เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 56

ยามดอกวสันต์ผลิบาน – ตอนที่ 56 เทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่าง

แน่นอนว่าคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่ากวนค่อนข้างจะเกินจริงเล็กน้อย แต่เรื่องที่ว่าที่ผ่านมาฮูหยินใหญ่เวิ่นจวนห้าไม่ค่อยจะรับแขกเท่าไหร่นั้นกลับเป็นเรื่องจริง

ทุกคนได้ยินแล้วต่างก็หัวเราะกันดังลั่น

ต่อมาฮูหยินผู้เฒ่ากวนจึงสั่งให้นำอาหารเที่ยงขึ้นโต๊ะ “…พวกเราก็ไม่รอแล้ว ตอนเย็นค่อยมารวมตัวกันดีๆ อีกครั้งก็แล้วกัน”

เฉิงเหมี่ยนถูกจวนรองเชิญตัวไปตั้งแต่ตอนเช้า เมื่อครู่เพิ่งมาแจ้งว่าท่านผู้นำตระกูลจวนรองรั้งให้อยู่ทานข้าวด้วย ให้พวกนางไม่ต้องรอ

โจวเสาจิ่นกับโจวชูจิ่นที่กำลังช่วยพวกสาวใช้นำอาหารขึ้นโต๊ะอยู่นั้น ถูกฮูหยินใหญ่เหมี่ยนจับเอาไว้และกดให้นั่งลงบนเก้าอี้ “ไม่มีคนนอกที่ไหน ไม่ต้องมากพิธีเช่นนี้”

สองพี่น้องรู้ดีว่าท่านยายกับท่านป้าใหญ่ไม่ใช่คนที่เรื่องเยอะอะไร จึงกล่าวขอบคุณยิ้มๆ และนั่งลงทานมื้อเที่ยงพร้อมกัน

ตอนนี้อากาศร้อนแล้ว หลังจากที่ดื่มชาเสร็จทุกคนต่างก็ง่วงเหงาหาวนอนกันเล็กน้อย สนทนากันเพียงไม่กี่ประโยค ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน

เมื่อโจวเสาจิ่นตื่นขึ้นมา ดวงอาทิตย์ก็ค่อนข้างจะคล้อยต่ำไปทางทิศตะวันตกแล้ว

นางคิดไม่ถึงว่าตนเองจะนอนหลับลึกได้ขนาดนี้ รีบเอ่ยถามซือเซียงว่า “ฝั่งท่านยายทางโน้นเริ่มเตรียมมื้อค่ำกันแล้วหรือยัง”

“นานหลายวันมาแล้วนะเจ้าคะที่คุณหนูรองไม่ได้นอนหลับดีๆ เช่นนี้” ซือเซียงกล่าวยิ้มๆ “บ่าวกลัวว่าจะทำให้ท่านตกใจตื่น ทั้งยังกลัวว่าจะไม่ทันมื้อค่ำ ฉะนั้นจึงคอยมองที่เรือนเจียซู่อยู่ตลอด คุณชายทั้งสองต่างก็ยังไม่กลับมา เกรงว่ามื้อค่ำคงยังจะต้องรออีกสักพักเจ้าค่ะ”

โจวเสาจิ่นถามถึงพี่สาว “…ตื่นหรือยัง”

“ตื่นแล้วเจ้าค่ะ!” ซือเซียงช่วยดูแลขณะที่นางดื่มน้ำชา จากนั้นกล่าวขึ้นว่า “เห็นท่านยังไม่ตื่น ก็เลยไปหาฮูหยินใหญ่ บอกว่าจะไปเล่นไพ่นกกระจอกเป็นเพื่อนฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ”

โจวเสาจิ่นพยักหน้า ครุ่นคิดอยู่ว่า หากเฉิงเก้ากับเฉิงอี้กลับมาก็น่าจะไปคารวะท่านยายก่อน เช่นนั้นตนเองก็ควรจะไปหาท่านป้าใหญ่ด้วยเช่นกัน ตามไปอยู่กับพี่สาว อย่างไรก็ไม่น่าจะมีข้อผิดพลาด และสามารถหลีกเลี่ยงข้อกังขาได้ด้วย

ซือเซียงช่วยนางเปลี่ยนเป็นชุดเพ่ยจื่อสีเขียวอ่อนลายดอกฝูหรง เส้นผมดำสลวยถูกหวีขึ้นเป็นมวยคู่หนึ่ง ติดเอาไว้ด้วยกิ๊บติดผมเงินที่ประดับด้วยดอกไม้ทำจากไข่มุก จากนั้นหยิบพัดเซียงเฟยเส้นด้ายสีขาวขอบทองทรงกลมด้ามหนึ่งแล้วตรงไปที่เรือนหานชิว

ประตูทางเข้าของเรือนหานชิวเป็นสระดอกบัวหลวง ใบสีเขียวราวหยกซ้อนกันใบต่อใบ ดอกบัวตูมเรียวแหลม เป็นทัศนียภาพที่งดงามยิ่ง

โจวเสาจิ่นยืนชื่นชมความงามของดอกบัวอยู่ตรงนั้นอยู่พักใหญ่ กว่าจะเดินตามสาวใช้ไปที่ศาลาริมน้ำ

คนที่กำลังเล่นไพ่นกกระจอกกับฮูหยินใหญ่เหมี่ยนอยู่นั้น นอกจากโจวชูจิ่นแล้ว ยังมีคนข้างกายของฮูหยินใหญ่เหมี่ยนอย่างมามาแซ่เหอผู้เป็นมามาส่วนตัวหนึ่งคน และสาวใช้ส่วนตัวนามว่าเซียงเหลียนอีกหนึ่งคน สี่คนจั่วครบหนึ่งรอบพอดี ส่วนบรรดาสาวรับใช้ต่างก็กำลังนำน้ำชาและของว่างขึ้นโต๊ะ ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนจึงหันมากวักมือเรียกโจวเสาจิ่น กล่าวขึ้นว่า “มา มาช่วยข้าดูไพ่หน่อย แตงหวานของปีนี้หวานเป็นพิเศษ เจ้าทานให้มากหน่อย”

ทุกคนต่างรู้ว่านางยังเล่นไพ่ไม่เป็น อีกทั้งยังไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยๆ เหอมามาและคนอื่นๆ จึงไม่ต้องมีพิธีรีตรองกับนางมากนัก เซียงเหลียนไปสั่งการสาวรับใช้ให้นำแตงหวานมาขึ้นโต๊ะให้โจวเสาจิ่น ส่วนเหอมามาลุกขึ้นมากล่าวทักทายนาง “ชุดเพ่ยจื่อชุดนี้ของคุณหนูรองงดงามยิ่งนัก เป็นผ้าที่ท่านบุตรเขยให้คนนำมาส่งให้ใช่หรือไม่เจ้าคะ”

โจวเสาจิ่นจำไม่ค่อยได้แล้ว จึงตอบอืออออย่างคลุมเครือไปครั้งหนึ่ง

มีสาวรับใช้วิ่งเข้ามา กล่าวอย่างร้อนรนว่า “ฮูหยินใหญ่ คุณชายทั้งสองมาเจ้าค่ะ”

คนในห้องทั้งหมดต่างตกอยู่ในอาการงุนงง

ถ้าเฉิงเก้ากับเฉิงอี้ไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากวนมาแล้ว อากาศร้อนขนาดนี้ ฮูหยินผู้เฒ่ากวนจะต้องรั้งให้คนทั้งสองรออยู่ที่นั่นจนกว่าจะถึงมื้อค่ำเป็นแน่ แต่หากเป็นการตรงมาที่นี่เลย…เป็นการเสียมารยาทยิ่งนัก น้อยครั้งมากที่ทั้งสองคนจะกระทำเช่นนี้…ต้องมีเรื่องอะไรเป็นแน่

ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนรีบกล่าวขึ้นว่า “ยังไม่รีบเชิญคุณชายทั้งสองท่านเข้ามาอีก”

สาวรับใช้รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

โจวเสาจิ่นหลบเข้าไปอยู่ที่ด้านหลังของฉากกั้น

ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนและคนอื่นๆ ไหนเลยจะสังเกตเห็นพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ มีเพียงโจวชูจิ่น ที่ขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม ราวกับจมอยู่ในความคิด ขณะที่เฉิงเก้ากับเฉิงอี้สองพี่น้องเดินเข้ามาด้วยกัน

เฉิงเก้ายังดีกว่าหน่อย เสื้อผ้ายังเรียบร้อยดี มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่แดงจนเหมือนกับกวนอู ส่วนเฉิงอี้นั้นเห็นได้ชัดว่าดื่มเหล้าเข้าไปมากเกินไป แม้แต่จะเดินก็ยังต้องให้พี่ชายช่วยพยุงเอาไว้ แววตาเลื่อนลอย และไม่รู้ว่ากำลังพึมพำอะไรอยู่ในปาก โจวเสาจิ่นที่อยู่ด้านหลังของฉากกั้นยังได้กลิ่นเหล้าแรงสายหนึ่ง

ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนทั้งตกใจและร้อนรน พูดไม่หยุดว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงดื่มเหล้าเข้าไปมากขนาดนี้ อีกปะเดี๋ยวทุกคนก็จะทานมื้อค่ำด้วยกันทั้งครอบครัวแล้ว นี่หากว่านายท่านกับนายหญิงผู้เฒ่าเห็นเข้าจะทำอย่างไร” ขณะที่พูด ก็ตะโกนเรียกเซียงเหลียนเสียงดังว่า “รีบไปสั่งให้ที่ครัวต้มน้ำแกงช่วยให้สร่างเมามา”

เฉิงเก้ากล่าวขึ้นอย่างหัวเสียว่า “เจอเฉิงจวี่กับเฉิงลู่ที่จวนห้า พวกเขาก็อยู่ทานข้าวด้วย ท่านอาเวิ่นห้าคะยั้นคะยอให้ดื่มเหล้าอยู่ตลอด เฉิงนั่วเองก็อยู่ที่นั่นคอยส่งเสียงสนับสนุน พวกข้าจะไม่ดื่มก็ไม่ได้ ข้ายังช่วยน้องรองบอกปัดไปหลายจอก แต่ก็ปัดเอาไว้ไม่อยู่ หากไม่ใช่ว่าข้าบอกว่าตอนเย็นจะมีทานข้าวด้วยกันกับคนที่จวน เกรงว่าคงยังไม่สามารถหลบออกมาได้ ท่านแม่ น้ำแกงช่วยให้สร่างเมาอาจจะเอาไม่อยู่ ข้าจำได้ว่าท่านมียาช่วยให้สร่างมาอยู่ รีบให้น้องรองดื่มสักหน่อยเถอะขอรับ ดีร้ายอย่างไรก็สามารถทำให้เขามีสติขึ้นมาบ้าง”

การเฉลิมฉลองเทศกาลในวันนี้ ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนทั้งกลัวว่าบุตรชายจะเมามายจนทำให้สามีโกรธและกลัวว่าแม่สามีจะตำหนินางที่ไม่ควบคุมสองพี่น้องให้ดี เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงรีบให้เหอมามาไปหยินยาช่วยให้สร่างเมามาในทันที จากนั้นนางกับเฉิงเก้าช่วยกันประคองเฉิงอี้ไปพักบนเตียงของตน ป้อนยาช่วยให้สร่างเมาด้วยตัวเอง สั่งให้สาวรับใช้หยิบกระโถนเงินมาคอยรับใช้อยู่ข้างๆ

ไม่นานหลังจากนั้น เฉิงอี้ก็อาเจียนออกมา

บรรดาบ่าวรับใช้ก็นำน้ำเปล่ามาให้เขาบ้วนปาก ทั้งนำของเสียไปเททิ้ง ทั้งไปชงชา รีบจนหัวหมุน

ในที่สุดเฉิงอี้ก็อาเจียนออกมาจนเกือบจะหมด อาการเมามายของเฉิงอี้ก็ดีขึ้นมากกว่าครึ่งแล้ว ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนจึงเริ่มกล่าวขึ้นมาว่า “สภาวการณ์ของทางนั้นเป็นอย่างไรใช่ว่าพวกเจ้าจะไม่รู้ ท่านอาเวิ่นห้าของพวกเจ้านั้นขอเพียงให้มีเหล้า ไม่ว่าพบเห็นใครก็ล้วนต้องให้ดื่มสักสองสามจอก อีกทั้งยังเป็นคนที่ดื่มเหล้าแบบเอื่อยๆ ในหนึ่งมื้ออาหาร หากไม่ทานหนึ่งถึงสองชั่วยาม เขาก็จะไม่ปล่อยให้คนจากไป พวกเจ้าไหนเลยจะดื่มเป็นเพื่อนเขาได้อย่างไร พวกเจ้าเองก็ไม่รู้จักประเมินสถานการณ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ควรจะลอบหนีกลับออกมาก่อนถึงจะถูก ยังจะรั้งอยู่ที่นั่นเพื่อทานมื้อเที่ยงอีก ครั้งนี้คงได้รับบทเรียนแล้วกระมัง ข้าก็ยังว่าอยู่ ทำไมอยู่ๆ ฮูหยินใหญ่เวิ่นถึงได้รั้งพวกเจ้าอยู่ทานข้าวด้วย ที่แท้ก็เป็นเพราะท่านอาเวิ่นห้าของพวกเจ้าอยู่บ้านด้วยนี่เอง…”

วันนี้เป็นเทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่าง ทุกที่ต่างก็ประดับตกแต่งเอาไว้ด้วยโคมไฟ ด้วยนิสัยของเฉิงเวิ่น แต่กลับไม่ได้ไปร่ำสุราเคล้านารีอยู่ข้างนอกอย่างไม่น่าเชื่อ จึงไม่แปลกที่ฮูหยินใหญ่เวิ่นจะรู้สึกประหลาดใจ

ทว่าโจวเสาจิ่นกลับรู้เรื่องนี้ดี

ตอนที่ 56 เทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่าง 1

ตอนที่ 56 เทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่าง 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน