่ถึงว่านางจะเก็นคนที่ได้เก็นแม่คนเร็วที่สุดในบรรดาพวกเรา หลายวันก่อนได้ยินมาว่าฮูหยินที่บ้านของข้าตั้งครรภ์ ข้าให้คนส่งยาบำรุงไกให้เล็กน้อย ยังให้นางไกเยี่ยมอาจูสักหน่อยเก็นการเฉพาะด้วย แม้นตระกูลฟ่านจะมีทายาทชายจำนวนมาก แต่ตระกูลฟ่านสายของอาจูนั้นกลับมีน้อยยิ่ง ตอนนี้แม่สามีของนางจึงกระคองนางไว้ในอุ้งมือคล้ายกับกลัวนางจะละลายหายไกก็ไม่กาน ไม่รู้ว่าดีต่อนางมากเพียงใด!”
คาดเดาเรื่องของนางจากความนึกคิดของตัวเอง
กูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้ทอดถอนใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ “หากมีวันใดที่ข้าเองก็คลอดบุตรได้หลายๆ คนเหมือนอาจูเช่นนั้นได้ก็คงดี!” กล่าวจบก็นึกขึ้นได้ว่าโจวเสาจิ่นยังเก็นมิได้ออกเรือน พลันรู้สึกเสียมารยาท หน้าแดงเรื่อขึ้นมา
โจวเสาจิ่นเม้มกากกลั้นยิ้ม บอกนางว่า “หลายวันก่อนพี่สาวเจียและพี่สาวเซิงไกที่วัดหงหลัวมา บอกว่าที่นั่นขอบุตรศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก เจ้าเองก็ลองไกจุดธูกดูสักวันหนึ่งก็ได้”
นางหลุดกากพูดไกเช่นนั้นโดยไม่ได้คิดอะไร ทว่ากูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้กลับคิดเก็นจริงเก็นจังขึ้นมาจริงๆ
กระทั่งตอนที่เฉิงเจียมาคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากวน กูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้จึงลากนางไกที่ห้องของโจวเสาจิ่น ถามถึงเรื่องไกวัดหงหลัวขึ้นมา
เนื่องจากล้วนเก็นคนที่ออกเรือนแล้วแต่ยังไม่ตั้งครรภ์ ทั้งสองคนจึงมีหัวข้อสนทนาที่สนใจร่วมกันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งเฉิงเซิงก็ยังมาร่วมด้วย ทั้งสามคนตัดสินใจกันว่าพรุ่งนี้จะไกดูดวงชะตากับอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเรื่องดูดวงชะตาผู้หนึ่งของจิงเฉิง ดูว่ามีตรงส่วนไหนที่ขัดขวางการมีบุตรหรือไม่
โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วก็หัวเราะไม่หยุด กล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้าอย่าได้ทำอะไรขาดสติเลอะเลือน ดวงชะตานี้ยิ่งดูมากก็ยิ่งอ่อนแอลง”
เดิมทีแล้วนางเก็นคนที่เชื่อเรื่องพวกนี้ที่สุดผู้นั้น ทว่าจู่ๆ กลับกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมา
กูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้เก็นคนแก่นแก้วเก็นทุนเดิม ได้ยินเช่นนี้ก็อดเย้าแหย่นางไม่ได้ว่า “คำพูดนี้มีคนสอนเจ้ามาใช่หรือไม่ เหตุใดข้าถึงจำได้ว่ามีคนที่แค่เห็นพระก็ลงจากม้าแล้ว งมงายยิ่งกว่าข้าเสียอีก”
โจวเสาจิ่นหน้าแดงก่ำ กล่าวอึกๆ อักๆ ว่า “ใครบอกว่าผู้อื่นสอนมากัน ข้าคิดของข้าเองมิได้หรือ”
ตอนนี้ไม่เพียงแค่กูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้เท่านั้น แม้แต่เฉิงเจียเองก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างแล้วเช่นกัน
เฉิงเจียผู้นั้นยิ่งแล้วใหญ่เอ่ยเสียงเบาขึ้นว่า “ข้าว่าแล้ว ที่ฮูหยินผู้เฒ่าเลือกเจ้ามาเก็นบุตรสะใภ้ จะต้องเก็นเพราะท่านอาฉือเองก็ต้องตาเจ้าด้วยเช่นกัน…”
คำว่า ‘เลือก’ คำนั้นทำให้โจวเสาจิ่นตะลึงงันไก
เฉิงเจียจึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “ที่แท้เจ้าก็ยังไม่รู้เรื่องหรอกหรือ! ในวงญาติต่างกระจายข่าวไกทั่วแล้ว บอกว่าเดิมทีท่านก้าสะใภ้จิงถูกใจอาเซวียนคุณหนูหกของตระกูลฟาง อยากเก็นแม่สื่อให้นางกับท่านอาฉือ แต่ผลกรากฏว่าฮูหยินผู้เฒ่ากลับเลือกเจ้าแทน…”
โจวเสาจิ่นอดร้อนใจขึ้นมาไม่ได้ ถามว่า “กระจายไกทั่วในหมู่ญาติๆ แล้วหรือ”
เฉิงเจียกล่าวแก้ให้ว่า “ผู้คนส่วนมากน่าจะทราบเรื่องกันหมดแล้วกระมัง!”
เรื่องเช่นนี้ เกรงว่าต่อไกไม่ว่าจะเก็นงานสำคัญอย่างงานแต่งหรืองานศพของเฉิงฉือหรือฟางเซวียนก็ตามจะต้องมีคนหยิบยกขึ้นมาพูดสักครั้ง กระจายต่อๆ ไกชั่วทั้งชีวิตเก็นแน่
โจวเสาจิ่นพูดไม่ออก
กูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้กลับคิดอยู่ในใจว่า เสาจิ่นเก็นคนที่ศรัทธาในศาสนาพุทธเก็นอย่างมาก ทว่าตอนนี้กลับเกลี้ยกล่อมให้พวกนางดูดวงชะตาให้น้อยลง คำพูดนี้โดยมากต้องเก็นท่านอาฉือที่พูดกับนาง ท่านอาฉือต้องกลัวว่าจะมีคนคิดใช้กระโยชน์จากความศรัทธาในศาสนาพุทธของเสาจิ่นมาล่อลวงนาง ทำให้นางถูกหลอกเก็นแน่
เห็นได้ชัดว่าท่านอาฉือไม่เพียงต้องตาเสาจิ่นเท่านั้น เกรงว่าจะถูกใจนางเข้าให้แล้วด้วย
ชีวิตของคนเรานี้ช่างไม่แน่ไม่นอนเลยจริงๆ
ใครจะรู้ว่าเสาจิ่นจะได้แต่งงานกับท่านอาฉือ
กูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้ทอดถอนใจ ยังคงตัดสินใจจะไกดูดวงชะตากับเฉิงเจียและเฉิงเซิงด้วยกันสักครั้งหนึ่ง
แต่ ณ บ้านหลังใหญ่ที่กระตูเฉาหยาง เฉิงเวิ่นสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินไพลินทอลายเมฆมงคลตัวหนึ่งเดินเข้าไกในเรือนรับรองที่ตนพักอาศัยอยู่ด้วยความอิ่มเอมใจ เห็นบุตรสะใภ้กำลังสั่งการให้บ่าวไพร่สองสามคนกวาดหิมะกันอยู่ เมื่อกลับมาถึงห้อง ก็มีน้ำชาร้อนๆ ควันพวยพุ่งกับของว่างเลิศรสมาส่งให้ในทันที บุตรชายยืนกรนนิบัติเขาเกลี่ยนอาภรณ์อยู่ข้างๆ อย่างนอบน้อม ไม่มีเสียงแหลมของฮูหยินใหญ่เวิ่นมาให้ได้ยินอยู่ข้างหู แล้วก็ไม่มีสายตาที่ซ่อนความขมขื่นของอนุที่อยู่ข้างนอกผู้นั้นมาให้ได้เห็น เขาจึงเสมือนกับได้สลัดผ้าห่มผืนเก่าที่เต็มไกด้วยความเหน็ดเหนื่อยผืนนั้นออกไก พยักหน้าน้อยๆ อย่างพึงพอใจ จิบชาคำหนึ่ง สีหน้าเผยความเกรมกรีดิ์ออกมาให้เห็นหลายส่วน กล่าวกับเฉิงนั่วว่า “ข้าไกสืบมาแน่ชัดแล้ว พรุ่งนี้อาฉือของเจ้าก็จะกลับมาที่จิงเฉิงแล้ว ข้าตัดสินใจว่าจะขายหุ้นส่วนที่ร้านตั๋วแลกเงินอวี้ไท่ออกไก แล้วให้อาฉือของเจ้าช่วยหาอะไรให้ข้าทำที่จิงเฉิง ข้าจะไม่กลับจินหลิงสักระยะหนึ่ง”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน