เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 51

ยามดอกวสันต์ผลิบาน – ตอนที่ 51 ไว้อาลัย

เส้นบะหมี่เหนี่ยวนุ่ม ฮูหลัวปอสดใหม่ ทำซวนหลิวสั่วหวานจื่อออกมามีกลิ่นหอมและกรอบ รสชาติถูกปากยิ่งนัก ส่วนผักไป่เหอก็มีกลิ่นหอม ผักสลัดน้ำก็หวานกรอบ เป็นจานผัดผักไป่เหอกับผักสลัดน้ำที่รสชาติดียิ่ง…เป็นอาหารเจที่ทางวัดกันเฉวียนทำออกมาอย่างสุดฝีมือ ไม่เพียงทำให้เฉิงเจียทานได้อย่างเอร็ดอร่อยเท่านั้น แม้แต่คนที่ประณีตมาตลอดอย่างพานชิงก็ยังทานไปอีกครึ่งชามอย่างพึงพอใจ มีเพียงโจวเสาจิ่นเท่านั้นที่ไม่มีความอยากอาหารทานไปราวกับเคี้ยวขี้ผึ้ง

เฉิงซวิ่นเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย ตามหลักการแล้วพวกผู้ใหญ่ทั้งหลายไม่สมควรจะสวดภาวนาให้เขา อย่างไรก็ตาม สมดังคำกล่าวประโยคที่ว่า ‘คนยากจนต่อให้อยู่กลางที่ชุมชนก็ไม่ผู้คนถามถึง ส่วนคนร่ำรวยต่อให้อยู่ถึงหุบเขาลึกก็ยังมีญาติห่างๆ’ จวนหลักมีตำแหน่งสูงส่ง ไม่เพียงแค่เจียงซื่อและคนอื่นๆ ที่ติดตามฮูหยินผู้เฒ่ากัวมาที่วัดกันเฉวียนเท่านั้น แม้แต่จวนห้าและตระกูลสายรองที่ค่อนข้างใกล้ชิดกับซอยจิ่วหรูอย่างครอบครัวชองเฉิงอวี้และเฉิงลู่ก็มาด้วยเช่นกัน

หากรู้เช่นนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ นางก็คงจะไม่ตอบตกลงมาที่วัดกันเฉวียนกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้ว

อาจจะเป็นเพราะวันนั้นนางเชือดเฉือนต่งซื่อไปหลายประโยค หรือก็อาจจะเป็นเพราะฮูหยินผู้เฒ่ากัวให้นางอยู่ข้างกายโดยตลอด ต่งซื่อจึงไม่ได้ดึงนางไปพูดคุยด้วยอย่างสนิทสนมเหมือนเช่นที่เคยทำมา ทำให้โจวเสาจิ่นรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก

อย่างไรก็ตาม ปรารถนาให้ไม่ต้องพบกับเฉิงลู่…ก็ยังมีเฉิงสวี่อีก

แต่เรื่องราวก็มักจะไม่เป็นไปตามที่คนปรารถนา

เมื่อรับมื้อเที่ยงเสร็จ ทุกคนต่างกลับไปพักผ่อนที่ห้องสักพักหนึ่ง และกลับมาที่ห้องโถงข้างอีกครั้งเพื่อร่วมพิธีกรรมของเฉิงซวิ่น

เฉิงลู่เดินเข้ามา

หลังจากที่โจวเสาจิ่นกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง นี่นับเป็นครั้งแรกที่ได้พบกับเฉิงลู่

เฉิงลู่ในเวลานี้ยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบหกปีผู้หนึ่งเท่านั้น รูปร่างผอมสูงเฉกเช่นต้นไผ่สูง หน้าตาหล่อเหลา ในความขี้อายนั้นมีความเขินอายอยู่หลายส่วน ราวกับพี่ชายข้างบ้านที่เป็นมิตร

ใครจะไปคิดว่าต่อไปเขาจะกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามทว่ากลับเป็นจอมวายร้ายที่มีแต่คำหลอกลวงผู้หนึ่งกัน

เขามาหาต่งซื่อ

สองแม่ลูกยืนกระซิบกระซาบกันอยู่ตรงมุมห้องโถงไม่รู้ว่าคุยอะไรกันบ้าง ทันใดนั้น ฮูหยินใหญ่เวิ่นที่ยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะจุดธูปก็กล่าวกับต่งซื่ออย่างจงใจว่า “ได้ยินมาว่าลู่เกอเอ๋อร์จะลงสนามสอบในเดือนหกนี้ เกรงว่าซิ่วไฉผู้หนึ่งคงเป็นแค่เรื่องง่ายดายเสียแล้ว”

“ที่ไหนกันเจ้าคะ!” ต่งซื่อฝืนยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว “บัณฑิตในเจียงหนานมีมากมาก ไม่รอให้ถึงประกาศของทางการ ใครก็ไม่อาจทราบได้ว่าผลจะเป็นอย่างไรเจ้าค่ะ”

เฉิงลู่ไม่มองฮูหยินใหญ่เวิ่นเลยแม้แต่นิดเดียว กล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “ได้ยินมาว่าเมื่อหลายวันก่อนน้องสาวรองตระกูลโจวไม่สบาย? ดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง หากมีอะไรที่สามารถช่วยเหลือได้ น้องสาวรองตระกูลโจวอย่าได้เกรงใจ ขอเพียงบอกกับท่านแม่ของข้า”

ท่าทางราวกับรังเกียจที่จะสนทนากับฮูหยินใหญ่เวิ่น และกล่าวทักทายได้อย่างเป็นธรรมชาติ

โจวเสาจิ่นตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ

เฉิงลู่ที่อยู่ตรงหน้านี้…ดูแปลกและไม่คุ้นชินด้วยมากขนาดนี้เชียว

ราวกับว่าคนที่นางฆ่าเองกับมือคนนั้นกับเขาไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย

คนหนึ่งคน ทำไมถึงมีการเปลี่ยนแปลงที่มากขนาดนี้ได้

นางยิ้มพลางพยักหน้าให้เฉิงลู่

ฮูหยินใหญ่เวิ่นกลับเปลี่ยนสีหน้า กล่าวขึ้นว่า “ใครไม่รู้บ้างว่าลู่เกอเอ๋อร์ของพวกเจ้าเป็นผู้คงแก่เรียนผู้หนึ่ง ต่อไปก็อาจจะได้เป็นขุนนางผู้มีความสามารถระดับสูง ฮูหยินใหญ่ไป่กับข้าทำไมต้องเกรงใจกันขนาดนี้ด้วย หรือกลัวว่าเมื่อลู่เกอเอ๋อร์มีชื่อเสียงแล้วญาติผู้ยากจนอย่างพวกข้านี้จะไปรบกวนอย่างนั้นหรือ เจ้าวางใจเถอะ ตระกูลเฉิงเช่นพวกข้านี้ถึงจะเสื่อมโทรมก็ยังมีเหล็กกล้าอีกสามจิน ต่อให้ต้องขอข้าวกินก็คงไม่ขอไปถึงจวนของพวกเจ้าหรอก”

ใบหน้าของต่งซื่อพองขึ้นจนแดงก่ำ

สตรีคนอื่นๆ ของตระกูลเฉิงเองก็ไม่รู้ว่าฮูหยินใหญ่เวิ่นโมโหเรื่องอะไร

ทว่าเฉิงลู่กลับมีสีหน้าสงบ หันไปกล่าวลาฮูหยินผู้เฒ่ากัวและคนอื่นๆ อย่างนอบน้อม และเอ่ยกับโจวเสาจิ่นว่า “ได้ยินมาว่าน้องสาวรองตระกูลโจวมีว่าวเป่ารุ่ยเสียงอยู่หลายตัว ข้าอยากจะขอยืมมาดูสักหน่อยว่าทำอย่างไร ไม่ทราบว่าน้องสาวรองสะดวกหรือไม่”

ชาติก่อน ทุกครั้งที่เฉิงลู่ติดต่อกับนางก็ล้วนมีความมั่นใจ เปิดเผยและตรงไปตรงมา ด้วยเหตุนี้โจวเสาจิ่นจึงไม่เคยเคลือบแคลงสงสัยมาก่อน ทว่าชาตินี้ เมื่อได้ฟังคำพูดเช่นนี้อีกครั้ง โจวเสาจิ่นรู้สึกเพียงว่าน่าขันยิ่งนัก

เฉิงลู่ คนที่รู้จักระมัดระวังตัวขนาดนี้ จากที่ใช้ประโยชน์จากชื่อของจวนห้าจนได้รับการแนะนำจากจวนสี่ให้เข้าไปเรียนหนังสืออยู่ในสำนักศึกษา จนถึงการเป็นคนที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับทุกคนในสำนักศึกษาได้ จะเป็นไปได้อย่างไรที่ไม่รู้ว่าชายหญิงควรมีระยะห่าง และทำเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ได้?

หากว่านางจำไม่ผิด ว่าวพวกนั้นทั้งหมดก็น่าจะเป็นเฉิงลู่ที่ส่งมาให้นางเมื่อก่อนหน้านี้

ตอนนี้กลับต้องการเอากลับไปอย่างเปิดเผย เกรงว่าพอผ่านไม่กี่วันก็คงจะส่งกลับมาให้นางอย่างเปิดเผยเช่นกัน

เพียงแต่ว่าในระหว่างเรื่องนี้จะมีอะไรที่แตกต่างจากนี้หรือไม่นั้นก็ไม่อาจรู้ได้

และนางก็ไม่อยากจะไปสืบสาวราวเรื่องกับเฉิงลู่ด้วย

“เป่ารุ่ยเสียงนั้นอยู่ที่ตรอกฉุนอี้ พี่ชายลู่เองก็อาศัยอยู่ที่ตรอกฉุนอี้” โจวเสาจิ่นกล่าวเรียบๆ “หากพี่ชายลู่จะมาขอยืมว่าวกับข้า ไม่สู้ไปดูที่ตรอกฉุนอี้น่าจะดีกว่า ตอนที่พี่ชายอี้มอบว่าวให้ข้านั้นเคยกล่าวเอาไว้ว่า ด้านหลังสวนของเป่ารุ่ยเสียงเป็นตรอกที่ทำว่าว หากพี่ชายลู่ไปที่นั่น ไม่แน่ว่าอาจจะยังได้เห็นเคล็ดลับในการทำว่าวด้วยเจ้าค่ะ”

นางซ่อนความเข้าใจเอาไว้และแสร้งทำเป็นงุนงงสับสน ยกเรื่องว่าวมากล่าวว่าเป็นเฉิงอี้ที่เป็นคนมอบให้นาง ต่อให้ในอนาคตเฉิงลู่คิดจะเล่นแง่อะไรอีก แต่ต่อหน้าผู้ใหญ่มากมายขนาดนี้ เขาย่อมไม่กล้ายกเรื่องที่ว่าเขาเป็นคนมอบว่าวให้นางขึ้นมาพูดอีก ต่อไปก็ไม่อาจนำเรื่องว่าวมาสร้างให้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาได้อีก

เมื่อกล่าวจบ โจวเสาจิ่นรู้สึกว่าหากปล่อยเฉิงลู่ไปเช่นนี้ออกจะเป็นเรื่องที่ง่ายเกินไป จึงกล่าวเสริมอีกว่า “พวกเราพี่ชายน้องสาวต่างก็โตแล้ว คงจะไม่ดีนักหากจะยังเล่นกันเป็นกลุ่มก้อนอย่างเช่นตอนเด็กๆ อีก เกรงว่าคงจะไม่สะดวกให้พี่ชายลู่ยืมว่าวนี้แล้ว ขอพี่ชายลู่โปรดอภัยให้ด้วยเจ้าค่ะ”

ในดวงตาของฮูหยินผู้กัวมีรอยยิ้มพึงพอใจวาบผ่านอยู่สายหนึ่ง

เฉิงลู่หน้าแดงก่ำ ค้อมศีรษะให้แล้วเดินจากไป

โจวเสาจิ่นโล่งอกไปทีหนึ่ง หมุนกายคุกเข่าลงบนเบาะ เตรียมตัวสวดมนต์พร้อมกันกับหลวงจีนในวัด ทว่าในใจกลับเหมือนกับน้ำที่กำลังเดือดปุดๆ

อาจเป็นเพราะว่าตนไม่เพียงแทงเขาไปครั้งหนึ่งเท่านั้น ยังสร้างกับดักให้เฉิงลู่กระโดดลงไปอีกด้วย ความเกลียดชังในชาติก่อนได้รับการแก้แค้นแล้ว หากนางพบกับเฉิงลู่อีก ก็ไม่มีความเกลียดเข้ากระดูกดำอีกแล้ว ทว่ากลับแน่ใจได้อีกครั้งว่า ทุกการกระทำของเฉิงลู่นั้นล้วนมีเจตนาแอบแฝงอยู่

ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่า ระหว่างนางกับเขาและกับคนอื่นๆ นั้นมีความแตกต่างกันอยู่

ทำไมเฉิงลู่ต้องทำเช่นนี้ด้วย

ถึงแม้ว่าท่านยายกับท่านลุงใหญ่จะต้องออกหน้าเพื่อนางอย่างแน่นอน แต่การช่วยเหลือตนเองย่อมดีกว่าความช่วยเหลือจากผู้อื่น โจวเสาจิ่นจึงตัดสินใจจะพิสูจน์เรื่องนี้ให้กระจ่าง

เพียงต้องรู้วัตถุประสงค์ของเฉิงลู่ให้ได้เท่านั้น ถึงจะสามารถหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในชาติที่แล้วได้

ตอนที่ 51 ไว้อาลัย 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน