โจวเสาจิ่นอดไว้อาลัยให้เฉิงเจิ้งในใจอย่างเงียบๆ หลายลมหายใจ ช่วงนี้เฉิงฉืองานยุ่งมาก
ตั้งแต่หวงไท่ซุนทรงถามเขาเกี่ยวกับเรื่องขององค์ชายสี่ นอกเหนือจากบทเรียนแล้วก็ มักจะทรงรั้งเขาสนทนา บางครั้งก็ตรัสถามว่าเมืองหูโจวอยู่ที่ใด ไกลจากเจียซิ่งเท่าใด บางทีก็ทรง ถามว่าซีอันมีประชากรเท่าใด ทุกปีมีผลผลิตธัญญาพืชเท่าใด ธัญพืชที่หูก่วงหรือที่ซีอันมากกว่า กัน บางครั้งก็ทรงถามว่าหยวนเหวยชางสอบได้เป็นจิ้นซื่อในปีใด ในบ้านมีผู้ใดบ้าง ตระกูลหยวน นอกจากจะเกี่ยวดองกับตระกูลหลี่และตระกูลหวงแล้ว ยังเกี่ยวดองกับตระกูลที่ทรงอํานาจใดอีก
มีครั้งหนึ่งถึงกับตรัสถามเขาอย่างเย้าหยอกว่า ได้ยินว่าผู้ที่เจ้าแต่งงานด้วยเป็น หลานสาวของเจ้า ก่อนแต่งงานเจ้าไม่เคยเห็นหลานสาวของตนมาก่อนจริงๆ หรือ
ตอนนั้นเขาตอบอย่างสุขุมเยือกเย็นยิ่งว่า แน่นอนว่ากระหม่อมเคยเห็นมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นตอนที่มารดาพูดถึงเรื่องแต่งงานนี้กระหม่อมจึงตอบรับทันที
หวงไท่ซุนสดับฟังแล้วทรงสนพระทัยยิ่งนัก อยากจะตรัสอะไรต่อ ทว่าขันทีใหญ่ที่ ปรนนิบัติข้างพระวรกายพระองค์กระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง หวงไท่ซุนจึงทรงหยุดตรัสถึงหัวข้อนี้อย่าง กระดากอายเล็กน้อย
ความจริงเขามิได้สนใจที่คนอื่นซักถามเขาเช่นนี้เลย ผู้ใดบ้างไม่ถูกคนอื่นวิจารณ์ลับหลัง ในปีนั้นเขากล้าแยกตระกูลก็ครุ่นคิดมาแล้วว่าจะถูกคนวิพากษ์ไปต่างๆ นานา
5386
นอกจากนี้หวงไท่ซุนยังมีพระชนมายุเพียงสิบเอ็ดพรรษา การที่ทรงสนพระทัยใคร่รู้เรื่อง เหล่านี้ก็เป็นเรื่องปรกติ
สิ่งที่เขาทําได้ก็คืออย่าให้แม่นางน้อยของเขาแบกรับคําครหาใดๆ
แต่ก็บางทีอาจจะเป็นท่าทีของเขาที่สงบนิ่งเกินไป หวงไท่ซุนในทางกลับกันก็ยิ่งทรงโปรด ปรานเสด็จหาเขาเพื่อเสวนา บางครั้งแม้ไม่เกี่ยวข้องกับบทเรียนก็จะเสด็จหาเขาตรัสถามเรื่องนู้น เรื่องนี้ นี่ก็เป็นการยึดเวลาของเขาโดยไม่รู้ตัว ทําให้เขามักจะออกเช้ากลับคํ่าเป็นประจํา
วันนี้ในเมื่อสองสามีภรรยามีเวลาว่างสนทนากัน เขาไม่อยากให้เรื่องหยุมหยิมในบ้าน เหล่านี้มาเสียเวลาพวกเขา
“หลายวันก่อนเจ้าบอกว่าฝึกเรียนวาดภาพกับอวิ้นเกอเอ๋อร์ เรียนเป็นอย่างไรบ้าง” เขานั่ง บนเตียงเตา แล้วรินนํ้าชาจอกหนึ่งให้โจวเสาจิ่นพลางกล่าวว่า “ประเดี๋ยวข้าจะไปดูภาพวาดของ เจ้า”
โจวเสาจิ่นหน้าแดงเถือก พึมพําตอบว่า “ไม่ได้ ข้ายังฝึกวาดได้ไม่ดี ประเดี๋ยวข้าฝึกจนเก่ง แล้วค่อยวาดให้ท่านดูนะเจ้าคะ”
อวิ้นเกอเอ๋อร์อายุยังไม่ถึงสองขวบ อีกทั้งนางยังมีพื้นฐานวาดแบบลายดอกไม้อยู่ ฮูหยิน ผู้เฒ่ากัวจึงถือโอกาสบอกให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ฝึกเรียนวาดภาพ ยามที่นางว่างก็จะอยู่ข้างๆ เรียนวาด รูปไปด้วย ว่ากันตามหลักแล้ว อย่างไรนางก็ควรวาดได้ดีกว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์มิใช่หรือ ใครจะรู้ว่าอ วิ้นเกอเอ๋อร์หยิบพู่กันตวัดเล็กน้อย จากนั้นก็วาดเพิ่มอีกสองสามเส้นก็เป็นลูกไก่ตัวหนึ่งแล้ว ทุก คนต่างชมว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์วาดลูกไก่ได้น่าสนใจกว่านางมาก
ต่อหน้าคนนอกนางได้แต่เอ่ยชมยิ้มๆ ว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์เฉลียวฉลาด ทว่าต่อหน้าเฉิงฉือ นางอดรู้สึกหดหู่ไม่ได้เล็กน้อย กล่าวว่า “ท่านแม่บอกว่าข้ามิได้สังเกตลูกไก่ให้ดีว่ามีลักษณะเช่น
5387
ไร ดังนั้นจึงวาดได้ไม่น่าสนใจเท่าอวิ้นเกอเอ๋อร์… แต่อวิ้นเกอเอ๋อร์เคยเห็นว่าลูกไก่มีหน้าตาเช่นไร ด้วยหรือเจ้าคะ”
เรื่องนี้เฉิงฉือก็ได้ยิน ดังนั้นเขาจึงอยากเห็นภาพวาดของโจวเสาจิ่นว่ามีปัญหาตรงที่ใด กันแน่
พอได้ยินดังนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ กล่าวว่า “เกรงว่าคงจะเป็นลูกไก่ในสวน เหนียวอวี่หลินกระมัง”
โจวเสาจิ่นพลันเข้าใจในทันที
ปีที่แล้วเฉิงรั่งมอบไก่ฟ้าสีทองสองตัวให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ซึ่งเลี้ยงไว้ในเรือนของเขา ทุกวันอ วิ้นเกอเอ๋อร์จะวิ่งไล่ไก่ทั้งสองตัว เสวี่ยฉิวก็มาร่วมวงด้วย ช่วยไล่ไก่สองตัวนั้นให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ ตอนแรกไก่ทั้งสองตัวอยากจะหันมาจิกอวิ้นเกอเอ๋อร์ หลังจากเสวี่ยฉิวมาร่วมก็ทําให้หวาดกลัวจน ตัวสั่น กระโดดขึ้นต้นพุดตานไม่ยอมลงมาเลยทีเดียว
นางไม่มีทางเลือก ได้แต่เก็บกวาดมุมปลีกวิเวกมุมหนึ่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือของสวน ตั้งชื่อว่าสวนเหนียวอวี่หลินสําหรับเลี้ยงไก่สองตัวนี้ ต่อมาทุกวันอวิ้นเกอเอ๋อร์คิดแต่จะวิ่งตามจี๋อิ๋ง ไปทั่วทุกที่ ไม่ว่างไปก่อกวนไก่ฟ้าสีทองสองตัวนั้น โจวเสาจิ่นจึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
โจวเสาจิ่นเขินอายเล็กน้อย
ทว่าเฉิงฉือกลับสนใจยิ่ง เอ่ยขึ้นว่า “ไป พวกเราไปดูกันเถอะ”
โจวเสาจิ่นไปสวนเหนียวอวี่หลินเป็นเพื่อนเฉิงฉือ
เทียบกับตอนที่เพิ่งเริ่มเลี้ยงไก่ฟ้าสีทองเพียงสองตัว ตอนนี้สวนเหนียวอวี่หลินเปลี่ยนไป จากเดิมอย่างสิ้นเชิง นอกจากจะมีนกธรรมดา อาทิ นกแก้ว นกขมิ้น นกพิราบและนกขุนทองแล้ว ยังเลี้ยงนกกระเรียนมงกุฎแดงสองตัวและนกยูงสองตัวอีกด้วย
5388
โจวเสาจิ่นเห็นแล้วประหลาดใจเหลือแสน
นางก็เห็นลูกไก่กลุ่มหนึ่งขุดดินใต้ต้นดอกซานฉาพุ่มนั้นเช่นกัน
เสี่ยวเชวี่ยที่มีหน้าที่ดูแลสวนเหนียวอวี่หลินบัดนี้โตขึ้นเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งผ่ายผอมผู้ หนึ่งแล้ว
เขาหน้าเผือดสีกล่าวกับโจวเสาจิ่นและเฉิงฉือว่า “ทั้งหมดล้วนเป็นนกที่ฮูหยินสามตระกูล ฉินส่งมาให้ มาพร้อมกับของคุณชายใหญ่อวิ้น… ฮูหยินผู้เฒ่าก็ทราบ… ข้าเลยคิดว่าฮูหยินก็ทราบ ด้วยขอรับ…”
ฮูหยินสามตระกูลฉินคือจี๋อิ๋ง
โจวเสาจิ่นลูบหน้าผาก
ตั้งแต่ตั้งครรภ์ นางก็กินแล้วนอน นอนแล้วกิน…
โจวเสาจิ่นเอ่ยถามว่า “นกเหล่านี้ส่งมาให้ตั้งแต่เมื่อใด”
เสี่ยวเชวี่ยตอบว่า “หลังต้นฤดูใบไม้ผลิก็ส่งมาให้เรื่อยๆ ขอรับ”
นางถามอีกว่า “นกในสวนเหนียวอวี่หลินทั้งหมดไม่ต้องให้อาหารหรือ หากต้องให้ เอา อาหารมาจากที่ใด”
สาเหตุที่นางไม่รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของสวนเหนียวอวี่หลินนั้น เป็นไปได้ว่าเพราะไม่ เห็นชื่อสวนเหนียวอวี่หลินในรายจ่ายของเรือน
เสี่ยวเชวี่ยกล่าวอย่างภูมิใจว่า “ฮูหยินสามตระกูลฉินเอาอาหารจําพวกข้าวโพดมาด้วย ในป่ าก็มีผลไม้ป่าสําหรับนกน้อย สวนเหนียวอวี่หลินจึงไม่มีรายจ่ายอะไรขอรับ” พูดจบก็ชําเลือง มองโจวเสาจิ่นอย่างหวั่นเกรง กลัวว่าโจวเสาจิ่นจะรื้อสวนเหนียวอวี่หลินทิ้ง
5389
โจวเสาจิ่นไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ปรายตามองพวกหญิงรับใช้ที่ห้อมล้อมนางทีหนึ่ง พลางกล่าวว่า “คุณชายใหญ่อวิ้นยังเด็กอยู่ ต่อไปหากเจ้าพบเจอเรื่องเช่นนี้อีกต้องอย่าลืมมาบอก ข้า”
ทุกคนต่างหันไปมองเฉิงฉือ
เฉิงฉือสีหน้าสงบนิ่ง
พวกหญิงรับใช้รีบยอบกายขานรับ
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน