โจวเสาจิ่นนอนพลิกตัวไปมาจนได้ยินเสียงตีกลองบอกเวลายามสามถึงได้ค่อยๆ หลับไป
ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ว่ามีคนกําลังลูบไล้หน้าของตนอยู่
อบอุ่นและอ่อนโยน
นี่มิใช่สาวใช้อย่างแน่นอน
ไม่มีสาวใช้คนใดมีความกล้าหาญมากขนาดมาลูบตนเช่นนี้
นางตกใจดีดตัวลุกขึ้นมานั่งในทันใด
“ซื่อ ซื่อหลาง!” นางกอดหมอนพร้อมกับมองเฉิงฉือ พูดอะไรไม่ออกกว่าครู่ใหญ่
เฉิงฉือหัวเราะร่า
ดวงตาปรือยังไม่ตื่นดี ดวงหน้าแดงปลั่ง ริมฝีปากชมพู สีหน้าเหลอหลา น่ารักน่าชัง
ประหนึ่งลูกแมวเหมียวยังไม่หย่านมที่ไม่รู้จะทําอย่างไรดีตัวหนึ่ง
เขาหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างอดไม่อยู่ นั่งลงข้างเตียงกอดโจวเสาจิ่นเอาไว้
อ้อมกอดอันอบอุ่น กลิ่นกายที่คุ้นเคย โจวเสาจิ่นถึงได้สติคืนกลับมา
เฉิงฉือกลับมาแล้ว!
“ซื่อหลาง!” ความคิดถึงไหลบ่าออกมาดุจกระแสนํ้า นางกอดเอวของเฉิงฉือเอาไว้แน่น
พิงศีรษะอยู่ในอ้อมกอดของเขา
4564
“ช่วงนี้สบายดีหรือไม่” เฉิงฉือถามนาง ก้มหน้าลงกลับเห็นลําคอนวลเนียนดุจหยกนั่นเข้า
ภาพเหตุการณ์ชวนวาบหวิวที่ยุ่งจนลืมไปแล้วเหล่านั้นพลันปรากฏขึ้นมาในหัวสมองของเขาอีก
ครั้ง
เขาประทับจูบลงบนลําคอของนางอย่างห้ามใจไม่อยู่
ริมฝีปากอบอุ่นนั่น เมื่อประทับลงบนลําคอของนางแล้วกลับร้อนจัดประหนึ่งไฟ ไม่รู้ว่าจุด
ความร้อนลงบนกล้ามเนื้อส่วนไหนของนาง ความร้อนนั่นถึงได้แผดเผาตั้งแต่ลําคอไปจนถึงขั้ว
หัวใจ ทําให้นางตัวสั่นสะท้าน
โจวเสาจิ่นตกใจไม่กล้าขยับเขยื้อน
เหตุใดนางถึงเป็นเช่นนี้อีกแล้ว
แค่เฉิงฉือจูบนาง นางก็เอาแต่ตัวสั่นแล้ว!
แต่ก็มิใช่ความหวาดกลัว
แต่เป็น…เป็นตรงนั้นที่ร้อนผะผ่าว ทําให้ร่างกว่าครึ่งร่างของนางอ่อนปวกเปียก ไม่มี
เรี่ยวแรงเลยแม้แต่นิดเดียว
เฉิงฉือเห็นลําคอดุจหยกนั่นค่อยๆ ถูกย้อมจนกลายเป็นสีชมพู
อดไม่ได้หัวเราะเบาๆ ออกมาอีกครั้ง
เสาจิ่นช่างขี้อายยิ่งนัก
เวลานี้เกรงว่าดวงหน้าของนางคงคล้ายกับปทุมแดงไปแล้ว
เขาหอมแก้มนาง
4565
ถึงได้สังเกตเห็นว่านางนั่งตัวตรงไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น ราวกับขยับเขยื้อนตัวไม่ได้แล้ว
ตอนที่เขารักนางครั้งแรกนางก็เป็นเช่นนี้
ตอนนั้นเขากลัวว่าตนทําให้นางบาดเจ็บ
แต่นางกัดฟันเอาไว้ ไม่ขยับเขยื้อน เจ็บทนไม่ไหวแล้วถึงได้ครางเบาๆ ออกมาเสียงหนึ่ง
หากมิใช่เพราะเขาหูดี อีกทั้งคอยจับตาดูความรู้สึกของนางอยู่ตลอดก็คงจะไม่ได้ยินแล้ว
เขาจึงปฏิบัติต่อนางอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
หยอกเย้าและเล้าโลมนางเนิ่นนาน ถึงได้ค่อยๆ ไปสํารวจทิวทัศน์อันงดงามของทุ่งดอกไม้
นั่นช้าๆ
ต่อให้เป็นเช่นนี้ นางก็ยังคงตัวแข็งค้างเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ยังรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยด้วย
ทุกครั้งล้วนต้องมองหน้าเขาเอาไว้ คล้ายกับต้องการแน่ใจว่าคนที่เข้าไปในตัวนางผู้นั้น
คือเขาถึงจะทนได้
เขาควรจะหยุดหรือไม่ รอให้นางโตขึ้นอีกนิดแล้วค่อยว่ากันอีกที?
เฉิงฉือพลันรู้สึกลังเลขึ้นมา
แต่ความโหยหาปรารถนาชิดใกล้ซึ่งกันและกันนั้นทําให้ต่อให้เขาอยากหยุดก็ทําไม่ได้
มองนางแล้วเขาก็อยากกอดนางเอาไว้ในอ้อมอก อยากซ่อนเอาไว้ในกระเป๋ า ไปที่ไหนก็พกพาเอา
ไปด้วยทุกที่ได้ก็คงจะดี
4566
“เสาจิ่น!” เขาถอนใจอย่างไร้ทางเลือกเล็กน้อย ทว่ามือกลับสอดเข้าไปในเสื้อคลุมของ
นางอย่างไม่เชื่อฟัง ลูบไล้ขึ้นลงอยู่บนเรือนร่างแบบบางดุจกิ่งหลิวและผิวเนียนละเอียดนุ่มละมุน
ดั่งเส้นไหมนั่น
โจวเสาจิ่นรู้ว่าประเดี๋ยวเขาจะต้องเคลื่อนตํ่าลงไปจากเอวของนาง ทําให้นางขัดเขินจน
อยากจะเป็นลมไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
นางอยากหลับตาลง ทว่าลําแสงตรงหางตากลับลอดผ่านผ้าม่านที่ปิดไม่สนิทเข้ามาทํา
ให้เห็นแสงสว่างส่องเข้ามาระยิบระยับ
“ไม่เอาเจ้าค่ะ!” นางจับมือของเฉิงฉือเอาไว้
นํ้าเสียงร้อนรนนั่นคล้ายลูกแมวกําลังส่งเสียงร้องอยู่ก็ไม่ปาน มีความยั่วเย้าความรู้สึกคน
ให้พรั่งพรูออกมา
เดิมทีเฉิงฉือมิได้มีเจตนาจะทําอะไร ทว่านํ้าเสียงนี้ราวกับเชื้อเพลิงที่ตกลงไปในกอง
กระดูก ฉับพลันนั้นก็จุดไฟของเขาติด ไม่เพียงทําให้เขาแสนเสียดายที่จะดึงออกมา ยังทําให้เลือด
ลมของเขาแผดเผาปะทุขึ้น เสียงปะทุนั้นทําให้เขารู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองติดขัดขึ้นมา
“รู้สึกไม่สบายหรือเปล่า” เขากล่าวขณะขบกัดติ่งหูของนางไปด้วย
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เข้าใจเติงถูจื่อ274
1
เหล่านั้น และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ชื่นชมหลิ่วเซี่ยฮุ่ย275
2
ต้องดึงตัวเองออกมาจากหลุมกับดักอันอบอุ่นอ่อนโยนนี้ เป็นอะไรที่ไม่ง่ายเลยจริงๆ!1 เติงถูจื่อ เป็นตัวแทนของคนที่มักมากในกาม
2 หลิ่วเซี่ยฮุ่ย บุรุษที่มีเจตจํานงอันแรงกล้า ในทางหนึ่งก็เป็นการเสียดสีถึงบุรุษที่ไร้ความต้องการทางเพศ
4567
เขาลูบไล้มืออันนุ่มละมุนนวลเนียนของนางอย่างลังเลใจเล็กน้อย
ทันใดนั้นโจวเสาจิ่นนึกถึงสีหน้ารักใคร่ตอนที่เขาดูดดึงความกลมกลึงของนาง ขณะที่
เปลวเพลิงลุกโชนนั้น นางพลันนึกขึ้นได้ว่า เฉิงฉืออาจจะ…ชมชอบเรือนร่างของนาง…
ความคิดนี้ทําให้หัวใจของนางเต้นตึกๆ ขึ้นมา
หากว่าเป็นจริง เป็นเช่นนั้นจริงๆ…นางจะผลักไสเขาได้อย่างไร…ความปรารถนาเดิมของ
นางคืออยากให้เขามีความสุข…ไม่ว่าจะเป็นความสุขประเภทไหน ขอเพียงเขามีความสุข นางก็
รู้สึกว่าคุ้มค่าแล้ว…
โจวเสาจิ่นรู้สึกว่าดวงหน้าของตัวเองร้อนผ่าว
นอกจากนี้ลมหายใจของเฉิงฉือที่ได้ยินนั้นฟังดูสับสนวุ่นวายเล็กน้อย
ตอนที่พวกเขาแนบชิดกัน ลมหายใจของเขาก็สับสนวุ่นวายเช่นนี้เหมือนกัน
แต่การที่ยังไม่ได้ทําอะไรกันเขาก็เป็นเช่นนี้แล้ว นี่นับว่าเป็นครั้งแรก
เวลานี้โจวเสาจิ่นไม่ได้รู้สึกร้อนแค่ที่หน้าแล้ว แม้แต่ร่างกายก็รู้สึกร้อนรุ่มประหนึ่งกําลัง
ถูกแผดเผาอยู่บนเตาไฟก็ไม่ปาน
เฉิงฉือเห็นนางขัดเขินจนดวงหน้าแดงกํ่าไปหมด หัวใจอ่อนยวบจนคล้ายจะหลั่งนํ้า
ออกมาได้ เหมือนกับได้ย้อนกลับไปตอนเป็นเด็ก ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ถูกต้อง แต่ก็ยังคงอยากไปทํา
อยากไปท้าทายดูสักครั้ง ดูว่าจะทําไม่ได้จริงๆ หรือไม่…มือของเขาเคลื่อนตํ่าลง กอบกุมความ
กลมกลึงนั่นพลางบีบเคล้นให้เป็นอย่างที่ตนชื่นชอบ ขบกัดใบหูของนางกล่าวต่อไปว่า “รู้สึกไม่
สบายหรือเปล่า”
โจวเสาจิ่นตัวอ่อนปวกเปียกไปครึ่งร่างแล้ว ใจเต้นตึกๆ ราวรัวตีกลอง
4568
“ไม่เอาเจ้าค่ะ!” นางได้ยินเสียงแหบแห้งคล้ายขาดนํ้าของตนกล่าวขึ้น “ข้า ข้ารู้สึกขาอ่อน
ปวกเปียกจนเดินไม่ไหว…”
แค่นี้ก็ขาอ่อนปวกเปียกแล้วหรือ
เฉิงฉือรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แล้วก็รู้สึกภูมิใจขึ้นมาอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้
เขารู้ว่าเป็นเพราะเขา
ถึงแม้นางจะมีความทรงจําของชาติก่อน แต่ความทรงจํานั่นมีอะไรดีกัน เกรงว่านอกจาก
ความอัปยศอับอายแล้วยังจะมีอะไรได้อีก
เขาหยุดมือลง
โจวเสาจิ่นโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
ซื่อหลาง…ไม่ว่าตอนไหนก็ล้วนใส่ใจนาง!
นางอดหัวเราะออกมาไม่ได้
ความสุขค่อยๆ ระบายอยู่บนดวงหน้าของนางทีละนิดๆ หัวใจของนางก็เปลี่ยนเป็นชื่นชม
ยินดีขึ้นมา
กล่าวเบาๆ ว่า “ท่านเพิ่งกลับมา อีกประเดี๋ยวยังต้องไปคารวะท่านแม่อีก…ข้าก็ยังต้อง
จัดเก็บหีบสัมภาระให้ท่าน…และเตรียมอาหารเที่ยง…ไม่แน่ว่าท่านแม่อาจจะให้ข้าเล่นไพ่ใบไม้
เป็นเพื่อนนางด้วย…ทุกครั้งร่างกายของข้าล้วนอ่อนปวกเปียกไม่มีเรี่ยวแรงตลอด…”
รอให้กลับเรือนแล้ว นางจะตามใจเขาทุกอย่าง
เพียงแต่ขอเวลาให้นางได้พักหายใจบ้าง ผู้อื่นจะได้ไม่เห็นความผิดปกติอะไร

ตอนนี้นางเป็นนายหญิงของเรือน ต่อให้ยามอยู่ต่อหน้านางคนเหล่านั้นจะไม่กล้าพูด
อะไร แต่ลับหลังต้องพากันพูดถึงนางเป็นแน่
ความนึกคิดของเฉิงฉือวาบผ่าน เพลิงที่เมื่อครู่มอดลงไปเล็กน้อยแล้วนั้นโหมกระหนํ่า
แผดเผาขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากนี้ยิ่งแผดเผาก็ยิ่งลุกโชน ราวกับไฟที่กําลังมอดไหม้ทุ่งหญ้า
“เจ้าหมายความว่า” เขากระซิบที่ข้างหูของนาง “หลังจากทุกครั้งของพวกเรา ร่างกาย
ของเจ้าล้วนอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงอย่างนั้นหรือ” ทว่ามือกลับบีบเคล้นความกลมกลึงนั่น
ขึ้นมาอีกครั้งอย่างห้ามใจไม่อยู่
โจวเสาจิ่นครางออกมาเสียงหนึ่งอย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวเสียงหอบกระเส่าว่า “ท่าน ท่าน
รับปากข้าแล้ว…”
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วเหตุใดร่างกายของนางถึงยังแข็งค้างเป็นก้อนหินอยู่อีก
เฉิงฉือคิดว่าตนคงต้องถกปัญหาข้อนี้กับโจวเสาจิ่นอย่างละเอียดสักหน่อยแล้ว
เขาไม่อยากให้เสาจิ่นเป็นทุกข์ แล้วก็ไม่อยากให้ตัวเองเป็นทุกข์ด้วย
เฉิงฉือจึงให้นางขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของตนคล้ายกับอุ้มเด็กเอาไว้ มือก็ลูบไล้เบาๆ ไป
ตามส่วนโค้งเว้านั่นอย่างที่ใจปรารถนา
โจวเสาจิ่นกลัวเหลือเกิน
ทุกครั้งก่อนที่เขากับนางจะทําอะไรกันล้วนเป็นเช่นนี้…
ผู้ใดจะรู้ว่าเฉิงฉือกลับมิได้ทําเหมือนกับเมื่อก่อน แต่กระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของนางว่า
“เช่นนั้นนอกจากขาอ่อนปวกเปียกแล้ว ยังมีอาการอย่างอื่นอีกหรือไม่…ข้าไม่กวนเจ้าก็เพราะ
อยากรู้ จะได้ไม่ทําให้ท่านแม่เข้าใจผิด…”

ร่างกายของโจวเสาจิ่นทั้งแข็งและค้าง อดกลั้นจนดวงหน้าแดงกํ่า ดวงตาใสแจ๋วคู่นั้นชุ่ม
ชื้น กัดริมฝีปากไม่ยอมพูดอะไร
หัวใจของเฉิงฉือจึงคล้ายกับถูกแมวข่วน จุมพิตนางไปด้วย ละเมียดสํารวจทิวทัศน์อัน
งดงามของทุ่งดอกไม้ไปด้วย
โจวเสาจิ่นสะอื้นออกมาเบาๆ คว้าจับมือของเขาเอาไว้พลางกล่าว “ไม่เอาเจ้าค่ะ”
ลําคอของเฉิงฉือร้อนรุ่ม ยังคงหยอกล้อนางเล่นด้วยเสียงอบอุ่นว่า “…ยังมีอาการอะไร
อีก”
โจวเสาจิ่นรู้สึกว่าความรู้สึกจะตายให้ได้กําลังจะมาอีกแล้ว
นางหนีบขาทั้งสองข้างเอาไว้แน่น ร้องไห้ออกมา “ข้า ข้าอยากไปห้องทางการเจ้าค่ะ…”
“อะไรนะ” ชั่วขณะนั้นเฉิงฉือยังไม่เข้าใจ
โจวเสาจิ่นบอกอีกครั้งหนึ่งด้วยความอับอาย จากนั้นก็ร้องไห้ออกมาเบาๆ
เฉิงฉือเข้าใจแล้ว
ทั้งประหลาดใจและดีใจ
เขารีบกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนกล่าวหลอกล่อนางเสียงเบาว่า “ไม่เป็นไรๆ ข้าไม่เล่นซน
แล้ว ดีหรือไม่”
โจวเสาจิ่นปล่อยให้เขาค่อยๆ ช้าลง ครู่ใหญ่กระแสนํ้าในร่างกายก็ค่อยๆ ไหลออกมา
ร่างกายของนางก็อ่อนยวบตามลงมาด้วย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน