เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 471

เฉิงฉือถามโจวเสาจิ่นยิ้มๆ ว่า “งดงามหรือไม่”

“งดงามเจ้าค่ะ!” โจวเสาจิ่นรีบพยักหน้าอย่างไม่ลังเล อดไม่ได้โน้มตัวลงไปสัมผัสเกล็ด นํ้าค้างแข็งใต้ฝ่าเท้าเหล่านั้น

ทันทีที่นิ้วมืออุ่นๆ สัมผัสโดนเกล็ดนํ้าค้างแข็ง เกือบจะถูกดูดจนติดแน่นเข้ามากับนํ้าแข็ง เสียแล้ว

“เป็นเกล็ดนํ้าค้างแข็งจริงๆ ด้วย!” โจวเสาจิ่นประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง “หิมะมิได้ตกเสีย หน่อย…ต่อให้มีหิมะตก เกล็ดนํ้าค้างแข็งนี้มิใช่ว่าควรจะจับตัวเป็นก้อนอยู่บนบานกระจก หน้าต่างหรอกหรือเจ้าคะ”

นอกจากนี้มิใช่ว่าจะจับตัวเป็นก้อนงดงามเช่นนี้อยู่ทุกเวลา

เฉิงฉือหัวเราะเบาๆ ดึงโจวเสาจิ่นลุกขึ้น ฉวยโอกาสกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน กล่าวขึ้น ว่า “ข้าค้นพบหินก้อนนี้ตอนที่ข้าเดินทางไปเขาเทียนซานเมื่อหลายปีก่อน ภายใต้แสงจันทร์มันจะ มีนํ้าค้างแข็งที่มีรูปร่างคล้ายเกล็ดหิมะปรากฏออกมาให้เห็น ต่อมาข้าอยากให้เจ้าได้เห็นด้วย จึง สั่งให้คนไปนําเอาหินก้อนนี้กลับมา เนื่องจากระยะทางค่อนข้างไกล กว่าจะส่งกลับมาถึงก็ตอนที่ ข้าไปรับตําแหน่งที่จี่หนิงแล้ว…”

ก่อนหน้านี้นางก็เลยไม่มีโอกาสได้เห็น

บางทีอาจเป็นเพราะนางและเฉิงฉือมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านี้ไปแล้ว โจวเสาจิ่นจึง กอดตอบเฉิงฉืออย่างเป็นธรรมชาติยิ่ง ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขาพร้อมกับถูใบหน้ากับปกเสื้อที่ บุขนหมาไม้สีนํ้าตาลแดงเอาไว้เบาๆ กระซิบกล่าวยิ้มๆ ว่า “งดงามจริงๆ เจ้าค่ะ! เช่นนั้นปกติมัน เป็นหินก้อนมหึมาที่งดงามมากใช่หรือไม่เจ้าคะ”

4380

เฉิงฉือพยักหน้า กล่าวยิ้มๆ ว่า “เวลากลางวันจะมองไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ข้าไป เขาเทียนซานในครั้งนั้น ก็เป็นเพราะเดินหลงทางเช่นกัน”

“ท่านไปทําอะไรที่เขาเทียนซานหรือเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นถามขึ้นอย่างสงสัย

“ไปเก็บดอกบัวหิมะเขาเทียนซาน” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “เวลานั้นข้าเพิ่งออกจากการฝึกฝน รู้สึกว่าความยิ่งใหญ่ภายใต้โลกหล้านี้ ไม่มีที่ไหนที่ข้าไปไม่ได้ ประจวบเหมาะกับที่อ่านเจอใน ตําราอะไรทํานองว่าดอกบัวหิมะเขาเทียนซานนั้นขึ้นอยู่บนยอดหน้าผาของภูเขา กลีบดอกขาวดุจ หิมะ แวววาวกระจ่างใส เป็นดอกไม้ของเทพเซียน ทําให้สตรีดูอ่อนเยาว์และงดงามเป็นนิจได้ ปรากฏว่าสิ่งที่ข้าเห็นที่ร้านขายยากลับเป็นดอกเบญจมาศเหี่ยวๆ ดอกหนึ่ง คนที่ร้านขายยาบอก ข้าว่านั่นคือดอกบัวหิมะเขาเทียนซานที่ตากแห้งแล้ว ข้าจึงอยากไปดูสักหน่อย”

โจวเสาจิ่นเม้มปากกลั้นยิ้ม

เฉิงฉือตอนเป็นหนุ่มน้อยจะต้องซุกซนดื้อรั้นมากเป็นแน่

นางถามขึ้นว่า “แล้วสุดท้ายท่านเก็บดอกบัวหิมะเขาเทียนซานได้หรือไม่เจ้าคะ”

“เก็บได้แล้ว” เฉิงฉือหัวเราะลั่น พลางกล่าว “ความจริงแล้วก็เป็นของที่หน้าตาคล้ายคลึง กับดอกเบญจมาศนั่นเอง ผู้คนช่างโอ้อวดเกินจริง ต่อมาข้าเดินทางไปเก็บเห็ดหลิงจือที่เขาฉางไป๋ ซานด้วย ก็เป็นเพียงของที่คล้ายคลึงกับเห็ดหูหนูเท่านั้น หลังจากนั้นข้าจึงไม่ค่อยไปทําเรื่อง ประเภทนั้นอีกแล้ว”

“เป็นเพราะผู้คนโอ้อวดเกินจริงมากเกินไปหรือเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นเงยหน้าขึ้นมองเฉิงฉือ แววตาสุกสว่างดุจดวงดารา

4381

“อื้ม!” เฉิงฉือรู้สึกราวกับว่าตัวเองตระหนักถึงความจริงจากดาวดวงนั้น พึมพํากล่าวว่า “ต่อมาข้ารู้สึกว่า เรื่องบางอย่างต้องไปเห็นกับตา ไปประสบด้วยตัวเองถึงจะรู้ได้…” ริมฝีปากของ เขาแตะที่เปลือกตาของนางเบาๆ

โจวเสาจิ่นหลับตาลง

เสียงหวีดหวิวของสายลม อากาศที่หนาวเย็น เสียงเสียดสีกันของกิ่งก้านใบที่กําลังเต้น ระบํา…ล้วนมลายหายไปหมดสิ้น สิ่งที่นางรู้สึกได้มีเพียงริมฝีปากร้อนและอ้อมกอดอันอบอุ่นของ เฉิงฉือเท่านั้น

พวกเขาได้ครองคู่อยู่ด้วยกันแล้วจริงๆ!

กอดกันอย่างที่เรียกว่าถูกต้องตามครรลองเช่นนี้ได้แล้ว

นางอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ได้แล้ว

โจวเสาจิ่นเพิ่งจะมีความรู้สึกถึงมันจริงๆ ก็ตอนนี้เอง

หยาดนํ้าตาไหลรินออกมาจากหางตาของนางเงียบๆ

เฉิงฉือตกใจ รีบกล่าวขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น” คลายแขนออก อยากจะดูสีหน้าของนางสัก หน่อย

โจวเสาจิ่นกลับซุกซ่อนใบหน้าเข้ากับอ้อมกอดของเขา ไม่ว่าเขาจะทําอย่างไรก็ไม่ยอมให้ เขาดู กล่าวเสียงอู้อี้ว่า “ข้า…ข้าดีใจมาก…พวกเราจะได้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตใช่หรือไม่”

มนุษย์มักจะโลภมากเช่นนี้

เดิมทีนางเพียงอยากจะจดจําเขาเอาไว้คนเดียวเงียบๆ ต่อมาก็อยากจะมองเขาจากที่ ไกลๆ และตอนนี้กลับอยากจะมีเขาไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของนาง

4382

ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องนี้นี่เอง! เฉิงฉือหัวเราะร่า พลางกล่าว “แน่นอนอยู่แล้ว! พวกเราย่อมจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต อย่างแน่นอน” โจวเสาจิ่นพยักหน้าอยู่ในอ้อมกอดของเขา ชาติก่อน นางมีอายุเพียงยี่สิบห้าปีเท่านั้น

ถ้าหากว่าชาตินี้นางมีชีวิตจนถึงแปดสิบปี ได้เป็นคู่ชีวิตอยู่ข้างๆ เฉิงฉือไปตลอดได้จะดี เพียงใดนะ

เมื่อมีความคิดนี้แล้ว กระทั่งตอนที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันในเวลากลางคืนนั้น ถึงแม้นางจะ รู้สึกขัดเขินเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงหลับตาหลงอย่างเชื่อฟัง

มีของเย็นๆ บางอย่างสวมเข้าที่แขนของนาง นางอดไม่ได้ลืมตาขึ้นมา

4386

นางเอนกายอยู่กับหมอนใบใหญ่บนเตียง หมุนลูกประคําไม้จันทน์ในมือลูกแล้วลูกเล่า คิดอะไรอยู่ในใจ

หลี่ว์มามาเดินเข้ามายิ้มๆ กระซิบกล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่า “ทางด้านของนายท่านสี่นั้น บอกว่ายามสามกว่าจะพักผ่อนกันเข้าค่ะ”

“จริงหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวทั้งแปลกใจและดีใจ หยุดมือลง นั่งตัวตรงขึ้นมา

หลี่ว์มามาพยักหน้า กล่าวยิ้มๆ ว่า “ไม่น่าผิดพลาด ข้าสอบถามฝานหลิวซื่อแม่นมของฮู หยินสี่มาเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็ดียิ่งๆ!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอดไม่ได้พนมมือขึ้น หันไปทางทิศตะวันตกและเปล่ง เสียงสวดว่า “อมิตาภพุทธ”

บุตรชายของนางเองนางย่อมรู้ดีว่า หากมิใช่เพราะโปรดปรานมาก ย่อมไม่เอาแต่ใจโดย ไม่สนใจอะไรเช่นนี้

ภรรยาที่บุตรชายทั้งสามคนหามาล้วนเป็นคนที่ตัวเขาเองชื่นชอบทั้งสิ้น แม้นนางจะไม่ ชอบหยวนซื่อ แต่ก็รู้สึกว่าดียิ่ง

หลี่ว์มามากล่าวยิ้มๆ ว่า “ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วยเจ้าค่ะ! ปีหน้าก็จะได้อุ้มหลาน แล้ว!”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มเบิกบาน พลางกล่าว “ต้องบํารุงเสาจิ่นดีๆ สักหน่อยถึงจะถูก นางอายุ น้อย ร่างกายก็ไม่แข็งแรงนัก หากประสบกับปัญหาตอนคลอดคงไม่ดีแน่”

“จะเป็นไปได้อย่างไรเจ้าคะ” หลี่ว์มามารีบกล่าวยิ้มๆ “สวรรค์อยู่เคียงข้างคนโชคดี ฮูหยิน สี่นั้นแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นคนมีวาสนาดีเจ้าค่ะ”

4387

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะไปหลายเสียง กล่าวขึ้นว่า “ก็ยังต้องระวังเอาไว้สักหน่อย นับตั้งแต่ พรุ่งนี้เป็นต้นไปให้นางไปเดินตอนเช้ากับข้าหนึ่งรอบ และตอนเย็นอีกหนึ่งรอบ”

หลี่ว์มามาเอามือป้องปากหัวเราะ

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวชะงักไป จากนั้นก็หัวเราะออกมาด้วย กล่าวขึ้นว่า “ดูความจําของข้า ต่อ ให้จะให้มาเดินตอนเช้ากับข้าหนึ่งรอบ นั่นก็ต้องรอให้พวกเขากลับมาจากเยี่ยมบ้านเดิมก่อน”

“ถูกต้องที่สุดเจ้าค่ะ!” หลี่ว์มามากล่าวยิ้มๆ พลางเดินไปทดสอบอุณหภูมิของผ้าที่วางอยู่ บนสุ่มทําความร้อน เอ่ยขึ้นว่า “ท่านจะนอนต่ออีกสักหน่อยหรือว่าจะให้เรียกสาวใช้เด็กเข้ามา เปลี่ยนอาภรณ์ให้ท่านดีเจ้าคะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยังไม่ทันได้เอ่ยปากตอบ เจินจูก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรนเล็กน้อย กล่าวขึ้นว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ไม่รู้ว่ากูไหน่ไนที่สี่เป็นอะไรเป็นลมล้มพับไปแล้ว ฮูหยินให้คนไป เชิญท่านหมอแล้ว ท่านว่าข้าควรจะไปดูสักครั้งหรือไม่เจ้าคะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน