ได้ยินสาวใช้เด็กกล่าวเช่นนี้แล้ว ไม่เพียงชิวซื่อเท่านั้น แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเองก็ดีใจเป็น อย่างยิ่งด้วย
ต่อไปเฉิงหรงและเฉิงเหมิงต้องใช้ชีวิตอยู่กับบ้านรองทางด้านนี้ หากคนของบ้านรองต่าง ปฏิบัติต่อเด็กทั้งสองอย่างเอื้อเอ็นดูได้ แน่นอนว่าย่อมจะเป็นผลดีต่อเด็กทั้งสองมากกว่า
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่รอให้ชิวซื่อเอ่ยปากก็รีบกล่าวยิ้มๆ ขึ้นก่อนว่า “รีบเชิญเข้ามาๆ!”
ชิวซื่อและโจวเสาจิ่นเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวถ้อยคํานี้ดวงตา ของทั้งสองคนต่างเจือไปด้วยรอยยิ้ม
ไม่นาน เฉิงเซิงก็เดินเข้ามา
อาจเป็นเพราะบ้านสามีดูแลดีมากเกินไป รุ่ยเกอเอ๋อร์ใกล้จะครึ่งขวบแล้ว เฉิงเซิงไม่เพียง ไม่กลับไปผอมบางดังก่อนหน้านี้ ดูเหมือนกับว่ายังเจ้าเนื้อขึ้นกว่าตอนก่อนคลอดลูกอีกเล็กน้อย ด้วย โชคดีที่นางหน้าตางดงามโดดเด่น ความเจ้าเนื้อเช่นนี้จึงมิได้ทําให้นางดูอวบอ้วนมากเกินไป ตรงกันข้ามด้วยผิวพรรณกระจ่างใสที่ขาวยิ่งกว่าหมอกและหิมะนั้นทําให้ดูสง่างามอิ่มเต็มขึ้น หลายส่วน
นางยิ้มพร้อมกับก้าวออกมาคารวะทักทายทุกคน ให้สาวใช้ถือห่อผ้าห่อใหญ่หนึ่งเข้ามา พลางกล่าวว่า “ข้าเพิ่งได้ยินท่านแม่พูดขึ้นมาเมื่อสองวันก่อน ก็เลยมิทันได้ตระเตรียมของดีอะไร มาให้หลานชายทั้งสองคน จึงให้ร้านตัดเย็บตัดเสื้อผ้า รองเท้าและถุงเท้ามาให้เล็กน้อย รอให้ผ่าน ไปสักช่วงหนึ่งข้ามีเวลาว่างแล้วค่อยตัดเสื้อผ้ามาให้หลานชายทั้งสองคนอีกสักสองสามชุด”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
4833
ชิวซื่อเองก็ช่วยรักษาหน้าให้บุตรสาวต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่ากัวด้วย กล่าวยิ้มๆ ว่า “กําลัง กลัวอยู่ว่าเสื้อผ้าจะไม่พอ เจ้าส่งมาให้ ข้าก็ไม่จําเป็นต้องห่วงเรื่องพวกนี้แล้ว” เรียกให้สาวใช้ไป เชิญอาเป่ากับอาเหรินที่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นเฉิงหรงและเฉิงเหมิงแล้วเข้ามา
อาเป่ าโตกว่าเล็กน้อย จึงรู้ว่าต่อไปอาเหรินจะเป็นน้องชายของตัวเองแล้วอย่างรู้ความ แม้นจะยังคงไม่ค่อยพูดเท่าไรนัก ทว่ากลับรู้จักดูแลให้อาเหรินกินข้าวเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินไปที่ไหน ก็ล้วนรู้จักจับมือของอาเหรินเอาไว้
อาเหรินยังอยู่ในวัยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร กินอิ่มแล้วก็นอน นอนอิ่มแล้วก็กิน รู้เพียงว่าบ้าน หลังนี้ดีกว่าสถานที่ที่เคยอยู่มาก่อนหน้านี้มากโขเพียงเท่านั้น อีกทั้งยังมีพี่ชายใหญ่อย่างอาเป่ าที่ คอยดูแลเขาเป็นอย่างดีมาตลอดตั้งแต่อยู่ที่มูลนิธิมาอยู่ด้วยกัน ทุกๆ วันจึงมีแต่ความสุข
อาเป่าโขกศีรษะให้เฉิงเซิงและกล่าวขอบคุณอย่างนอบน้อม
อาเหรินเองก็ทําตามด้วยเช่นกัน
คนในห้องต่างยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ส่วนเฉิงเซิงนําเอาจี้หยกคู่หนึ่งที่เตรียมเอาไว้มา สวมให้เด็กทั้งสองคน ยังบอกพวกเขาด้วยว่าผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้วให้ไปเล่นที่บ้าน ที่บ้านยังมี น้องชายที่อายุน้อยกว่าพวกเขาอยู่ด้วยอีกผู้หนึ่ง
อาเหรินพยักหน้ายิ้มๆ อย่างเบิกบาน เงยหน้ามองอาเป่ าถามว่าไปได้หรือไม่อย่าง คาดหวัง
อาเป่ าพยักหน้าด้วยสีหน้านิ่งสงบ ทว่ากระบอกตาที่รื้นชื้นเล็กน้อยนั่นยังคงทําให้คน สัมผัสได้ถึงความซาบซึ้งในใจของเขา
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและโจวเสาจิ่นมองแล้วต่างสะอื้นออกมาเล็กน้อย ดึงอาเป่ าและอาเหริน ไปพูดคุยด้วย
4834
คําพูดคําจาของอาเหรินยังเป็นเด็กน้อย เป็นเหตุให้คนในห้องต่างหัวเราะร่าไม่หยุด
มีสาวใช้เข้ามารายงานอีกว่าเฉิงเจิงและเฉิงเซียวให้ป้ารับใช้มาคารวะทักทายคุณชาย น้อยทั้งสองท่าน ยังนําอาหาร ของเล่น และชุดเครื่องเขียนมาให้ด้วยเล็กน้อย
ชิวซื่อเชิญคนเข้ามาคารวะทักทายอาเป่าและอาเหริน
เฉิงเซิงจึงลากโจวเสาจิ่นไปข้างๆ กระซิบถามเสียงเบาว่า “อาเป่าและอาเหรินเป็นชื่อเดิม ของพวกเขาใช่หรือไม่ เหตุใดถึงยังให้ใช้ชื่อเดิมอยู่อีกหรือ”
โจวเสาจิ่นกระซิบกล่าวกับนางเป็นการส่วนตัวว่า “เป็นความตั้งใจของท่านอารอง ท่าน อารองกล่าวว่า แม้นพวกเขาจะเป็นผู้สืบสานของตระกูลเฉิงแล้ว แต่ก็ไม่จําเป็นต้องให้เด็กทั้งสอง คนไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองมาจากที่ใด แทนที่จะให้พวกเขาได้ยินคํากล่าวเหลวไหลจากผู้อื่นเมื่อโต ขึ้น มิสู้ให้พวกเขารู้เสียตั้งแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า ส่วนเรื่องที่ต่อไปเด็กทั้งสองคนจะเป็นอย่างไรนั้น พวกเราทําหน้าที่ของพวกเราให้ดีที่สุดก็พอแล้ว”
เฉิงเซิงกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “ท่านปู่รองช่างมีจิตใจกว้างขวางจริงๆ เด็กทั้งสองคนนี้ มาถึงตระกูลเฉิงได้ ก็ถือว่าเป็นโชคดีของพวกเขาทั้งสองคนแล้ว”
โจวเสาจิ่นเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน แล้วก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ถ้าหากการคาด เดาของเฉิงฉือถูกต้อง เรื่องอะไรที่ทําให้เฉิงเซ่ายอมแม้กระทั่งทําคนที่ได้เป็นองค์รัชทายาทแล้ว อย่างองค์ชายสี่ต้องขุ่นเคืองกันนะ?
เมื่อกลับถึงบ้าน นางพูดเรื่องนี้กับเฉิงฉือ เฉิงฉือมิได้กล่าวสิ่งใด ทว่าในใจกลับหนักอึ้งขึ้นอย่างเงียบๆ ผ่านไปไม่กี่วัน ฮูหยินของซ่งจิ่งหรานก็มาเยี่ยมเยียนโจวเสาจิ่นอย่างกะทันหัน
4835
โจวเสาจิ่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง
ฮูหยินซ่งมิได้มาเยี่ยมเยียนฮูหยินผู้เฒ่ากัว แต่มาเยี่ยมเยียนนาง…นี่ทําให้นางรู้สึกไม่ค่อย สบายใจเล็กน้อย หวนคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่าช่วงนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ คิดไม่ออกว่าฮูหยินซ่งมาหาตนด้วยเรื่องอะไร จึงรีบแต่งหน้าแต่งตัวแล้วไปพบแขกที่ห้องโถง
ฮูหยินซ่งจับมือของนางเอาไว้พลางมองสํารวจนางขึ้นลงยิ้มๆ กล่าวเสียงอบอุ่นว่า “บอก ว่าสามเดือนใกล้จะสี่เดือนแล้ว แต่ก็ดูไม่ออกเลยสักนิดเดียว กินอะไรได้หรือไม่ เด็กผู้นี้รบกวนเจ้า หรือไม่”
โจวเสาจิ่นกับนางกล่าวทักทายกัน ทุกคนพูดคุยกันอีกสองสามประโยค จากนั้นไป คารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่ลานทิงเซียง
เนื่องจากเข้ากลางเดือนสิบแล้ว จึงเริ่มมีการตระเตรียมของใช้บางอย่างสําหรับปีใหม่แล้ว ป้ารับใช้ประจําเรือนเพาะชําสองสามคนกําลังห้อมล้อมฮูหยินผู้เฒ่ากัวพูดคุยเรื่องดอกไม้กันอยู่ ปรึกษาว่าช่วงปีใหม่สถานที่อะไรควรจะประดับตกแต่งดอกไม้อะไรบ้าง ที่เฟิ งไถมีพรรณไม้อะไร ออกใหม่บ้าง ดอกไม้อะไรที่เรือนเพาะชําของที่บ้านปลูกเองได้บ้าง และดอกไม้อะไรที่ต้องไปซื้อ เพิ่มมาจากที่เฟิงไถบ้าง
ทราบว่าฮูหยินซ่งมาหาโจวเสาจิ่น ฮูหยินผู้เฒ่ากัวโบกมือยิ้มๆ ครั้งหนึ่ง พลางกล่าว “ข้า มิใช่แม่สามีใจร้ายประเภทนั้น พวกเจ้าไปหาที่คุยเรื่องส่วนตัวกันเองเถิด ทางด้านนี้ข้ายังมีธุระ ของข้าอยู่อีก”
ฮูหยินซ่งได้ยินแล้วก็หัวเราะไม่หยุด กล่าวขึ้นว่า “ทั่วทั้งจิงเฉิงนี้ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าท่านเป็น คนที่รักใคร่บุตรสะใภ้ผู้หนึ่ง แม้นจะกล่าวว่าแยกบ้านกันแล้ว แต่ท่านดูพี่น้องใต้เท้าเฉิงสองสาม คนนั้น ต่างไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ไม่รู้ว่าใกล้ชิดสนิทสนมกว่าพวกที่เบื้องหน้าอยู่ด้วยกันแต่ลอบแทง กันด้วยมีดด้วยศรเหล่านั้นมากมายเพียงใด เพียงแต่ว่ามีสิ่งที่ไม่คุ้นเคยเล็กน้อยเท่านั้น ที่ประตู
4836
เฉาหยางนี้ก็เป็นใต้เท้าเฉิง นายท่านรองที่อาศัยอยู่ไม่ไกลก็เป็นใต้เท้าเฉิง ที่ซอยซิ่งหลินก็เป็นใต้ เท้าเฉิง ทําให้ผู้อื่นไม่รู้ว่าที่กําลังพูดถึงนั้นเป็นใต้เท้าเฉิงคนไหนกันแน่เจ้าค่ะ”
เฉิงจิงเป็นขุนนางใหญ่ เมื่อเดินออกไปย่อมมีคนเรียกขานอย่างเคารพนบนอบว่า “ขุน นางใหญ่เฉิง” ประโยคหนึ่ง แต่เฉิงเว่ยและเฉิงฉือนั้น อาศัยอยู่ทางด้านประตูเฉาหยางเหมือนกัน จึงแยกยากอยู่บ้างจริงๆ
ฮูหยินซ่งมิใช่คนที่เก่งเรื่องพูดไปตามมารยาทพอเป็นพิธี คําพูดไม่กี่ประโยคนี้จึงกล่าว ออกมาได้อย่างจริงใจยิ่ง



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน