เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ต้องบอกฮูหยินผู้เฒ่ากัวสักหน่อย
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถามเฉิงฉือว่า “เจ้าคิดว่าซื้อบ้านสวนเวลานี้ดีแล้ว หรือ อยากจะรออีกสักสองสามปีก่อนหรือไม่”
ในตอนแรกที่แยกบ้านกัน เฉิงฉือได้รับส่วนแบ่งเป็นเรือนที่ประตูเฉาหยางหลังนี้เท่านั้น
เฉิงฉือเข้าใจความคิดของฮูหยินผู้เฒ่ากัว ตอบยิ้มๆ ว่า “ข้าอยากจัดระเบียบข้าวของพวก อักษรภาพและวัตถุโบราณในบ้านสักครั้ง อย่างแรกเมื่ออวิ้นเกอเอ๋อร์โตขึ้นแล้ว อยากให้ดูสิ่งของ ของคนรุ่นก่อนให้มากเปิดหูเปิดตาให้กว้าง อย่างที่สองของสะสมทั่วไปบางอย่างสามารถแบ่ง ขายออกไปได้ส่วนหนึ่ง หรือใช้เป็นของขวัญระหว่างญาติสนิทมิตรสหายได้… การซื้อบ้านสวน หลังหนึ่งเอาไว้ก่อนก็เป็นที่ยอมรับได้ขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วพยักหน้าช้าๆ คลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ก็ ทําตามอย่างที่เจ้าว่าแล้วกัน”
เฉิงฉือขานรับยิ้มๆ แล้วนัดหมายกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวในอีกสองวันจะเริ่มทําความสะอาด ห้องเก็บสมบัติในบ้าน
แน่นอนว่าโจวเสาจิ่นรู้ว่าในบ้านไม่ขาดเงิน แต่การขายของเก่าแก่นั้น… นางมักจะคิดว่า การขายสมบัติครอบครัวไม่ค่อยดีเท่าใดนัก แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวตกลงแล้ว นางก็มิอาจพูดอะไรต่อ หน้าฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ ทว่าขณะที่เดินยังไม่ถึงทางกลับ นางก็พูดเรื่องนี้กับเฉิงฉืออย่างอดไม่ได้ ขึ้นว่า “ห้องเก็บสมบัติล้วนเป็นความอุตสาหะของคนหลายรุ่น หรือไม่ก็ขายบ้านสวนใต้นามของ ข้าสักสองสามแห่ง เจ็ดถึงแปดส่วนก็รวบรวมเงินได้มากกว่าหมื่นเหลี่ยง ถึงตอนนั้นพวกเราค่อย เปลี่ยนเป็นบ้านสวนที่ใหญ่ขึ้นสักหน่อยหลังหนึ่ง” แต่ก็คิดว่าเฉิงฉือหาได้เป็นคนที่จะแตะต้องสิน
5395
เดิมของภรรยาประเภทนั้น จึงรีบกล่าวว่า “แล้วบันทึกไว้ใต้นามของข้า อย่างไรเสียต่อไปก็ต้อง มอบให้อวิ้นเกอเอ๋อร์อยู่แล้วเจ้าค่ะ”
เฉิงฉืออธิบายให้นางฟังอย่างใจเย็นว่า “มีสิ่งของมากมายเป็นเพราะข้าชื่นชอบจึงเก็บ สะสมไว้ อีกทั้งของบางชิ้นเป็นเพราะคนอื่นต่างเห็นว่าดีจึงเก็บไว้ ข้าวของที่พวกเราชอบจะต้อง เก็บเอาไว้อย่างแน่นอน แต่ของที่คนอื่นเห็นว่าดี หากพวกเราเก็บพวกมันไว้ในห้องเก็บของ ตลอดไป มันก็จะเป็นเพียงภาพรูปหนึ่งตลอดกาล มีเพียงการหยิบมันออกมาซื้อขายเท่านั้น สิ่งของเหล่านี้จึงจะมีค่า หาไม่แล้วเหตุใดวัตถุโบราณจึงมีราคาในยุครุ่งเรือง แต่ทองคํากลับมีค่า ในกลียุคกันเล่า สิ่งของเหล่านี้เพียงต้องหยิบออกมาซื้อขายเท่านั้นจึงจะมีค่า”
โจวเสาจิ่นเข้าใจรางๆ
เฉิงฉือให้นางไปเก็บกวาดห้องเก็บสมบัติพร้อมกับตน
โจวเสาจิ่นไปด้วยความสนอกสนใจยิ่ง แต่ถูกฮูหยินผู้เฒ่ากัวไล่ออกมา “ภาพวาดและ อักษรภาพในห้องเก็บของเหล่านี้ล้วนโรยด้วยผงกันแมลงทั้งสิ้น เสาจิ่นเป็นสตรีมีครรภ์ มาอยู่ตรง นี้ได้อย่างไร” แล้วสั่งปี้อวี้ให้พานางออกไปเดินเล่นในสวนดอกไม้ว่า “ช่วงนี้ดอกจื่อเถิง ดอก กุหลาบ ดอกอิงฮวาและดอกทับทิมล้วนผลิบานแล้ว เจ้าไปชมดอกไม้เป็นเพื่อนฮูหยินไป”
ปี้อวี้รีบไปประคองโจวเสาจิ่น โจวเสาจิ่นไม่มีทางเลือก ได้แต่ไปชมมวลบุปผาในสวนดอกไม้ เฉิงฉือส่งนางออกไปพลางกระซิบว่า “ถ้าข้าเห็นของที่ดูดีก็จะเก็บไว้ให้เจ้าแล้วกัน” โจวเสาจิ่นพยักหน้าแล้วเม้มปากกลั้นยิ้ม ไม่กี่วันต่อมา ในจิงเฉิงก็มีข่าวลือแพร่ออกมาว่าเฉิงฉือจํานําของสะสมของบรรพชนเพื่อ หาเลี้ยงชีพ
5396
พอได้ยินคําบอกเล่าของฝานหลิวซื่อแล้ว โจวเสาจิ่นก็ตกตะลึงตาค้าง ผ่านไปครู่ใหญ่จึง จะมีปฏิกิริยาตอบกลับมา กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “นี่เป็นคําพูดเหลวไหลของผู้ใด ไม่ว่าพวกข้าจะ ตกตํ่าเยี่ยงไร ก็ไม่ถึงขั้นจํานําของสะสมของบรรพบุรุษเลี้ยงชีพกระมัง” แล้วเอ่ยถามอีกว่า “นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีข่าวลือเรื่องใดอีก”
ฝานหลิวซื่อเป็นกังวลยิ่งกว่าโจวเสาจิ่น ตอบว่า “ไม่ได้ยินข่าวลือเรื่องอื่นเจ้าค่ะ อย่างไรก็ ตามการมีข่าวลือเช่นนี้แพร่ออกไปไม่ค่อยดีต่อนายท่านสี่สักเท่าใด… ฮูหยินควรหาทางแก้ข่าวสัก หน่อยถึงจะดีนะเจ้าคะ”
แต่เรื่องเช่นนี้จะอธิบายได้อย่างไรกันนะ
มิอาจไปพบเจอผู้คนแล้วอธิบายได้หรอกกระมัง
โจวเสาจิ่นนึกถึงชาติก่อนตอนที่ตนตามเลี่ยวเส้าถังเข้าวังไปถวายพระพรฮองเฮาและไท เฮา ทุกคนต่างพูดคุยเรื่องสัพเพเหระในบ้าน ข่าวซุบซิบนินทามากมายนางก็ได้ยินมาโดยเช่นนี้
หากมีสถานการณ์อย่างนี้สักสถานการณ์หนึ่งก็คงดี!
แต่ถ้าหากนางอยากจะแก้ข่าวลือให้เฉิงฉือผ่านสถานการณ์เช่นนี้ ก็ต้องไปเข้าร่วมในแวด วงเหล่านี้ให้ได้ก่อน
ขณะที่โจวเสาจิ่นครุ่นคิดอยู่ก็อดกําหมัดไม่ได้
แต่ก่อนนางขลาดกลัวเกินไป เวลายืนท่ามกลางผู้คนมักจะรู้สึกกระวนกระวาย ตอนนี้ นางเป็นฮูหยินที่ถูกต้องตามขนบของเฉิงฉือ ทั้งมีเฉิงฉือหนุนหลังให้นาง นางมีอะไรให้ต้อง หวาดหวั่นด้วยเล่า
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว นางจึงเขียนเทียบเชิญเทียบหนึ่งให้ฮูหยินเผิงเฉิง นัดนางไปชมการ แข่งขันเรือมังกรในวันที่สิบห้าเดือนห้าด้วยกัน
5397
แม้ว่าวันที่สิบห้าเดือนห้ายังอีกยาวไกล แต่เมื่อฮูหยินเผิงเฉิงได้รับเทียบเชิญกลับดีใจเป็น อย่างมาก
ยามนี้เฉิงฉือยิ่งอยู่ยิ่งได้รับความสนพระทัยของหวงไท่ซุน เรื่องต่างๆ มากมายหวงไท่ซุน ล้วนจะเสด็จหาเขาเพื่อตรัสถาม แม้เขาไม่ถึงขั้นช่วยทูลอะไรต่อหน้าพระพักตร์หวงไท่ซุนให้ แต่ หากผูกมิตรกับเฉิงฉือได้ก็นับเป็นการเพิ่มดอกไม้บนผ้าดิ้นทองเรื่องหนึ่ง
ฮูหยินเผิงเฉิงตอบรับอย่างยินดียิ่ง
เพียงแต่โจวเสาจิ่นคาดไม่ถึงว่าข่าวลือนี้จะแพร่สะพัดเร็วขนาดนี้ แม้แต่ชิวซื่อเองก็ตกใจ
นางมาคารวะยามเช้าฮูหยินผู้เฒ่ากัว
หลังจากทําความเคารพเสร็จแล้วก็แอบไปลานบ้านของโจวเสาจิ่น ดึงโจวเสาจิ่นไปใต้ ค้างองุ่นในลานพลางกล่าวว่า “ในตอนแรกที่แยกบ้านกัน เห็นว่าสามพี่น้องได้รับส่วนแบ่งพอๆ กัน แต่เงินของน้องเล็กล้วนสูญเสียไปกับบ้านหลังนี้หมด ไม่เหลือเงินสดมากนัก ข้าวของสมัยนี้นับวัน ก็ยิ่งขายแพง หากต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเรือนที่ใหญ่ขนาดนี้หลังหนึ่งก็ไม่ง่ายดายนัก แม้พวก ข้าก็มิได้ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมาก แต่รายจ่ายของพวกข้าน้อยและทุกปีก็มีเงินเหลือ หากเจ้า ไม่รังเกียจ ข้ายังมีเงินเก็บหนึ่งหมื่นกว่าเหลี่ยง พวกเจ้านําไปซื้อบ้านสวนเล็กๆ หลังหนึ่งก่อน ทุกปี ก็จะมีรายได้ที่แน่นอนทางหนึ่ง”
โจวเสาจิ่นซาบซึ้งใจเหลือคณา กล่าวไม่หยุดว่า “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
ทว่าชิวซื่อกลับเอ่ยว่า “เจ้าไม่ต้องเกรงใจพวกข้า พี่รองเจ้าก็บอกเช่นกันว่า ท่านแม่อาศัย อยู่กับพวกเจ้า พวกเจ้าปรนนิบัติรับใช้ผู้อาวุโสก็ลําบาก หากมีเรื่องอะไรที่พวกข้าช่วยได้ก็ต้องเอ่ย ปากบอก”
5398
“ไม่เป็นไรจริงๆ เจ้าค่ะ” คนทั้งครอบครัวรักใคร่กลมเกลียวกัน โจวเสาจิ่นชื่นชอบ บรรยากาศแบบนี้ยิ่ง นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “หากทุกข์ยากลําบากจริงๆ ซื่อหลางก็คงบอกพี่รองนาน แล้วเจ้าค่ะ สาเหตุที่ขายอักษรภาพเหล่านั้น เป็นเพราะในบ้านมีมากเกินไป อีกทั้งซื่อหลางก็ไม่ได้ ชื่นชอบสักเท่าใด บอกว่าอยาก ‘มอบกระบี่แก่วีรชน’ อะไรทํานองนั้น ทําให้พวกมันเป็นของมีค่า
ทันใดนั้นชิวซื่อก็หลุดหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวว่า “กลับเป็นข้าที่เข้าใจผิดเสียแล้ว ได้ ยินเสียงลมเป็นเสียงฝน คิดว่าพวกเจ้าต้องอาศัยการจํานําสมบัติประทังชีวิตจริงๆ!”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน