ได้ยินถ้อยคําของเฉิงฉือแล้ว ทุกคนต่างไม่พูดอะไรไปเนิ่นนาน
ต่อให้เป็นตระกูลใหญ่ครอบครัวคนธรรมดา บุตรชายเสียชีวิตสี่คนในระยะเวลาสั้นๆ ก็ ย่อมสูญเสียกําลังวังชาเช่นกัน
ระหว่างทางไปส่งเฉิงฉือที่ประตู โจวเสาจิ่นจึงกระซิบที่ข้างหูเขาอย่างอดไม่อยู่ว่า “หรือว่า เป็นฝีมือขององค์ชายสี่จริงๆ เจ้าคะ”
“ตอนนี้ไม่ทราบแน่ชัด” เฉิงฉือพึมพํากล่าว “อย่างน้อยธูปปลุกกําหนัดนั่นก็เป็นหลักฐาน ว่าคนขององค์ชายห้าฉวยโอกาสตอนวุ่นวายจุดขึ้นมา…ตามความเห็นของข้าแล้ว เป็นไปได้ว่าทุก คนล้วนจับตาดูองค์รัชทายาทอยู่กระมัง! พอเกิดเรื่องกับองค์รัชทายาท ก็ทยอยกันโยนหินลงบ่อ นํ้า จนสุดท้ายกลายเป็นโศกนาฏกรรมเช่นนี้”
โจวเสาจิ่นทอดถอนใจครั้งหนึ่ง
วันต่อมา ไม่เพียงประกาศพระราชโองการที่อาเป่ าได้รับการแต่งตั้งลงมาเท่านั้น องค์ ฮ่องเต้ยังทรงแต่งตั้งพระราชนัดดาองค์โตหวงไท่ซุนเป็นรัชทายาทอีกด้วย
นี่ก็เหมือนกับชาติก่อนโดยบังเอิญ
ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้างนั้น ทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุมไปแล้ว นางเองก็ไม่รู้แล้วจริงๆ
กระทั่งเซี่ยซื่อแต่งเข้าบ้านมาอย่างเป็นทางการ แขวนผ้าแดงมงคลคู่หน้าเรือนบ่าวสาว และกลับบ้านเดิมหลังแต่งงานสามวันเรียบร้อยแล้ว อาการป่ วยของเฉิงเซ่าก็หายอย่างสมบูรณ์ เลือกวันหยุดวันหนึ่ง โจวเสาจิ่นจัดงานเลี้ยงต้อนรับเซี่ยซื่อที่บ้าน
เฉิงเซ่าและคนอื่นๆ ล้วนมาร่วมงาน
5107
ฉางกูกูปรนนิบัติอยู่ข้างๆ
จัดโต๊ะบุรุษที่โถงรับรองหนึ่งโต๊ะ โต๊ะสตรีที่เรือนปีกหนึ่งโต๊ะ บุตรเขยสองสามท่านของ ตระกูลเฉิงก็อยู่ด้วย บรรยากาศดียิ่ง
รับประทานอาหารเสร็จ เก็บอาหารนํานํ้าชามาขึ้นโต๊ะแทน พวกบุรุษพูดคุยเรื่องเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยในราชสํานัก บรรดาสตรีพูดคุยเรื่องภายในบ้าน พวกเด็กๆ วิ่งเล่นหัวเราะไปทั่วลานบ้าน อวิ้นเกอเอ๋อร์ปรบมืออยู่ในอ้อมแขนของแม่นม ภายในเรือนอึกทึกครึกโครม ทําให้ยิ่งครึกครื้นมาก ขึ้น
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมของเด็กๆ ด้านนอกแล้ว ยิ้มตาหยีพลางกล่าว ขึ้นว่า “วันที่แปดเดือนสี่ พวกเราไปจุดธูปที่วัดเจ้อถานด้วยกันเถิด”
วัดเจ้อถานอยู่นอกเมือง ไปและกลับต้องใช้เวลาหนึ่งวัน หากไปจุดธูปที่นั่น ต้องค้างคืน สักคืนหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวเช่นนี้ คงมีเจตนาอื่นซ่อนเร้นอยู่
นานๆ ทีทุกคนถึงจะมีโอกาสออกไปเที่ยวเล่นเช่นนี้ พากันตอบรับ อีกทั้งยังให้คนไปบอก ฉางกูกูที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายเฉิงเซ่าที่โถงรับรองด้วย
ฉางกูกูประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นตอบตกลงยิ้มๆ
บุรุษของตระกูลเฉิงที่โถงรับรองจึงรับรู้ด้วยกันทั้งหมดแล้วเช่นกัน
เฉิงจิงกล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเราก็ติดตามไปด้วยดีหรือไม่ จะได้ไปจุดธูปให้ท่านอารองด้วย พอดี”
5108
เรื่ององค์ชายห้าสําหรับผู้อื่นอาจเป็นความลับ แต่สําหรับขุนนางใหญ่ในสํานักราช เลขาธิการอย่างเฉิงจิงย่อมไม่เป็นเช่นนั้น
เฉิงจิงรู้สึกว่าเฉิงเซ่าล้มป่ วยได้ถูกจังหวะจริงๆ ส่วนอาการป่ วยนี้…องค์ฮ่องเต้ยังทรง ยอมรับแล้ว แน่นอนว่าเขาก็ไม่ควรจะสงสัย
แต่เฉิงฉือใช้โอกาสนี้สร้างความประทับใจให้องค์ฮ่องเต้ให้ตรงตรึงมากขึ้น พระองค์ไม่ เพียงรู้สึกว่าเขามีคุณธรรมเที่ยงธรรม ยังเป็นผู้คงแก่เรียน รอบรู้ศาสตร์ทั้งหก เคยตรัสกับเขาเป็น การส่วนพระองค์ว่า หากเจ้าตั้งอกตั้งใจสักหน่อย เพียงอ่านสี่ตําราห้าคัมภีร์นั่น เกรงว่าคงมิใช่แค่ สอบได้จิ้นซื่อแล้ว ยังตรัสกับเฉิงเซ่าอีกด้วยว่า ควรจะให้เฉิงฉือไปเป็นอาจารย์ที่สํานักฮั่นหลิน ให้ สอนหนังสือบรรดาองค์ชาย
เวลานั้นเฉิงเซ่ายังขอบพระทัยในพระเมตตาแทนเฉิงฉือ กล่าวว่าหากไปเป็นอาจารย์ที่ สํานักฮั่นหลินได้นั่นช่างดียิ่งแล้ว
น่าเสียดายหลังจากที่องค์ฮ่องเต้ทรงตรัสถึงเรื่องนี้แล้วก็มิได้มีพระราชโองการลงมา ได้ ยินว่าวันที่สองเห็นองค์ชายสาม องค์ชายสี่และอีกหลายพระองค์ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ทรงระลึกถึง องค์รัชทายาทที่สิ้นพระชนม์ไปขึ้นมา ถอนพระปัสสาสะลึกครั้งหนึ่ง มีพระราชโองการให้ราชครู และราชครูเล็กของสํานักราชครูรวมถึงขุนนางในวังบูรพาที่คอยรับใช้อยู่ข้างวรกายมาโดยตลอด แต่มิได้รับความสนใจนั้นออกไปรับราชการต่างเมือง
กู้ซวี่เองก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วย
เขาได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองไท่หยวน
เฉิงเจิงอยากติดตามกู้ซวี่ไปรับราชการด้วย ผู้อาวุโสของตระกูลกู้สนับสนุนเห็นด้วยเป็น อย่างยิ่ง ทว่ากู้ซวี่กลัวว่าเฉิงเจิงจะไม่คุ้นชินกับอากาศของไท่หยวน จึงไม่ยอมตกลง แต่เฉิงเจิง
5109
ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว และยังตัดสินใจจะพากู้หนิงและกู้จงไปไท่หยวนด้วย ด้วยเรื่องนี้ หลายวัน ก่อนกู้ซวี่ยังเคยขอให้หยวนซื่อช่วยออกหน้าเกลี้ยกล่อมให้ด้วย
หลังจากที่หยวนซื่อเกลี้ยกล่อมไม่เป็นผล จึงมาขอร้องถึงฮูหยินผู้เฒ่ากัว
ผลปรากฏว่ากู้ซวี่ไม่อาจโน้มน้าวฮูหยินผู้เฒ่ากัวให้ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เฉิงเจิงและลูกๆ รั้ง อยู่ที่จิงเฉิงได้ ตรงกันข้ามฮูหยินผู้เฒ่ากัวเกลี้ยกล่อมเขาได้แทน ตอบตกลงจะพาเฉิงจิงและพวก ลูกๆ ติดตามเขาไปไท่หยวนด้วย
พวกเขาต้องไปถึงไท่หยวนก่อนวันที่สองเดือนสาม
นี่อาจเป็นอาหารมื้อสุดท้ายที่ตระกูลเฉิงในหลายๆ ปีนี้ของเฉิงเจิงและกู้ซวี่แล้ว
นึกถึงเรื่องพวกนี้แล้วเฉิงจิงรู้สึกทําใจไม่ค่อยได้เล็กน้อย
ลูกๆ อีกสองคนที่เหลือนั้น เฉิงเซียวแต่งงานไปที่ถงเซียง สองปีนี้ถึงได้มาอยู่จิงเฉิง ส่วน เฉิงสวี่โตอยู่ที่จินหลิง หลายปีก่อนเพื่อเข้าร่วมการสอบขุนนางถึงมาอยู่กับเขาที่จิงเฉิงได้ไม่กี่ปี เท่านั้น มีเพียงเฉิงเจิง นับตั้งแต่ออกเรือนเป็นต้นมาก็อยู่จิงเฉิงตลอด เป็นคนที่ได้ใช้เวลาไปมาหา สู่กับเขายาวนานที่สุด แล้วก็ใกล้ชิดที่สุดด้วย
เฉิงจิงอดยํ้ากําชับกู้ซวี่ไม่ได้ว่า “ด้วยความสามารถของเจ้าถือว่าพอยิ่งกว่าพอสําหรับ ปกครองดูแลเมืองไท่หยวน หากเจ้ามีเวลา ก็อยู่เป็นเพื่อนพวกอาเจิงแม่ลูกให้มาก พวกเขาตาม เจ้าไปไท่หยวน ไม่รู้จักใครเลยสักคน คนที่พึ่งพาได้ก็มีแต่เจ้าเท่านั้น ไท่หยวนยังเป็นหนึ่งในเมือง สงคราม มีผู้กล้ามากมาย แน่นอนว่าการเรียนสําคัญสําหรับบุรุษ แต่ศาสตร์ทั้งหกก็ไม่อาจละเลย จะได้เชิญคนมาสอนวรยุทธ์ให้หนิงเกอเอ๋อร์และจงเกอเอ๋อร์บ้างและได้เสริมสร้างร่างกายให้ แข็งแกร่งด้วยพอดี ส่วนเรื่องเรียนหนังสือนั้น ช้าไปสักเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร…
5110

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน