เฉิงเซ่าถือความเรียงและบทกลอนที่เฉิงสวี่เขียนจากความทรงจําพลางพลิกดูด้วยสีหน้า สบายๆ ครั้งหนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “ไม่เลว! หากไม่มีเรื่องผิดคาดอะไร น่าจะอยู่ในกลุ่มผู้สอบผ่านชั้น สอง2941”
เฉิงจิงฟังแล้วไม่เพียงมิได้รู้สึกโล่งใจ กลับยิ่งร้อนใจมากขึ้น กล่าวว่า “ท่านอารอง เรื่องผิด คาดที่ท่านว่าหมายถึงอะไรหรือขอรับ”
“นี่เจ้ากังวลใจจนเลอะเลือนไปแล้วหรือ!” เฉิงเซ่าได้ยินแล้วหัวเราะฮ่าไม่หยุด กล่าวว่า “ช่วงก่อนมิใช่ว่าเจ้ายังช่วยชี้แนะความเรียงให้ผู้อื่นอยู่หรอกหรือ เหตุใดพอถึงคราวของเจียซ่าน กลับเปลี่ยนเป็นกังวลถึงผลได้ผลเสียขึ้นมาเสียแล้ว ความเรียงของเจียซ่านนั้นไม่ว่าจะเป็นหัวข้อ ประโยคนําแก่นเรื่องล้วนเป็นไปตามหลักการ นอกจากนี้รูปแบบการเขียนก็ลื่นไหล อุปมาอุปไมย ได้อย่างเหมาะสม อาจไม่ติดหนึ่งในสามลําดับของผู้สอบผ่านชั้นแรก แต่สําหรับผู้สอบผ่านชั้น สองนั้นน่าจะไม่มีปัญหาอะไร” ขณะที่เขากล่าว สีหน้าเคร่งขึ้นมา กล่าวกับเฉิงสวี่ว่า “เจียซ่าน เดิมทีแล้วความเรียงของเจ้าเขียนได้ดีกว่านี้มาก เจ้า…กดดันมากเกินไปใช่หรือไม่”
คิดเพียงว่าอยากสอบจิ้นซื่อให้ผ่าน ดังนั้นทุกๆ บทตอนของความเรียงล้วนไม่มี ข้อผิดพลาดใหญ่อะไร แต่ก็หมายความได้ว่าดูกลางๆ ไม่มีอะไรพิเศษ
เฉิงสวี่หันไปมองเฉิงเซ่า สีหน้าเคร่งขรึม แววตาลึกลํ้า “ท่านปู่รอง” เขากล่าวเบาๆ “ข้าอยากได้รับการแต่งตั้งขอรับ”
1 ผู้สอบผ่านชั้นสอง (二甲) หมายถึงผู้สอบจิ้นซื่อได้คะแนนสอบลําดับที่ 4-150 ผลการสอบจิ้นซื่อแบ่งออกเป็นสามระดับชั้น ผู้สอบผ่านชั้นหนึ่ง คือผู้ที่สอบได้คะแนนลําดับที่ 1-3 เรียกว่า จ้วงหยวน (状元) ปั๋งเหยี่ยน (榜眼) และทั่นฮวา (探花) ตามลําดับ ส่วนผู้สอบผ่านชั้นสาม คือผู้ที่สอบได้คะแนนลําดับที่ 151 เป็นต้นไป
5126
ดังนั้นขอเพียงอยู่ในกลุ่มผู้สอบผ่านชั้นสองก็พอแล้ว
เฉิงเซ่าผิดหวังเล็กน้อย
ตามความเห็นของเขาแล้ว เฉิงสวี่เป็น “สามหยวน 2952” ได้ และจะกลายเป็นจ้วงหยวนที่ สอบผ่านเป็นสามหยวนคนแรกของตระกูลเฉิงได้ด้วยซํ้า
เขาวางความเรียงที่เฉิงสวี่เขียนจากความทรงจําลงด้านข้างเบาๆ
แววตาเฉิงสวี่หม่นหมองลง
เฉิงจิงกลับกระโดดตัวโหยงขึ้นมาอย่างร้อนใจ กล่าวว่า “นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร อะไรที่บอกว่า ข้าอยากได้รับการแต่งตั้ง? พวกข้าทําให้เจ้าอดอยากหรือขาดแคลนเครื่องนุ่งห่ม อย่างนั้นหรือ หากสอบรอบนี้ไม่ผ่าน ก็ยังสอบรอบหน้าได้” เขาพลันนึกถึงท่าทีจะนั่งจะยืนก็ไม่ เป็นสุขของภรรยาเมื่อหลายวันก่อนขึ้นมา รีบกล่าวขึ้นว่า “เป็นเพราะมารดาของเจ้าพูดอะไรกับ เจ้าใช่หรือไม่ เหตุใดเจ้าถึงเลอะเลือนขึ้นมาได้ แน่นอนว่าการได้รับการแต่งตั้งเป็นเรื่องดี แต่จวี่เห รินที่สอบตกก็มีไม่น้อย ตอนแรกที่ข้าไม่ให้เจ้าเข้าร่วมการสอบขุนนางช่วงวสันตฤดูในทันทีก็ เพราะกลัวว่าเจ้ามีตําแหน่งเจี้ยหยวนคํ้าศีรษะแล้วจะกดดัน คิดไม่ถึงว่าเจ้ายังคงเลือกเส้นทาง สายกลางอยู่ดี…”
เขาปิดความผิดหวังไม่มิด
เฉิงสวี่ก้มหน้าไม่ได้กล่าวอะไร
2 สามหยวน (三元) กล่าวถึงผู้ที่สอบขุนนางได้ลําดับที่หนึ่งในสามระดับ โดยระดับภูมิภาคเรียกว่า เจี้ยหยวน (解元) ระดับประเทศเรียกว่า ฮุ่ยหยวน (会元) และระดับสํานักพระราชวังเรียกว่า จ้วงหยวน (状元)
5127
บางครั้งเขาครุ่นคิด รู้สึกว่าที่บิดาและมารดารักใคร่กลมเกลียวกันยิ่งนั้นก็มิใช่ว่าไม่มี สาเหตุเสียทีเดียว
พวกเขาล้วนอยากให้เขาสอบผ่านสามหยวนให้ได้
แต่การสอบผ่านสามหยวนนั้นมันสอบง่ายดายเพียงนั้นเชียวหรือ
ไม่ระวังเพียงหนึ่งครั้ง เขาอาจจะถูกกวาดไปอยู่ในกลุ่มผู้สอบผ่านชั้นสาม และกลายเป็น ถงจิ้นซื่อได้
นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่มีทางยอมรับได้
เขานึกถึงคําพูดของเฉิงฉือ
บางทีนี่ต่างหากเป็นสาเหตุที่สุดท้ายแล้วเขาเลือกว่าขอเพียงสอบผ่านอยู่ในกลุ่มผู้สอบ ผ่านชั้นสองได้รับการแต่งตั้งก็พอกระมัง?
เฉิงเซ่าได้ยินคําพูดของเฉิงจิงแล้วอดขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้ กล่าวขึ้นว่า “เจ้ากลายเป็นคน กระหายอยากได้ชื่อเสียงขนาดนี้ไปได้อย่างไร ใต้หล้านี้มีบัณฑิตมากมายเพียงใด หากเจียซ่าน สอบผ่านได้รับการแต่งตั้งก็นับว่าวาสนาดีมากแล้ว ในประวัติศาสตร์ไม่รู้ว่ามีผู้มีพรสวรรค์ มากมายเท่าไรที่สอบไม่ผ่านจิ้นซื่อเลยตลอดชีวิตของพวกเขา นอกจากนี้เจียซ่านก็โตเป็นผู้ใหญ่ มีความคิดและการวางแผนของตัวเองแล้ว ถ้าหากไม่อยากศึกษาค้นคว้าอยู่ที่สํานักฮั่นหลินไป ตลอดชีวิต การสอบผ่านได้รับการแต่งตั้งก็เพียงพอแล้ว ข้าว่าความเรียงของเจ้านี้ไม่น่ามีปัญหา อะไร เจ้าเตรียมตัวสอบบัณฑิตซู่จี๋ซื่อเถิด!”
เฉิงจิงอับอาย ยังอยากพูดอะไรอีก เฉิงเซ่ากล่าวขึ้นก่อนว่า “เจียซ่านเองก็เหนื่อยแล้ว เจ้า พาเจียซ่านกลับบ้านไปพักผ่อนดีๆ สักหน่อยเถิด เอกสารก็ถวายส่งขึ้นไปแล้ว พูดอะไรก็กลายเป็น ข้อเท็จจริงไปแล้ว จึงไม่ต้องถามอะไรให้มากความอีกแล้ว รอประกาศผลการสอบก็พอ หากสอบ
5128
ผ่าน ก็ดีใจอย่างสงบเสงี่ยม ถ้าไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร ครั้งหน้าค่อยสอบใหม่ เขายังหนุ่มแน่น ยังมี โอกาสอยู่อีก เป็นเจ้าต่างหาก ที่ต้องระงับอารมณ์รักษากิริยาให้ได้ถึงจะถูก ตระกูลเฉิงของพวก เราก็มิใช่ว่าเกิดมาจะสอบผ่านจิ้นซื่อได้โดยไม่ต้องลงแรงและเวลา เหมือนอย่างเจ้าสี่เองก็มิใช่ว่า ใช้เวลาไปหลายปีหรอกหรือ”
“ท่านอาสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว!” เฉิงจิงคํานับเฉิงเซ่า ดวงหน้าแดงกํ่า
เฉิงสวี่ได้ยินแล้วมองเฉิงเซ่ามุมปากเผยอออก แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร คํานับคารวะเฉิง เซ่าแล้วถอยออกไป
เฉิงเซ่าส่ายศีรษะไม่หยุด
ฉางกูกูยกนํ้าชาเข้ามา พบว่าเฉิงจิงและเฉิงสวี่จากไปแล้ว อดประหลาดใจไม่ได้
เฉิงเซ่าไม่ถูกใจนัก กล่าวขึ้นว่า “อย่าสนใจพวกเขาเลย คล้ายกับเด็กผู้หนึ่งก็ไม่ปาน ฟัง ลมเป็นฝน นิ่งสงบสู้เจ้าสี่ไม่ได้”
ฉางกูกูได้ยินแล้วเม้มปากกลั้นยิ้ม หน้าตาเหมาะสม กิริยาสบายๆ รินชาให้เฉิงเซ่าอย่าง เบามือเบาเท้า
เฉิงเซ่ารับจอกชาไปทว่าดูลังเลขึ้นมา
ฉางกูกูมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ยืนรอเขาพูดอย่างสงบ
สีหน้าของเฉิงเซ่าพลันเปลี่ยนเป็นไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมาเล็กน้อย กว่าครู่ใหญ่ถึงได้กล่าว เสียงเบาว่า “ก็ไม่อาจให้เจ้าติดตามข้าไปเฉยๆ เช่นนี้ ข้าคิดดีแล้ว หากเจ้าไม่รังเกียจข้า พรุ่งนี้ข้า จะไปหาพี่สะใภ้ใหญ่ของข้า ให้นางเป็นเถ้าแก่ให้พวกเรา…แต่งเจ้าเข้ามา”
มิใช่รับนางเข้ามา แต่เป็นแต่งนางเข้ามา…
5129
กระบอกตาของฉางกูกูทั้งแสบและร้อนขึ้นมาอย่างกะทันหัน สายตาพร่ามัวไปหมด นางพึมพํากล่าว “ข้า บ้านข้าเป็นเพียงตระกูลพ่อค้า…ก็มิได้มีใครมากมาย…” เฉิงเซ่ากล่าว “ข้าเองก็ตัวคนเดียว…เจ้าไม่รังเกียจที่ข้าตัวคนเดียวก็พอ…” “ไม่เจ้าค่ะๆ” นํ้าตาของฉางกูกูไหลลงมาเป็นสาย “ท่านเป็นถึงปั๋งเหยี่ยนของปีนั้น…” เฉิงเซ่าหัวเราะ พลางกล่าว “ตอนนี้ก็แค่คนแก่ผุพังผู้หนึ่งเท่านั้น!” “มิได้เจ้าค่ะๆ” ฉางกูกูพูดอะไรไม่ออกแล้ว เฉิงเซ่าปรึกษานาง “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปประตูเฉาหยางสักครั้งหนึ่ง?”
“เจ้าค่ะ!” ฉางกูกูกล่าวเสียงเบา มือปิดปากไว้กลัวตัวเองส่งเสียงร้องไห้ออกมา หมุนกาย รีบสาวเท้าออกจากห้องชั้นในของเรือนหลักไป เมื่อกลับถึงเรือนปีกตะวันออกที่นางพักอยู่ในระยะ นี้ หยิบกล่องสีดําไม่สะดุดตากล่องหนึ่งออกมาจากชั้นบนสุดของชั้นหนังสือ ด้านในวางตั๋วเงิน และก้อนเงินไว้จํานวนหนึ่ง


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน