เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 63

ยามดอกวสันต์ผลิบาน – ตอนที่ 63 ติดตามผล
กลับถึงเรือนหว่านเซียง โจวเสาจิ่นไม่ได้หลับตาลงเลยตลอดทั้งคืน

นางเฝ้าสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของด้านนอกอย่างจดจ่อโดยตลอด ทว่าไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ราวกับว่าเรื่องที่นางประสบมาทั้งหมดนั้นเป็นเพียงความฝันหนึ่งเท่านั้น

เช้าวันรุ่งขึ้น เป็นครั้งแรกที่ใต้ขอบตาทั้งสองข้างของนางดำคล้ำ

ซือเซียงและชุนหว่านที่ช่วยนางล้างหน้าล้างตาอยู่นั้นก็ไม่ได้มีสภาพที่ดีไปกว่ากัน ฝานหลิวซื่อที่ไม่ได้มีหน้าที่อะไรนั้นยิ่งแล้วใหญ่ ราวกับอยากเข้ามาร่วมด้วยอย่างไรอย่างนั้น ตั้งแต่เช้าตรู่ก็มาถึงแล้ว ช่วยซือเซียงและชุนหว่านยื่นผ้าเช็ดหน้าเอย กระจกเอย…ยุ่งกับเรื่องนี้บ้างเรื่องนั้นบ้าง ละสายตาไปตกที่ร่างของโจวเสาจิ่นอยู่หลายครั้ง และเดินหลบออกไปราวกับปรารถนาจะกล่าวอะไรแต่ก็ไม่กล่าว

ต่อให้โจวเสาจิ่นจะรู้สึกตัวช้าขนาดไหน ก็ดูออกว่าฝานหลิวซื่อมีเรื่องต้องการจะพูดกับนาง

นางส่งสัญญาณไล่คนอื่นๆ หลายคนที่รับใช้อยู่ในห้องนั้นออกไป ถามฝานหลิวซื่อว่า “มามามีเรื่องอะไรอยากจะพูดหรือ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝานหลิวซื่อก็แลกเปลี่ยนสายตากับซือเซียงและชุนหว่านกันครั้งหนึ่ง ทั้งสามคนคุกเข่าอย่างพร้อมเพียงกันอยู่ตรงหน้าของโจวเสาจิ่น กระซิบเสียงเบาว่า “คุณหนูรอง เมื่อวานพวกข้ากลับไปคิดๆ ดูแล้ว เรื่องที่ได้พบกับนายท่านสี่ฉือนั้น จำต้องทำเสมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ให้มันย่อยสลายอยู่ในท้อง ต่อไปไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือมีผู้ใดถามขึ้นมา ก็ไม่อาจพูดออกมาได้เจ้าค่ะ…”

ขณะที่นางพูด ก็มองไปที่โจวเสาจิ่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและคาดหวัง ราวกับต้องการให้โจวเสาจิ่นให้คำตอบหนึ่งแก่นาง นางถึงจะวางใจได้อย่างไรอย่างนั้น

โจวเสาจิ่นเข้าใจในทันใด

พวกฝานหลิวซื่อที่เป็นบ่าวรับใช้ใกล้ชิดอยู่ในเรือนชั้นในเหล่านี้ การรักษาความลับให้คนที่ให้การรับใช้ถือเป็นหนทางรักษาชีวิตที่ธรรมดาสามัญที่สุด พวกนางกลัวว่าตนจะพูดเรื่องนี้ออกไป โดยเฉพาะเอาไปเล่าให้โจวชูจิ่นผู้เป็นพี่สาวฟัง

นางย่อมต้องรักษาความลับเอาไว้อย่างแน่นอน!

ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการดึงท่านน้าฉือเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย!

อย่างไรก็ตาม หากว่าท่านน้าฉือต้องการให้นางพูดออกมา นางก็ย่อมต้องพูดออกมาเช่นกัน

แต่ในเวลานี้ ยังไม่อยากให้พวกฝานหลิวซื่อเป็นกังวลใจ

โจวเสาจิ่นโบกมือเป็นสัญญาณให้ฝานหลิวซื่อและคนอื่นๆ รีบลุกขึ้นมา พลางกล่าว “เป็นพวกเจ้าที่พิจารณาได้รอบด้าน ข้าเองก็ลืมพูดกับพวกเจ้าไป พวกเจ้าคิดได้เช่นนี้ก็ดียิ่งนัก คำพูดของท่านน้าฉือเมื่อวานนั้น คาดว่าพวกเจ้าก็ได้ยินกันแล้ว ท่านได้ช่วยพวกเราเอาไว้จากความยุ่งเหยิงในครั้งนี้ หากว่าพวกเรายังจะดึงท่านเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยตัวเองเกินไปแล้ว ส่วนเรื่องนี้ ต่อไปก็ไม่ต้องเอ่ยขึ้นมาอีก!”

เมื่อทั้งสามคนได้ยินเช่นนั้นแล้วก็โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง จึงลุกขึ้นมาอย่างยินดี

ฝานหลิวซื่อออกไปเตรียมมื้อเช้าให้โจวเสาจิ่น ชุนหว่านไปกำกับดูแลสาวใช้นำน้ำล้างหน้าไปเททิ้งและจัดเก็บเตียงนอน ส่วนซือเซียงช่วยโจวเสาจิ่นผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ภายในห้องกลับมามีบรรยากาศคึกคักและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

โจวชูจิ่นใช้ให้ตงหว่านมาสอบถามโจวเสาจิ่น “เมื่อวานตอนกลางคืนเกิดเพลิงไหม้ที่จวนห้า คุณหนูใหญ่ให้มาสอบถามว่าทำให้คุณหนูรองหวาดผวาหรือไม่เจ้าค่ะ”

ยามนี้โจวเสาจิ่นเพิ่งจะรู้สึกหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เดิมทีเมื่อจวนสี่เห็นเปลวไฟของทางฝั่งจวนห้าเริ่มลุกลามขึ้น เรือนหานชิวก็ได้รับข่าวแล้ว ด้วยกลัวว่าจะมีคนฉวยโอกาสหาประโยชน์จากช่วงชุลมุนวุ่นวายนี้ จึงออกคำสั่งห้ามลงมาในทันที ให้คนของทุกเรือนห้ามออกจากห้อง หากมีเรื่องเร่งด่วนอะไร ต้องไปด้วยกันสองคน ไม่เช่นนั้นจะจับไปโบยสั่งสอนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย

ตระกูลเฉิงเป็นตระกูลที่สั่งสมบารมีด้วยความเมตตา ไหนเลยจะสามารถทุบตีหรือดุด่าบ่าวไพร่ได้ตามใจชอบ

ซึ่งไม่มีการออกคำสั่งห้ามเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว

ใครก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง

ด้วยเหตุนี้พวกนางถึงได้สามารถกลับมาถึงเรือนหว่านเซียงได้อย่างเงียบเชียบ

ไม่เช่นนั้นแล้ว ด้วยความเอาใจใส่ของพี่สาวที่มีต่อนาง เมื่อเห็นว่าทางฝั่งของจวนห้าเกิดเพลิงไหม้ขึ้นก็คงจะมาหานาง และในเวลานั้นนางก็คงจะถูกจับได้เสียแล้ว

เรื่องร้ายแรงประเภทนี้ ไม่ใช่สิ่งที่นางสามารถทำได้!

โจวเสาจิ่นคิดอย่างขมขื่นเล็กน้อย ยิ้มพลางให้ตงหว่านนำคำกลับไปแจ้งว่า “เมื่อคืนได้ยินเสียงแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เกิดเพลิงไหม้ที่จวนห้าแล้วมีผู้บาดเจ็บหรือไม่”

ทุกคนในเรือนหว่านเซียงต่างก็รู้ว่าโจวเสาจิ่นนั้นเป็นคนที่ไม่กังวลใจต่ออะไรผู้หนึ่ง ตงหว่านจึงไม่ได้สงสัยอะไร ยิ้มพลางกล่าวว่า “จากที่ได้ยินมาคือคุณชายใหญ่นั่วของจวนห้าชวนคนมาเล่นการพนันในจวน และทำให้ต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ ศาลาริมน้ำถูกเผาด้วยความไม่ระวัง โชคดีที่จวนสี่ของพวกเราไปทันเวลาพอดี จึงดับไฟได้ในทันที ด้วยเหตุนี้ นายท่านใหญ่ของพวกเราจึงถูกท่านผู้นำตระกูลเรียกตัวไปตั้งแต่เช้าตรู่ กล่าวกันว่าเพราะต้องการสอบถามถึงเรื่องนี้เจ้าค่ะ!”

ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

โจวเสาจิ่นกลับลอบรู้สึกยินดีอยู่ในใจ

ในเมื่อคำติเตียนของเพลิงไหม้นี้ถูกกล่าวถึงว่าเป็นเพราะ ‘เฉิงนั่วชวนคนมาเล่นการพนันในจวน’ เช่นนั้นก็อาจจะกล่าวได้ว่าคำติเตียนของเฉิงอี้ก็คงจะเบาบางลงมากแล้วกระมัง?

ถ้าหากว่าในท้ายที่สุดเรื่องราวได้รับการตัดสินให้เป็นเช่นนี้จริง เช่นนั้นจวนสี่ก็เป็นหนี้บุญคุณท่านน้าฉือครั้งใหญ่เสียแล้ว

อย่างไรก็ตาม หวังว่าเฉิงอี้จะสามารถเรียนรู้บทเรียนบ้างสักเล็กน้อยหลังจากที่ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปแล้ว ไม่ทำเหมือนกับว่าคำพูดของผู้อื่นเป็นเพียงลมผ่านหูเท่านั้นอีก

รอจนกระทั่งถึงเวลาไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากวน ข่าวคราวทั้งหมดจึงเปิดเผยออกมา

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนโกรธจนตัวสั่นไปทั้งร่าง

ไม่รอให้เฉิงเหมี่ยนกลับมาจากไปพบท่านผู้นำตระกูลเฉิงซวี่ที่จวนรอง ก็ให้คนไปนำตัวเฉิงอี้กลับมาจากจวนห้า

“เจ้าช่างทำให้มารดาของเจ้าเสื่อมเกียรติเสียจริง!” ฮูหยินผู้เฒ่ากวนให้เฉิงอี้คุกเข่าอยู่ตรงกลางลานของเรือนเจียซู่ และสั่งให้หวังมามาถือไม้เรียวอยู่ข้างๆ เพื่อถามเอาความ

“ใครใช้ให้เจ้าไปเล่นการพนัน?”

“คำสั่งสอนของตระกูลเฉิงสะกดว่าอย่างไรบ้าง?”

“เจ้ายังเป็นบุตรหลานของตระกูลเฉิงอยู่หรือไม่?”

“เจ้าเรียนหนังสือถึงชั้นไหนกันแล้ว?”

ถามหนึ่งประโยค ก็ฟาดไม้เรียวด้วยหนึ่งครั้ง

ภายใต้แสงแดด บนหลังที่เนียนขาวและบอบบางของเฉิงอี้มีรอยเขียวบ้าง ม่วงบ้าง น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ทำให้คนไม่สามารถที่จะมองตรงๆ ได้

เฉิงอี้นอนพาดอยู่บนตั่งม้านั่ง และร้องครวญราวกับสุกรที่กำลังจะถูกเชือด

ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนแอบอยู่ในห้องน้ำชา เอามือกุมหน้าและร่ำไห้เบาๆ ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ได้เอ่ยขอร้องแทนบุตรชายเลยแม้สักประโยค

โจวเสาจิ่นอดไม่ได้มองท่านป้าใหญ่ด้วยความเคารพที่มากยิ่งขึ้น

ตอนที่ 63 ติดตามผล 1

ตอนที่ 63 ติดตามผล 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน