โจวเสาจิ่นไม่คิดจะคบหาสมาคมกับหมิ่นเจียให้มากนัก แต่ด้วยความสัมพันธ์ของทั้งสอง คนกลับทําให้นางไม่อาจหลีกเลี่ยงการพบปะกับนางได้ เมื่อคิดได้เช่นนี้ โจวเสาจิ่นก็เลิกคิดมาก เกี่ยวกับเรื่องที่จู่ๆ การไปร่วมงานหมั้นเล็กของเฉิงรั่งก็มีคนเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “มีคนเพิ่มขึ้นคนหนึ่งบรรยากาศก็คึกคักมากขึ้นอีกขั้น เจ้าไปด้วยกันได้ก็ดีแล้ว”
ด้านหนึ่งคืองานแต่งงาน ส่วนอีกด้านคืองานหมั้นเล็ก สิ่งที่หยวนซื่อเลือกนั้นไม่ผิด แต่ หมิ่นเจียคิดว่าการกระทําของหยวนซื่อไม่เหมาะสมเท่าใดนัก สุดท้ายแล้วฟางเซวียนเป็นเพียง หลานสาวฝั่งบ้านมารดาของหยวนซื่อ แต่เฉิงรั่งเป็นหลายชายร่วมสายโลหิตฝั่งบ้านสามีของนาง ต่อให้นางไปงานของตระกูลเซี่ยไม่ได้ วันนี้ก็ควรจะออกหน้ามาดู แสดงความสนใจให้เห็นสัก หน่อย แต่กลับไม่ให้หน้ากันเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่รู้ความ หรือดูถูกดูแคลน หากเป็น อย่างแรกก็ได้แต่บอกว่านางได้รับการสั่งสอนมาไม่ดี แต่ถ้าเป็นอย่างหลังก็ได้แต่บอกว่าคุณธรรม ของนางนั้นไม่ดี
มิน่าวันนั้นตอนที่เฉิงสวี่กับนางไปแนะนําตัวให้ญาติๆ รู้จักที่ประตูเฉาหยางถึงได้แสดง อารมณ์ความรู้สึกออกมาบนใบหน้า
มีมารดาที่ประพฤติตัวไม่เป็นเช่นนี้เป็นแบบอย่างคนหนึ่ง เขาจะรู้จักการวางตัวในสังคม ได้อย่างไร
แม้ตระกูลเฉิงมีสมาชิกตระกูลไม่มากนัก แต่นางกลับมีวาสนาได้แต่งงานกับสามีที่มี หน้าที่การงานราบรื่นคนหนึ่ง ทั้งยังให้กําเนิดบุตรชายที่รํ่าเรียนเก่งคนหนึ่ง หากอยู่ในตระกูลหมิ่น คงจะถูกคนเหยียบยํ่าจนเละเป็นผุยผงนานแล้ว
เพียงแต่แม่สามีของตนผู้นั้นกลับไม่เข้าใจเลยสักนิด
4697
ตนเองยํ้าเตือนไปอย่างอ้อมค้อมว่าก่อนที่นางจะไปร่วมงานแต่งงานของฟางเซวียนให้ นางรีบมาที่นี่พูดถ้อยคําตามมารยาทสักสองสามประโยคก็ยังได้ ทว่าแม่สามีกลับตอบอย่างไม่ใส่ ใจว่า ไม่เป็นไรหรอก เป็นเพียงงานหมั้นเล็กเท่านั้น ประเดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็เป็นวันสรงนํ้าองค์พระ โพธิสัตว์แล้ว ตอนที่ข้าเจออาสะใภ้รองของเจ้าเพียงอธิบายให้ฟังสักหน่อยก็ได้แล้ว นางหาได้เป็น คนที่มีจิตใจคับแคบประเภทนั้น
ในตอนนั้นหมิ่นเจียหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้เลยจริงๆ
เนื่องจากคนอื่นมิได้เป็นคนที่มีจิตใจคับแคบ ดังนั้นเจ้าจึงเพิกเฉยต่อคนผู้นั้นอย่างนี้ หาก คนผู้นั้นเป็นคนที่มีจิตใจคับแคบเล่า เจ้ามิต้องประจบประแจงเอาใจแล้วหรอกหรือ นี่ก็คือการยก ย่องผู้สูงศักดิ์และเหยียบยํ่าผู้ตํ่าต้อยมิใช่หรือ ต่อให้คิดจะทําอย่างนั้น ก็อย่าพูดให้ชัดเจนหรือ กระทําอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้เลย!
หมิ่นเจียไม่เหลือแม้แต่อารมณ์จะสนใจแล้ว ตัดสินใจแยกกันไปคนละงานกับแม่สามี นางมาที่นี่ ส่วนแม่สามีไปงานแต่งงานของตระกูลฟาง
แม่สามีฉงนงงงวยเป็นอย่างมาก เอ่ยถามว่า อาเซวียนมิได้ดีกับเจ้ามากหรอกหรือ นาง จะออกเรือนเจ้าไม่ไปส่งสักหน่อยหรือ
ในตอนนั้นนางตอบยิ้มๆ ว่า อาเซวียนก็เข้าอกเข้าใจคนอื่นดียิ่งเช่นกัน ข้าให้สาวใช้ไปส่ง จดหมายให้นางฉบับหนึ่ง อธิบายสักหน่อยก็ได้แล้วเจ้าค่ะ
จากนั้นก็มอบซองจดหมายที่ยังปิดผนึกอยู่เช่นเดิมให้แก่หยวนซื่อ
ใครจะรู้ว่าหยวนซื่อกลับฟังแล้วไม่เข้าใจ พูดซํ้าๆ ว่าไม่ได้ นางต้องกระซิบกล่าวโน้มน้าว ไปคํารบหนึ่ง หยวนซื่อถึงได้ยินยอมอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
4698
ทว่าหมิ่นเจียกลับมองออก แม่สามีผู้นี้ของนางมิได้ไม่เข้าใจจริงๆ หรอก แต่เข้าใจมาก เกินไป จึงมักจะใช้ชื่อของสะใภ้ใหญ่มาข่มน้องสะใภ้ในบ้าน
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว นางก็คิดว่าแม่สามีช่างอ่อนต่อโลก จัดการได้ง่ายยิ่งนัก งานแต่งงานที่ บ้านเดิมจัดหาให้นางนี้ก็ดียิ่ง
เพียงแต่ไม่รู้ว่านางจะข่มโจวเสาจิ่นได้หรือไม่
หมิ่นเจียยิ้มน้อยๆ พลางกล่าวกับโจวเสาจิ่นอย่างอบอุ่นว่า “เช่นนั้นท่านอาสะใภ้จะต้อง สั่งสอนข้าให้มากนะเจ้าคะ ข้าก็ไม่ค่อยสันทัดเรื่องพวกนี้สักเท่าใด”
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “ตอนงานหมั้นเล็กของเจ้าตระกูลเฉิงไปปักปิ่นให้เจ้าอย่างไร ครั้งนี้พวกเราไปบ้านตระกูลเซี่ยก็ช่วยคุณหนูสามตระกูลเซี่ยปักปิ่นให้ตามนั้น เจ้าต้องรู้อย่าง แน่นอน”
ถ้อยคํานี้พูดออกมาจนหมิ่นเจียตะลึงงันไปเล็กน้อย
ไม่คาดคิดว่าโจวเสาจิ่นที่ดูเป็นคนที่งดงามอ่อนหวานถึงเพียงนี้คนหนึ่ง กลับพูดจา ประหนึ่งเข็มที่ซ่อนอยู่ในผ้าสักหลาดก็ไม่ปาน
เห็นได้ว่ามารดาของนางกล่าวได้ถูกต้อง คนผู้นี้ มิใช่คนที่เรียบง่ายคนหนึ่ง
หมิ่นเจียโอภาปราศรัยกับโจวเสาจิ่นสองสามประโยคแล้วไปหาเฉิงเจิงกับเฉิงเซียว แลกเปลี่ยนคําทักทายกับทั้งสองคนอย่างไม่มากหรือน้อยเกินไป ไม่ลึกซึ้งหรือตื้นเขินเกินไป
หากเทียบกับโจวเสาจิ่น นางให้ความสําคัญพี่สะใภ้สองคนนี้ของตนมากกว่า
ไม่ว่าอย่างไรโจวเสาจิ่นก็เป็นเพียงอาสะใภ้คนหนึ่งของนาง ทว่าเฉิงเจิงกับเฉิงเซียวกลับ ไม่เหมือนกัน พวกนางกับหยวนซื่อเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขร่วมสายโลหิตเดียวกัน ถ้อยคําของพวก
4699
นางหนึ่งประโยค มีนํ้าหนักมากกว่าถ้อยคําของผู้อื่นสิบประโยค โดยเฉพาะเวลาที่พูดถึงเรื่องไม่ดี …
พวกนางสนทนากันได้ครู่หนึ่ง พ่อสื่อกับผู้เปี่ยมด้วยพรทุกประการก็มาถึงหมดแล้ว
สะใภ้สามตระกูลอู๋ที่มาทําหน้าที่เป็นผู้เปี่ยมด้วยพรทุกประการก็เป็นผู้เปี่ยมด้วยพรทุก ประการให้แก่งานแต่งงานของโจวเสาจิ่น จึงนับได้ว่าสนิทสนมกันแล้ว โจวเสาจิ่นพูดคุยกับนาง อารมณ์ก็ดียิ่ง
ชิวซื่อรู้ว่าพวกนางล้วนรับประทานมื้อเช้าที่บ้านของตนเองเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังให้พวก สาวใช้ยกอาหารเหลว อาทิ นํ้าเต้าหู้กับต้มเม็ดบัวเข้ามาแล้วเชิญพวกนางดื่ม จากนั้นก็มุ่งไปยัง ตระกูลเซี่ยโดยมีพ่อสื่อเป็นผู้นําทาง
บ้านที่ตระกูลเซื่ยอาศัยอยู่นั้นห่างจากที่นี่ระยะหนึ่ง แต่ก็ไม่นับว่าไกลเกินไป นั่งเกี้ยวเป็น เวลาครึ่งชั่วยามก็ถึงแล้ว
เนื่องจากงานหมั้นเล็กเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับสตรีในห้องหอเป็นหลัก บรรดาบุรุษของ ตระกูลเซี่ยจึงหลีกทางให้ไปอยู่ในห้องหนังสือของลานชั้นนอกกันหมด ทันทีที่โจวเสาจิ่นลงมาจาก เกี้ยวก็เห็นบรรดาสตรีและเด็กๆ เต็มลาน ทําให้ลานบ้านขนาดเล็กเนืองแน่นไปด้วยผู้คน ทว่า หน้าตาของสตรีเหล่านี้ล้วนใจดีอ่อนโยนเป็นอย่างมาก รอยยิ้มก็สดใส บางครั้งบางคราวก็เห็น สตรีสองคนที่ดูท่าทางเจ้าเล่ห์เจ้าเหลี่ยมเล็กน้อย ทว่าบนดวงหน้าก็ยังประดับรอยยิ้มน้อยๆ เหมือนกัน มีบรรยากาศชื่นมื่นเหลือแสน
โจวเสาจิ่นชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง คิดว่างานแต่งงานกับตระกูลเซี่ยนี้ไม่เลวจริงๆ!
4700
ผู้เปี่ยมด้วยพรทุกประการที่ตระกูลเซี่ยเชิญมาต้อนรับพวกนางเข้าสู่ห้องนอนของเซี่ย เจวี๋ย เซี่ยเจวี๋ยสวมชุดเพ่ยจื่อผ้าไหมจวงฮวาสีแดงจ้า นั่งอยู่บนเตียงด้วยดวงหน้าแดงกํ่าโดยมี สตรีสองสามคนนั่งอยู่เป็นเพื่อน
ครั้นโจวเสาจิ่นเดินเข้าไปบรรดาสตรีเหล่านั้นก็เริ่มเอ่ยถ้อยคํามงคล และเปิดทางแก่โจว เสาจิ่นช่วยปักปิ่นให้เซี่ยเจวี๋ย


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน