เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 479

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เมื่อโจวเสาจิ่นลืมตาตื่นขึ้น ข้างหมอนก็ไม่มีร่องรอยของเฉิงฉือแล้ว

ร่างกายนางอบอุ่น ไม่อยากขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย

ชุนหว่านที่เฝ้าเวรยามอยู่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็เดินเข้ามา ช่วยม้วนผ้าม่านเตียงให้นาง กล่าวยิ้มๆ ว่า “วันนี้ฟ้ายังไม่ทันสางนายท่านสี่ก็ถูกนายท่านเรียกตัวไปแล้ว บอกว่าต้องการไปดู การไถนาที่หมู่บ้านนอกเมือง นายท่านสี่มิให้พวกข้าปลุกท่าน บอกว่าท่านตื่นเมื่อไร พวกข้าค่อย มาช่วยท่านล้างหน้าล้างตาเมื่อนั้นเจ้าค่ะ…”

โจวเสาจิ่นนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อคืน หน้าแดงเล็กน้อย ม้วนตัวอยู่ในผ้าห่มไปหลาย ครั้งถึงได้ลุกขึ้นมานั่ง ปล่อยให้ชุนหว่านและอีกสองสามคนช่วยนางเปลี่ยนอาภรณ์

สาวใช้ของหลี่ซื่อเข้ามาเชิญนางไปรับประทานอาหารเช้า กล่าวว่า “ฮูหยินเอาแต่รอ คุณหนูรองเจ้าค่ะ!”

พรุ่งนี้พวกเขาก็ต้องกลับจิงเฉิงแล้ว เกรงว่าฮูหยินคงมีเรื่องอะไรต้องการกําชับนางกระมัง

โจวเสาจิ่นครุ่นคิด ให้ชุนหว่านเกล้าผมให้นางอย่างง่ายๆ มวยหนึ่ง หาปิ่นดอกไม้ปะการัง สีแดงชิ้นหนึ่งจากหีบสมบัติมาสวมแล้วไปหาหลี่ซื่อ

หลี่ซื่อมีเรื่องจะคุยกับนางตามคาดจริงๆ “…ท่านลุงตระกูลหลี่ของเจ้าส่งสุราเข้าไปในวัง หลวงหนึ่งชุด ไม่ถึงสองวันสํานักพระราชวังก็สรุปบัญชีมาให้เรียบร้อยแล้ว ยังสั่งจองสุราเพิ่มอีกสี่ ชุดในคราวเดียวอีกด้วย ท่านลุงตระกูลหลี่ของเจ้าบอกว่า ต่อให้เป็นการทําการค้ากับทางการก็ไม่ เคยรวดเร็วขนาดนี้ โดยมากคงเพราะเห็นแก่หน้าของบุตรเขยรอง แต่เรื่องนํ้าใจก็ส่วนนํ้าใจ การค้าก็ส่วนการค้า ผู้อื่นให้เกียรติไว้หน้า หากพวกเราไม่รู้จักแม้แต่คําขอบคุณ เวลาผ่านไปนาน วันเข้า นํ้าใจนี้ก็จืดจางลงได้ ความหมายของท่านลุงตระกูลหลี่ของเจ้าก็คือ เห็นว่าใกล้ปีใหม่แล้ว

ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องส่งของขวัญปีใหม่ไปให้คนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สํานักพระราชวังสักหน่อย ที่ สํานักอาหารและเครื่องดื่มนั้นยังดีหน่อย เขาออกหน้าเองก็ได้แล้ว แต่คนที่อยู่สูงกว่านั้น เกรงว่า คงต้องรบกวนบุตรเขยรองช่วยเหลือแล้ว” ขณะที่นางกล่าว ก็หยิบกล่องเล็กๆ หนึ่งออกมา “ในนี้มี เงินสองหมื่นเหลี่ยง เจ้าช่วยนําไปมอบให้บุตรเขยรองที หากว่าไม่พอ ขอให้บุตรเขยรองช่วยออก ให้ไปก่อน รอให้ท่านลุงตระกูลหลี่ของเจ้าได้เข้าเมืองหลวงแล้วค่อยเอาไปชดใช้ให้บุตรเขยรองอีก ที”

สองหมื่นเหลี่ยง? มอบให้เฉิงฉือ?

โจวเสาจิ่นเบิกดวงตาโพลง กล่าวขึ้นว่า “ข้าไม่อาจรับเงินนี้ไว้ได้เจ้าค่ะ ท่านเก็บกลับไป เถิด! การช่วยเหลือกันระหว่างญาติพี่น้อง ไม่มีเหตุผลให้ต้องรับเงินทอง ท่านลุงตระกูลหลี่ทํา การค้ากับสํานักอาหารและเครื่องดื่มต่อไปได้ นั่นก็เพราะว่าสุราของท่านลุงตระกูลหลี่เป็นสุราดี นายท่านสี่ก็เป็นเพียงคนกลางเชื่อมสะพานให้ครั้งหนึ่งเท่านั้น”

หลี่ซื่อคิดว่านางไม่เข้าใจ จึงกล่าวขึ้นว่า “เด็กโง่ ให้เจ้าเจ้าก็รับเอาไว้เถอะ ใต้โลกหล้านี้มี สุราชั้นดีมากมาย เหตุใดถึงเป็นสุราของท่านลุงตระกูลหลี่ของเจ้าที่ได้ส่งเข้าวังหลวงด้วยเล่า นอกจากนี้ต่อให้ไม่มีเงินจํานวนนี้ของพวกข้าบุตรเขยก็ต้องไปมาหาสู่กับคนเหล่านั้นอยู่ดี มีเงิน จํานวนนี้ของพวกข้ารวมเข้าไปด้วย บุตรเขยรองก็จะได้ใช้จ่ายเงินได้คล่องมือยิ่งขึ้น ล้วนเป็นผลดี ต่อทั้งสองฝ่ าย เหตุใดเจ้าถึงไม่เข้าใจเล่า! ข้าว่าเรื่องนี้เจ้าเอาไปหารือกับบุตรเขยรองดูก่อนจะ ดีกว่า!”

กล่าวคือเมื่อพวกเขามีเงินจํานวนนี้ พวกเขาก็จะได้ประหยัดเงินสําหรับซื้อของขวัญให้คน ในสํานักพระราชวังเหล่านั้นได้

“เรื่องนี้ไม่ต้องหารือกับเขาหรอกเจ้าค่ะ!” โจวเสาจิ่นยืนกรานไม่รับ “นายท่านสี่ย่อมไม่รับ อย่างแน่นอน”

เดิมทีแล้วเป็นการช่วยเหลือกันในหมู่ญาติพี่น้อง หากรับเงินมาก็สลัดมือทิ้งไม่ได้แล้ว นางเชื่อว่าที่เฉิงฉือยอมช่วยเหลือตระกูลหลี่นั้นมิใช่เพราะเห็นแก่เงินจํานวนเล็กน้อยนี้อย่าง แน่นอน

ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ยอมรับเงินมา

หลี่ซื่อทําอะไรไม่ได้ จําต้องยอมแพ้ไปชั่วคราวก่อน ครุ่นคิดว่าค่อยหาโอกาสนําเงินไป มอบให้เฉิงฉือก็ยังไม่สาย

ด้านนอกมีสาวใช้เด็กวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา กล่าวว่า “ฮูหยิน กูไหน่ไนรอง ขุนนาง ใหญ่ซ่งที่จิงเฉิงส่งคนมาตามหาบุตรเขยรอง บอกว่าเป็นเรื่องด่วน ให้พวกเราเร่งไปตามบุตรเขย รองกลับมาเจ้าค่ะ!”

โจวเสาจิ่นและหลี่ซื่อต่างมองหน้ากัน

หลี่ซื่อรีบกล่าวขึ้นว่า “รีบเข้า รีบไปเชิญผู้ช่วยของนายท่านเข้ามาให้รับการรับรองคนที่ขุน นางใหญ่ซ่งส่งมา แล้วก็ให้คนของที่ว่าการรีบไปเชิญตัวบุตรเขยรองกลับมาด้วย” แล้วก็สั่งการให้ สาวใช้คนสนิทไปปรนนิบัติให้การรับรองแขกที่ห้องโถง

หมู่บ้านที่อยู่ภายใต้การดูแลของเมืองเป่าติ้งแห่งนี้มีมากมาย คนในเรือนชั้นในจึงไม่รู้ว่า พวกเขาไปที่ใดกันแน่!

สาวใช้ไปยังด้านหน้าของที่ว่าการอย่างรีบร้อน

“คนของขุนนางใหญ่ซ่งมาหาบุตรเขยรองมีเรื่องอันใดกัน” หลี่ซื่อพึมพํากล่าว

โจวเสาจิ่นกลับบิดผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น

เฉิงฉือกลับบ้านเดิมเป็นเพื่อนนาง ขุนนางใหญ่ซ่งทราบเรื่องดี มีเรื่องด่วนอะไรถึงกับต้อง ส่งคนมาตามถึงเมืองเป่าติ้งด้วย

หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่เมืองจี่หนิง

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ก็ควรจะเป็นเฉิงจิงที่ส่งคนมาตามตัวเฉิงฉือถึงจะถูก เหตุใดถึงเป็น ขุนนางใหญ่ซ่งที่ส่งคนมาตามหาเขาด้วย?

โจวเสาจิ่นและหลี่ซื่อนั่งรอข่าวคราวอยู่ตรงนั้นด้วยความร้อนใจ

ไม่นาน สาวใช้คนสนิทของหลี่ซื่อก็กลับมารายงาน นางกล่าว “ไม่ว่าท่านผู้ช่วยจะ สอบถามอย่างไร คนของขุนนางใหญ่ซ่งก็ไม่ยอมปริปาก บอกเพียงว่าต้องการพบบุตรเขยรอง รอ ให้ได้พบบุตรเขยรองแล้วจะเข้าใจเองเจ้าค่ะ”

หลี่ซื่อรีบถามขึ้นว่า “แล้วคนที่ส่งไปตามหาบุตรเขยรองมีข่าวคราวอะไรมาบ้างหรือยัง”

สาวใช้ผู้นั้นส่ายศีรษะ “เห็นบอกว่าใต้เท้ารองเจ้าเมืองพาคนไปตามหาด้วยตัวเองเจ้าค่ะ …”

อาจเป็นเพราะคนที่มาตามหาเฉิงฉือเป็นคนที่ขุนนางใหญ่ซ่งส่งมากระมัง

โจวเสาจิ่นกําลังครุ่นคิดพิจารณาอยู่ในใจ ก็มีสาวใช้วิ่งเข้ามา เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจว่า “ฮูหยินเจ้าคะฮูหยิน นายท่านและบุตรเขยรองกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”

ทุกคนต่างพากันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

หลี่ซื่อรีบสั่งการสาวใช้ผู้นั้นว่า “รีบยกนํ้าชาไปที่ห้องโถงเร็วเข้า!”

ความหมายก็คือให้สาวใช้ผู้นั้นไปฟังว่าขุนนางใหญ่ซ่งมีธุระอะไรกับเฉิงฉือนั่นเอง

สาวใช้รีบสาวเท้ายาวๆ ออกไปที่ห้องโถงอย่างรวดเร็ว

โจวเสาจิ่นและหลี่ซื่อจึงนั่งรออยู่ตรงนั้นอย่างกระวนกระวายอีกครั้งหนึ่ง

ไม่นาน สาวใช้ผู้นั้นก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วดุจควันสายหนึ่ง กล่าวว่า “คนของขุนนาง ใหญ่ซ่งขอใช้ห้องหนังสือของนายท่านเป็นสถานที่พูดคุยกับบุตรเขยรอง แม้แต่นายท่านก็ยังรออยู่ ด้านนอกห้องหนังสือเจ้าค่ะ”

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน