เฉิงฉือหลุดหัวเราะ กล่าวว่า “เส้าถังเทียบกับข้าได้หรือ เขายังเป็นเพียงเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง แต่ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ท่านพ่อตาย่อมวางใจข้ามากกว่าอยู่แล้ว!”
โจวเสาจิ่นคิดๆ ดูแล้วก็ถูกต้อง
พี่เขยยังต้องพึ่งพาเงินจากกองกลางของตระกูลมาเลี้ยงดูภรรยาและบุตร ทว่าเฉิงฉือนั้น รับผิดชอบดูแลค่าใช้จ่ายของจวนหลักหรือแม้กระทั่งของซอยจิ่วหรูมาแล้ว บิดาจึงย่อมวางใจใน ตัวเขามากกว่าอยู่แล้ว
นางคล้องแขนของเฉิงฉือเอาไว้พร้อมกับยิ้มร่า
เฉิงฉือเห็นป้ารับใช้ที่เดินนําพวกเขาไปยังเรือนรับรองแขกผู้นั้นรีบก้มหน้าลง ดวงหน้า แดงกํ่าไปทั้งหน้า
แล้วก็มองไปรอบๆ อีกครั้งหนึ่ง
ข้ารับใช้ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ต่างก้มหน้าจนดวงตาชิดจมูก จมูกชิดหน้าอก แสร้งทําเป็นมอง ไม่เห็นกันหมดทุกคน แต่เสาจิ่นเด็กโง่ผู้นั้นกลับไม่สังเกตเห็น ยังคงกระซิบกระซาบพูดคุย เจื้อยแจ้วกับเขาต่อไปประหนึ่งลูกนกเริงร่าตัวหนึ่งก็ไม่ปาน
เขาอดถอนหายใจอยู่ในใจครั้งหนึ่งไม่ได้
เด็กโง่ผู้นี้ ควรจะเลี้ยงเอาไว้ในบ้านจะทําให้คนสบายใจกว่า
ด้านของพ่อภรรยาทางนี้ มาให้น้อยลงได้ก็มาให้น้อยเข้าไว้จะดีกว่า!
ตอนเที่ยงพวกเขารับประทานมื้อเที่ยงอย่างเรียบง่ายไปมื้อหนึ่งและพักผ่อนไปหนึ่งบ่าย ตกเย็นโจวเจิ้นเชิญสหายสนิทสองสามคนของตัวเองที่อยู่เป่ าติ้งมาอยู่ร่วมกินอาหารเย็น
4443
ต้อนรับเฉิงฉือด้วย ส่วนหลี่ซื่อและโจวเสาจิ่นคุยเรื่องส่วนตัวกันอยู่ในห้องชั้นใน “…บุตรเขยรองดี กับเจ้าหรือไม่”
โจวเสาจิ่นหน้าแดงพลางพยักหน้า กล่าวตอบว่า “ดีมากเจ้าค่ะ!” พูดคุยเป็นเพื่อนนางมาตลอดทาง เห็นของอะไรน่าสนใจก็ซื้อให้นาง แม้นจะเหน็ดเหนื่อย บ้างจากการเร่งเดินทาง แต่นางกลับรู้สึกมีความสุขกับความยากลําบากนั้น เสียงพูดของหลี่ซื่อหยุดลงเล็กน้อย กล่าวอย่างลังเลว่า “เสาจิ่น บุตรเขยได้…ได้ร่วมหอ กับเจ้าหรือยัง” ดวงหน้าของโจวเสาจิ่นพลันแดงกํ่าราวกับจะหลั่งโลหิตออกมาได้ อึกอักอยู่ครู่ใหญ่ก็ยัง ไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรดี เนื่องจากมิใช่มารดาและบุตรสาวกันจริงๆ อีกทั้งไม่เคยมีความผูกพันจากการเลี้ยงดูมา ก่อน บางอย่างทั้งสองคนก็ยังรู้สึกกระดากอายกันอยู่ แต่หลี่ซื่อได้รับการไหว้วานจากโจวเจิ้นมา จะไม่ถามก็ไม่ได้ นางเองก็รู้สึกกระดากอายเล็กน้อยเช่นกัน
ก้มหน้าลงจิบนํ้าชา ภายในห้องพลันเงียบเชียบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพื้น โจวเสาจิ่นรู้สึกกระอักกระอ่วนยิ่งนัก จะพูดแต่ก็หยุดไปหลายต่อหลายครั้ง
ขณะที่นางกําลังรวบรวมความกล้าหาญจะเอ่ยปากพูดนั้น ก็มีสาวใช้เด็กรายงานอยู่นอก ผ้าม่านว่า “ฮูหยิน ผลไม้มาแล้วเจ้าค่ะ”
4444
เพื่อให้การรับรองโจวเสาจิ่นและเฉิงฉือกลับบ้านเดิมแล้ว โจวเจิ้นจึงมอบหมายให้คนที่ จัดหาสินค้าจัดหาผิงกั่วและหลีจื่อมาให้เป็นพิเศษ
ทั้งสองคนได้ยินแล้วต่างก็อดไม่ได้รู้สึกโล่งราวกับได้ปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้งออกไป ทยอยกันถอนหายใจอย่างโล่งอก เสียงถอนหายใจนั่นเมื่ออยู่ในห้องอันเงียบเชียบมันจึงเด่นชัด มากขึ้น โจวเสาจิ่นและหลี่ซื่อต่างหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
บรรยากาศน่าอึดอัดพลันเปลี่ยนเป็นรื่นเริงขึ้นมา
โจวเสาจิ่นกล่าวอย่างขัดเขินว่า “ฮูหยินไม่ต้องเป็นห่วงข้า นายท่านสี่ดีกับข้ายิ่งนัก ข้าได้ แต่งกับเขา ชีวิตนี้ก็ไม่ร้องขอสิ่งใดแล้ว”
เป็นคําพูดที่ทําให้หลี่ซื่อหน้าแดงไปหมด ไม่กล้าถามอะไรต่ออีก
กระทั่งโจวเจิ้นกลับมา นางบอกเพียงว่าโจวเสาจิ่นพึงพอใจเป็นอย่างมากที่ได้แต่งงาน กับเฉิงฉือ ส่วนอย่างอื่นไม่ได้กล่าวอะไรทั้งนั้น โจวเจิ้นเป็นบิดา จะถามเรื่องในห้องหอของ บุตรสาวได้อย่างไร ก็ถือเป็นอันเข้าใจไปโดยปริยายว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่เฉิงฉือเคยพูดเอาไว้ ก่อนแต่งงาน จึงไม่สอบสวนอะไรเพิ่มเติมอีก จากนั้นนึกถึงความนอบน้อมที่เฉิงฉือมีต่อตัวเองที่ งานเลี้ยงของวันนี้ขึ้นมา มีความรู้กว้างขวาง มีทักษะการเข้าสังคมที่เป็นกันเองแต่ก็ไม่ขาดความ จริงใจ ในใจจึงยิ่งรู้สึกพึงพอใจบุตรเขยผู้นี้มากยิ่งขึ้น จึงเลื่อนงานในมือออกไปก่อน วันนี้ชวนเขา ไปเที่ยวศาลเจ้าต้าเปยเก๋อ พรุ่งนี้ไปเดินร้านขายโบราณวัตถุ จากนั้นก็ไปเจอสหายแต่งบทกลอน ท่องอาขยาน ไม่เหมือนการรับรองบุตรเขย แต่เหมือนได้พบกับสหายเก่าที่รู้จักกันมาหลายปี มากกว่า จนหลี่ซื่อต้องแอบเตือนโจวเจิ้นเป็นการส่วนตัวว่า “พวกเขากลับบ้านเดิมหลังแต่งงาน มิใช่มาเพื่อเยี่ยมเยียนครอบครัวที่นี่ ท่านต้องให้พวกเขาสองสามีภรรยาได้ออกไปเดินเล่นบ้าง กระมัง”
4445
โจวเจิ้นไม่เห็นด้วย กล่าวขึ้นว่า “มิใช่ว่าเสาจิ่นไม่ชอบออกไปข้างนอกหรอกหรือ อีกอย่าง สถานที่ที่ข้าและจื่อชวนไปกันนั้นก็ไม่เหมาะที่จะพานางไปด้วย นางอยู่บ้านเป็นเพื่อนเจ้า ได้ ทํางานเย็บปักให้โย่วจิ่นมิใช่ว่าพอเหมาะพอดีกันหรอกหรือ”
หลี่ซื่อไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีแล้ว ครุ่นคิดว่าโชคดีที่กลับมาเพียงห้าวันก็กลับแล้ว ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่าทั้งที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ แต่เจ้าบ่าวไม่อยู่เป็นเพื่อนเจ้าสาวกลับไป อยู่เป็นเพื่อนพ่อภรรยาแทนได้!
นางปลอบใจโจวเสาจิ่นว่า “อย่าสนใจพวกเขาเลย ข้าให้คนไปซื้อเหยือกนํ้ากระเบื้อง เคลือบหลากสีเอาไว้เป็นจํานวนมาก เจ้านํากับข้าวตุ๋นของศาลเจ้าต้าเปยเก๋อกลับไปฝากคนอื่น ด้วยสักเล็กน้อย มิใช่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนจินหลิงหรอกหรือ ข้าและท่านลุงตระกูลหลี่ของเจ้า ช่วยกันหาพวกปลาเค็มเนื้อเค็มและไส้กรอกมาให้…จําเอาไว้ว่าต้องเข้ากับฮูหยินผู้เฒ่าให้ได้ บุตร เขยรองต้องไปจี่หนิง ในบ้านจะเหลือเจ้าเพียงคนเดียว มีเรื่องอะไรก็ไม่มีผู้ใดออกหน้าให้แล้ว หาก เจ้าไม่ดึงฮูหยินผู้เฒ่ามาเป็นพวก เวลาเสียเปรียบก็ไม่มีที่ให้ร้องเรียนได้สักที่…”
นี่เป็นสิ่งที่เมื่อก่อนมารดาของนางเคยบอกนางเอาไว้ แต่นางแต่งงานกับสามีที่ไม่มีบิดา มารดาเหลืออยู่แล้วจึงไม่ได้ใช้ ตอนนี้ก็เลยนําออกมาบอกโจวเสาจิ่น
โจวเสาจิ่นเม้มปากยิ้ม กล่าวขอบคุณหลี่ซื่อ กล่าวด้วยว่า “ท่านจะคลอดเมื่อใดหรือ ก่อน คลอดส่งข่าวบอกข้าสักคํา หากไม่มีเรื่องสําคัญอะไรข้าจะมาอยู่เป็นเพื่อนท่าน”
“บุตรสาวที่ออกเรือนแล้วก็เหมือนกับนํ้าที่สาดออกไปแล้ว” หลี่ซื่อรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่าง ยิ่ง ทว่าปากยังคงกล่าวอย่างเคืองๆ ว่า “มีเหตุผลใดให้เจ้าต้องกลับบ้านเดิมมาดูแลข้ากัน เจ้าใช้ ชีวิตของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว ทางด้านนี้ข้ายังมีนายท่านอยู่ด้วยอีกคน!”
ทั้งสองคนชวนกันคุยเรื่องต่างๆ ไปหลายเรื่อง ต่างรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้นกว่า ยามปกติอยู่หลายส่วน
4446
ตีกลองบอกเวลายามสองกว่าเฉิงฉือจะกลับมา เขาไปเคี้ยวใบชากว่าครู่ใหญ่ถึงได้ล้าง มือไม้และล้างหน้าล้างตาเพื่อจะขึ้นเตียง กล่าวขอโทษนางอย่างรู้สึกผิดว่า “เดิมทีคิดจะกลับมา เร็วสักหน่อย ผลปรากฏว่าบังเอิญพบกับสหายร่วมปีการสอบผู้หนึ่งรั้งเอาไว้อย่างไรก็ไม่ยอมให้ กลับ ท่านพ่อตาเองก็ไม่อยากกลับด้วยเช่นกัน สุดท้ายจึงดื่มไปอีกสองจอก” ขณะที่เขากล่าวก็ใช้ เตาอุ่นมืออุ่นมือและเท้าไปด้วย จากนั้นถึงได้ขึ้นเตียง “สองวันนี้ไม่มีเวลามาดูแลเจ้าเลย วันนี้เจ้า ทําอะไรบ้าง”
ความจริงแล้วโจวเสาจิ่นชอบที่บิดาและเฉิงฉือเข้ากันได้ดีเหมือนเป็นสหายสนิทกันเช่นนี้ ยิ่งนัก
นี่เป็นเรื่องที่นางปรารถนาแต่ไม่อาจได้มาในชาติก่อน
นางโน้มตัวมาช่วยเหน็บมุมผ้าห่มให้เฉิงฉือ กล่าวยิ้มๆ ว่า “นานๆ ทีท่านพ่อจะได้มี ความสุขเช่นนี้ ท่านก็ช่วยอยู่เป็นเพื่อนเขาสักหน่อยก็แล้วกัน ข้าอยู่บ้านทํางานเย็บปักกับฮูหยิน เตรียมของใช้สําหรับใช้ในช่วงปีใหม่และของขวัญที่จะนํากลับไป รวมถึงพาโย่วจิ่นเล่นถุงทราย ด้วย ก็สนุกมากเช่นกันเจ้าค่ะ”
เฉิงฉือพยักหน้า ร่างกายร้อนยิ่งนัก จึงยื่นเท้าออกไปนอกผ้าห่ม หลับตาลงพร้อมกับจับ มือของโจวเสาจิ่นเอาไว้และลูบไล้เบาๆ
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน