เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 55

ตอนที่ 55 สอดแนม

หลังจากที่หัวเราะไปแล้ว ความสงสัยเหล่านั้นก็ยังคงคาอยู่ในใจ

โจวเสาจิ่นตัดสินใจเริ่มที่จะสืบจากบ้านเดิมของตระกูลจวง

นางเรียกภรรยาของหม่าฟู่ซานเข้ามา ให้ภรรยาของหม่าฟู่ซานนำความไปแจ้งหม่าฟู่ซานว่า “…ไปดูหน่อยว่าบ้านหลังเก่าของตระกูลจวงนั้นอยู่ตรงส่วนไหนของถนนกวนเจียกันแน่ ตอนนี้ตกอยู่ในมือของผู้ใด ขายออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ในเวลานั้นขายไปในราคาเท่าไหร่ และสามารถซื้อกลับมาได้หรือไม่”

ถ้าหากว่าบ้านหลังเก่านั้นไม่ได้อยู่ตรอกฉุนอี้ ไม่ได้อยู่ในละแวกเดียวกับจวนของเฉิงลู่ นางจะต้องหาวิธีนำมันกลับมาให้ได้อย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้ เพียงแค่นางคิดว่าเฉิงลู่อาศัยอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังเก่านี้ นางก็รู้สึกอึดอัดไปทั้งร่างแล้ว

ที่นางกล่าวเช่นนี้ ก็เพียงเพราะอยากให้พี่สาวและหม่าฟู่ซานไม่เกิดความสงสัยเท่านั้น

เป็นไปตามที่คาด หม่าฟู่ซานไม่ได้สงสัยอะไร

ไม่กี่วัน ภรรยาของหม่าฟู่ซานก็มาให้คำตอบแก่โจวเสาจิ่น

“คุณหนูรอง ท่านเดาดูสิเจ้าคะว่าบ้านเก่าหลังนั้นอยู่ที่ไหน” ใบหน้าของภรรยาของหม่าฟู่ซานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในใจของโจวเสาจิ่นอยู่ๆ ก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาอย่างกะทันหัน

นางกล่าวขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “บ้านหลังเก่าหลังนั้นอยู่ที่ไหนหรือ”

ราวกับว่าภรรยาของหม่าฟู่ซานกำลังรอคอยประโยคนี้ของนางอยู่อย่างไรอย่างนั้น กล่าวขึ้นอย่างยินดีว่า “เดิมทีบ้างหลังเก่าของตระกูลจวงอยู่ถัดจากจวนของคุณชายใหญ่ลู่จวนห้า เมื่อสองปีก่อน ลุงจวงนำมันไปขายให้คุณชายใหญ่ลู่ ตอนนี้โฉนดที่ดินตกอยู่ในมืองของคุณชายใหญ่ลู่ หากว่าท่านมีใจอยากนำมันกลับมา เช่นนั้นไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องง่ายแค่คำพูดประโยคเดียวหรือ!”

อากาศร้อนขนาดนี้ ทว่าโจวเสาจิ่นกลับรู้สึกมือและเท้าเย็นเป็นน้ำแข็ง

ผ่านไปครู่ใหญ่กว่านางจะเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าไม่ได้เข้าใจผิดใช่หรือไม่”

“ไม่เจ้าค่ะๆ” ภรรยาของหม่าฟู่ซานรีบกล่าว “ที่ผ่านมาสามีของข้าทำอะไรก็เชื่อถือได้มาโดยตลอด ยังจงใจแสร้งทำเป็นผ่านทางมาอย่างไม่ตั้งใจและเข้าไปดูครู่หนึ่ง เป็นไปได้ว่าสมาชิกในบ้านของคุณชายใหญ่ลู่มีไม่มาก ตั้งแต่ที่คุณชายใหญ่ลู่ซื้อบ้านหลังเก่านั้นมา ก็ปล่อยให้ว่างมาโดยตลอด มีเพียงเครื่องใช้เก่าๆ บางอย่างวางกองเอาไว้เท่านั้น แต่ว่าต้นดอกเหมยที่อยู่ในสวนต้นนั้น เติบโตได้อย่างดียิ่ง ได้ยินเพื่อนบ้านละแวกนั้นกล่าวว่า เมื่อถึงฤดูดอกไม้บานยังสามารถบานจนทั้งต้นเต็มไปด้วยดอกไม้ สามีของข้าบอกว่า คานหลังคาและเสาของบ้านหลังเก่านั้นล้วนทำจากต้นสนขนาดสองแขนโอบ ทว่าในปีนั้นกลับขายไปในราคาเพียงสามสิบเหลี่ยงเงิน เพียงแค่ปรับปรุงซ่อมแซมเสียหน่อย ก็มาสามารถเข้าอยู่ได้แล้ว ต่อให้เพิ่มอีกยี่สิบเหลี่ยงเงินให้คุณชายใหญ่ลู่ ก็ยังคุ้มค่าอยู่ดี”

โจวเสาจิ่นรู้สึกหน้ามืด

ตอนที่ไปเปลี่ยนชื่อโฉนดที่ดินกับทางการ เมื่อก่อนเจ้าของเป็นใคร ตอนนี้เจ้าของเป็นใคร ล้วนเขียนบอกเอาไว้อย่างชัดเจน

เป็นไปไม่ได้ที่เฉิงลู่จะไม่รู้ว่านี่เป็นบ้างหลังเก่าของตระกูลจวง

แต่ทั้งหมดนี้ เขาล้วนไม่เคยเอ่ยถึงเลย

เป็นเวลานานกว่าโจวเสาจิ่นจะเรียกสติกลับมาได้ ทำสมาธิให้มั่นคงและกล่าวกับภรรยาของหม่าฟู่ซานว่า “เนื่องจากบ้านหลังนี้ดีขนาดนี้ เกรงว่าเพียงเพิ่มอีกยี่สิบเหลี่ยงเงิน คุณชายใหญ่ลู่คงไม่ยอมขายให้ เรื่องนี้ช่วงนี้ก็พักเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน เพื่อหลีกเลี่ยงคำครหาของผู้อื่นว่าพวกเรานั้นเอาเปรียบญาติพี่น้อง”

ภรรยาของหม่าฟู่ซานรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก แต่โจวเสาจิ่นก็ได้เอ่ยปากแล้ว คงไม่เหมาะที่นางจะกล่าวอะไรอีก จึงลุกขึ้นกล่าวอำลา

โจวเสาจิ่นหมุนกายก็ล้มลงบนเตียง

ถ้าหากว่าชาติที่แล้วไม่ได้เกิดเรื่องพวกนั้นขึ้น นางก็คงจะยังหลอกตัวเองอยู่ว่า เฉิงลู่เพียงไม่มีโอกาสพูดกับตนเองเท่านั้น

แต่ตอนนี้ สองปีแล้ว หากเขามีใจอยากจะบอก ก็คงจะบอกตนไปตั้งนานแล้ว

เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการปิดบังตนเองเอาไว้

แต่ทำไมเขาต้องปิดบังตนเองเอาไว้ด้วย

โจวเสาจิ่นอยากจะพุ่งเข้าไปต่อหน้าเฉิงลู่และถามเขาสักครั้งหนึ่งจริงๆ แต่ชาตินี้นางยิ่งไม่ปรารถนาจะมีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับเฉิงลู่

ดูท่าแล้ว คงจะต้องเริ่มจากทางฝั่งของท่านลุงจวงผู้นั้นแล้ว!

โจวเสาจิ่นเกิดความรู้สึกราวกับกำลังขอหนังเสือจากเสืออยู่ขึ้นมา

ไม่นานก็ถึงเทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่างแล้วอย่างรวดเร็ว

เช่นเดียวกับปีที่แล้ว ทางการของเมืองตัดสินใจจัดงานเฉลิมฉลองจุดดอกไม้ไฟที่ทิศตะวันออกของเมือง

ท่านเจ้าเมืองอู๋มาที่จวนด้วยตัวเอง เชิญตระกูลให้ร่วมบริจาคเงินห้าร้อยเหลี่ยงเพื่อร่วมกันจัดงานเหมือนเช่นปีที่แล้ว

เฉิงฉือเป็นคนออกมาให้การต้อนรับท่านเจ้าเมืองอู๋

เขากล่าว “เนื่องจากที่จวนมีงานศพ จึงไม่เหมาะที่จะเฉลิมฉลองรื่นเริง แต่เรื่องของทางราชการ พวกเราตระกูลเฉิงก็รับผิดชอบกันมาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้นปีนี้ยังเป็นงานเทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่างปีแรกหลังเข้ารับตำแหน่งของไต้เท้าอู๋ พวกเราตระกูลเฉิงจะบริจาคเงินแปดร้อยเหลี่ยง ปะเดี๋ยวข้าจะให้พ่อบ้านใหญ่ฉินส่งไปให้ แต่ว่าปีนี้ทางการสามารถเปลี่ยนสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองจุดดอกไม้ไฟไปเป็นสถานที่อื่นได้หรือไม่”

ท่านเจ้าเมืองอู๋รับปากในทันที ยังกล่าวอีกว่า “ข้าเพิ่งมาถึงยังใหม่กับสถานที่ จึงไม่รู้ว่ายังมีสถานที่ใดที่เหมาะสมสำหรับการจุดดอกไม้ไฟ ไม่สู้จื่อชวนช่วยชี้แนะข้าด้วย”

จากนั้นสถานที่สำหรับจุดดอกไม้ไฟจึงกำหนดให้อยู่ที่ถนนชวีชิงทางทิศใต้ของเมืองแทน

ตอนที่เสี่ยวถานบอกโจวเสาจิ่นนั้น โจวเสาจิ่นเพิ่งจะเสร็จจากการคัดพระธรรมมาทั้งวัน และกำลังล้างมืออยู่พอดี

นางได้ฟังแล้วก็ประหลาดใจ เอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร”

“แน่นอนว่าได้ข่าวมาจากทาง ‘เหวินมู่ซีเซียง’ เจ้าค่ะ” เสี่ยวถานกล่าวอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก “ตอนที่นายท่านสี่กับท่านเจ้าเมืองอู๋คุยกันนั้นก็ไม่ได้ปิดบังผู้ใด คนที่รับใช้อยู่ที่ ‘เหวินมู่ซีเซียง’ ในวันนั้นต่างก็ทราบกันหมดแล้วเจ้าค่ะ” ขณะที่นางพูด ก็ถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวังครั้งหนึ่ง จากนั้นรีบกล่าวขึ้นว่า “นอกจากนี้ท่านพ่อบ้านฉินก็ได้แจ้งลงมาแล้วว่า เทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่างในปีนี้ไม่มีการประดับไฟ กินบ๊ะจ่างเจ การแข่งเรือมังกรของเทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่างนั้น ตระกูลเฉิงก็ไม่เข้าร่วมแล้ว…ไม่รู้ว่าเงินรางวัลของเทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่างในปีนี้จะถูกตัดไปด้วยหรือไม่ ข้ายังกะเอาไว้ว่าจะรอเงินรางวัลมาซื้อที่ปักผมดอกไม้กำมะหยี่อู่ตู๋ให้ตัวเองและน้องสาวคนละสองดอก เกรงว่าคงจะไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ!”

ในทุกปีบ้านสวนของตระกูลเฉิงหลายๆ ที่ต่างล้วนคัดเลือกคนหนุ่มไปเข้าร่วมการแข่งเรือมังกรที่ทางการของจินหลิงจัดขึ้น ทุกครั้งเมืองถึงเวลานั้น บ่าวหญิงส่วนใหญ่ของตระกูลเฉิงก็จะหยุดงาน และสามารถไปดูการแข่งขันเรือมังกรได้

กิจกรรมเฉลิมฉลองที่สนุกสนานเหล่านี้ล้วนถูกยกเลิกแล้วทั้งหมด เนื่องจากคนในจวนทั้งหมดต่างกำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ให้เฉิงซวิ่น…แต่ในจวนก็ยังมีผู้อาวุโสที่มีอายุยืนยาวอยู่ การทำเช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ

โจวเสาจิ่นนำเรื่องนี้ไปเล่าให้ฮูหยินผู้เฒ่ากวนฟัง

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน