“งดงามยิ่งๆ!” ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนมองดูเด็กสาวสองคนที่อยู่เบื้องหน้าราวไข่มุกแวววาวและหยาดน้ำค้างอรุณ เผยรอยยิ้มปลาบปลื้มใจออกมาให้เห็นอย่างอดไม่ได้ “จริงดังที่กล่าวว่าหญิงสาวนั้นยิ่งเติบโตก็ยิ่งเปลี่ยนแปลง ชูจิ่นกับเสาจิ่นของพวกเรายิ่งโตก็ยิ่งงดงาม!”
โจวชูจิ่นถามถึงเสื้อผ้า ทว่าฮูหยินใหญ่เหมี่ยนกลับพูดชมพวกนางแทน โจวชูจิ่นกับโจวเสาจิ่นจึงได้แต่ยิ้มอย่างเขินอาย
หวังมามาเลิกผ้าม่านขึ้น ยิ้มพลางกวักมือเรียกพวกเขา เอ่ยขึ้นว่า “นายหญิงผู้เฒ่าได้ยินเสียงคุยกันเจื้อยแจ้ว จึงเชิญฮูหยิน คุณหนู และคุณชายทั้งสองท่านเข้าไปคุยเจ้าค่ะ”
เนื่องจากเป็นหญิงหม้าย ทั้งยังมีผู้อาวุโสอยู่ด้วย ถึงแม้จะเป็นงานเลี้ยงฉลองวันเกิด แต่ก็ค่อนข้างเรียบง่าย ฮูหยินผู้เฒ่ากวนสวมชุดเพ่ยจื่อผ้าไหมหางโจวสีน้ำเงินไพลินลายแจกันทรงน้ำเต้า ผมสีดอกเลาราวเส้นไหมเงินถูกเกล้าขึ้นเป็นมวยกลม ปักเอาไว้ด้วยปิ่นเงินฝังหยกมงคล นั่งอยู่บนตั่งหลัวฮั่นในห้องเยี่ยนซีอย่างยิ้มแย้ม มีสาวใช้สองคนคอยโบกพัดอยู่ข้างๆ
เมื่อเห็นบุตรสะใภ้ หลานชายและหลานสาว รอยยิ้มของฮูหยินผู้เฒ่ากวนก็ยิ่งเบิกบาน รีบถามพวกเขาว่ารับมื้อเช้ามาแล้วหรือยัง เมื่อทราบแล้วว่าพวกเขาต่างก็รับมื้อเช้ากันแล้ว จึงเรียกสาวใช้ให้นำผลไม้มาขึ้นโต๊ะสักเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “วันเกิดของข้านี้ไม่ดีสักเท่าใด อยู่ในช่วงฤดูร้อน ทำให้พวกเจ้าต้องพลอยลำบากไปด้วย ไม่เหมือนกับฮูหยินผู้เฒ่าของจวนหลัก ที่อยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทั้งสามารถชมดอกไม้และยังได้ทานปูด้วย”
ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนรีบกล่าวแย้งขึ้นว่า “ดูท่านพูดสิเจ้าคะ วันเกิดนั้นถือเป็นดวงชะตาของคนๆ หนึ่ง ท่านดูสิว่านายท่านทั้งสองกตัญญูรู้คุณมากเพียงใด ข้าคิดว่าวันเกิดของท่านถือเป็นวันดีเจ้าค่ะ”
นายท่านรองเฉิงหยวนกำลังอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่ง แต่ก็ได้ส่งของขวัญวันเกิดมาให้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว ในจำนวนนั้นเป็นโอสถสมุนไพรบำรุงร่างกายเสียเป็นส่วนใหญ่ และยังมีเสื้อผ้า ถุงเท้า รองเท้าที่ฮูหยินรองหยวนตัดเย็บด้วยตนเองอยู่ด้วยเป็นบางส่วน สำหรับเฉิงเหมี่ยนกับฮูหยินใหญ่เหมี่ยนั้นยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเลย เสาะหาทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งโมราชิ้นหนึ่ง สำหรับแกะสลักเป็นรูปองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมเพื่อมอบให้ฮูหยินผู้เฒ่ากวน
ลูกๆ ต่างก็กตัญญูรู้คุณ ด้วยประการฉะนี้ฮูหยินผู้เฒ่ากวนจึงเห็นพ้องด้วย
นางพยักหน้าหงึกๆ พร้อมกับยิ้มจนตาหยี
ฮูหยินจากบ้านสวนสองสามท่านเดินเข้ามาจากทางด้านห้องรับรองแขก
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนและแขกคนอื่นๆ จึงย้ายไปนั่งในโถงนั่งเล่น
นั่งลงได้ครู่เดียว ตระกูลที่มีความสัมพันธ์อันดีกับจวนสี่หลายตระกูลก็เดินทางมาถึง
ผู้คนหลั่งไหลกันมาไม่ขาดสาย
ทั้งโจวชูจิ่นเละโจวเสาจิ่นต่างก็ช่วยฮูหยินใหญ่เหมี่ยนต้อนรับแขก
ตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่ากวนจัดงานเลี้ยงวันเกิดในกาลก่อนนั้น โจวเสาจิ่นล้วนอยู่แต่ในเรือนหว่านเซียง รอจนกระทั่งเริ่มกล่าวอวยพรถึงได้มาเข้าร่วมด้วย ปีนี้นางติดตามอยู่ด้านหลังของพี่สาว คอยดูพวกสาวใช้นำน้ำชาและของว่างต่างๆ มาขึ้นโต๊ะอยู่ตลอด จนมีคนถามว่านางเป็นใครขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนดันนางออกมาอยู่ต่อหน้าแขกอย่างยิ้มแย้ม และแนะนำนางให้แขกรู้จัก
เมื่อผู้คนเห็นโจวเสาจิ่นแล้วต่างก็ชมว่านางงดงาม แขกที่เตรียมของขวัญเอาไว้ก็มอบของขวัญการพบหน้ากันให้แก่นาง ส่วนแขกที่ไม่ได้เตรียมมาก็จับมือนางแล้วชวนคุยถึงเรื่องสัพเพเหระ มีบางคนสังเกตเห็นชุดของโจวชูจิ่น กล่าวชมว่าชุดของนางนั้นงดงามยิ่ง และสอบถามว่าใครเป็นคนเย็บปักให้ โจวชูจิ่นรีบดันโจวเสาจิ่นออกมาข้างหน้าโดยไม่ต้องคิด นางจึงได้รับเสียงชมเชยอีกครั้ง มีบางคนถามนางว่าเอาแบบดอกไม้มาจากที่ไหน และมีบางคนที่กระซิบถามว่าโจวเสาจิ่นอายุเท่าไหร่ พูดคุยเรื่องหมั้นหมายบ้างแล้วหรือยัง
ชั่วขณะหนึ่งนั้นโจวเสาจิ่นจึงยุ่งจนหัวหมุนไปเล็กน้อย
ต่งซื่อมารดาของเฉิงลู่กับฮูหยินใหญ่อวี้มารดาของเฉิงจวี่ก็เดินเข้ามา
ต่งซื่อลดความสนิทสนมชิดใกล้ที่มีอยู่ก่อนหน้าลง และดูเหนียมอายเล็กน้อยขณะที่ก้าวออกมาคำนับฮูหยินผู้เฒ่ากวน ทว่าฮูหยินใหญ่อวี้ยังคงเอาแต่ยิ้มไม่พูดจาอยู่เช่นเคย วางตัวได้เหมาะสมรอบคอบ หลังจากที่คำนับฮูหยินผู้เฒ่ากวนเสร็จ ก็แยกตัวออกไปกับสตรีที่สนิทสนมกัน
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนยังคงปฏิบัติต่อพวกนางเช่นเดิม เรียกฮูหยินใหญ่เหมี่ยนให้มาต้อนรับพวกนาง
โจวเสาจิ่นทำเสมือนว่ามองไม่เห็น ยังคงสนทนาอยู่กับแขกที่มาเยือน กลับเป็นโจวชูจิ่นที่ออกไปคำนับทำความเคารพ
ไม่นานนัก จวนหลัก จวนรอง และจวนสามก็เข้ามาถึงแล้วทั้งหมด
หลังจากที่ทำความเคารพผู้อาวุโสทั้งหลายแล้ว โจวเสาจิ่นก็ถูกเฉิงเจียดึงตัวไปข้างๆ พลางชี้ไปที่พานชิง กล่าวขึ้นว่า “เจ้าดูนางสิ!”
ผมสีดำขลับของพานชิงเกล้าขึ้นเป็นมวยโบตั๋นซึ่งเป็นทรงที่ทำได้ยากอย่างยิ่ง คาดเอาไว้ด้วยที่คาดผมไข่มุก ประดับไว้ด้วยดอกไม้สีเขียวมรกตดอกใหญ่ สวมชุดเพ่ยจื่อผ้าไหมหางโจวสีฟ้าอมเขียวลายดอกหงอนไก่กับกระโปรงจีบสีขาวพระจันทร์ ผิวขาวเนียนยิ่งกว่าหิมะ ใบหน้าดุจดั่งดอกเสาเย่า ช่างงดงามยิ่ง
โจวเสาจิ่นรู้จักชุดเพ่ยจื่อผ้าไหมหางโจวตัวนั้น เป็นเนื้อผ้าชนิดใหม่จากเมืองเจียซิงในปีนี้ ราคาสิบสองเหลี่ยงเงิน ในชาติที่แล้ว โจวเสาจิ่นเองก็มีชุดเพ่ยจื่อเช่นนี้ตัวหนึ่ง เพียงแต่ว่านางซื้อมาในปีถัดไป เกรงว่าราคาในตอนนี้คงจะแพงกว่า
พานชิงช่างทุ่มเทเวลาให้กับการแต่งองค์ทรงเครื่องเสียจริง
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ “รอสักครู่ให้มีโอกาสแล้วลงมือกัน!”
เฉิงเจียพยักหน้า สายตาพลันตกไปอยู่บนตัวของโจวชูจิ่น ลอบถามว่า “ชุดที่ท่านพี่ชูจิ่นสวมใส่วันนี้สวยงามยิ่งนัก! ดูกระโปรงตัวนั้นสิ ข้าไม่เคยเห็นแถบกระโปรงที่วิจิตรและประณีต ขณะเดียวกันก็ไม่ขาดความสง่างามขนาดนี้มาก่อน…เสาจิ่น ทำไมเจ้าไม่ลองทำตามสักชุดล่ะ”
ตอนที่พี่สาวเพิ่งจะแต่งงานเข้าตระกูลเลี่ยว เหตุเพราะเป็นบุตรสาวคนโตที่กำพร้ามารดา ซ้ำยังเป็นฮูหยินเอกในภายภาคหน้า จึงลำบากมากนัก โจวเสาจิ่นหวังว่าชื่อเสียงอันดีของพี่สาวจะแพร่ไปในหมู่เครือญาติก่อนที่จะออกเรือนไป เช่นนี้ภายหลังเมื่อพี่สาวแต่งเข้าตระกูลเลี่ยวแล้ว จะสามารถมีวันเวลาที่ดีมากยิ่งขึ้น ทว่าสิ่งที่นางไม่คาดคิดมาก่อนก็คือ ทุกคนกลับสนใจชุดที่นางทำ และพี่สาวจึงฉวยโอกาสนี้ผลักดันนางออกมาแทน
นี่ไม่ใช่เจตนาที่แท้จริงของนางเลย
โจวเสาจิ่นตัดสินใจว่าจะรั้งอยู่กับเฉิงเจีย และพยายามออกไปปรากฏตัวท่ามกลางญาติพี่น้องให้น้อยที่สุด
“พวกเราพี่น้องสวมเสื้อผ้าเหมือนกันอยู่เรื่อยไปไม่ได้หรอก!” นางกล่าวยิ้มๆ “ข้าคิดว่าชุดของข้าชุดนี้ก็ไม่เลวนัก”
เฉิงเจียหัวเราะคิกคักไปสองครั้ง กล่าวขึ้นว่า “ก็ไม่เลว แต่อย่างไรก็สวยสู้ชุดที่อยู่บนตัวของท่านพี่ชูจิ่นไม่ได้”
ความจริงแล้วนี่คือจุดประสงค์ของโจวเสาจิ่น
ให้พี่สาวกลายเป็นจุดสนใจที่สุดท่ามกลางผู้คน
น่าเสียดายที่นางยังไม่ทันได้รู้สึกภูมิใจ ก็ได้ยินฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอ่ยขึ้นว่า “กระโปรงตัวนี้ของคุณหนูใหญ่ช่างงดงามจริงๆ! เป็นฝีมือเย็บปักของท่านใด และได้รับแบบดอกไม้มาจากที่ใดหรือ ดูเหมือนจะไม่ใช่รูปแบบของพวกเราทางนี้…”
โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วก็ร้อนรน รีบฉุดเฉิงเจียออกจากห้องโถงรับแขกไป
เฉิงเจียไม่เข้าใจ ถามขึ้นว่า “เจ้าลนลานทำไมกัน”
“ไม่มีอะไร” โจวเสาจิ่นอธิบายไปว่า “ในห้องโถงรับแขกถ้าไม่ใช่ผู้อาวุโสก็เป็นแขกที่มาร่วมงาน ข้ารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย”
“ข้าก็รู้สึกอึดอัด” เฉิงเจียได้ยินแล้วก็ดีใจใหญ่ เอ่ยถามว่า “เช่นนั้นพวกเราไปให้อาหารปลาที่ข้างศาลาริมน้ำกันเถอะ ครั้งก่อนที่ข้ามาเยี่ยม พบว่าจวนของพวกเจ้ามีปลาจิ๋นหลี่ตัวใหญ่ แต่ชุ่ยหวนบอกว่านั่นไม่ใช่ปลาจิ๋นหลี่ แต่อาจจะเป็นปลาดุก น่าเสียดายที่ตอนนั้นฝนเพิ่งจะตก น้ำขุ่นมัวเล็กน้อย เห็นได้ไม่ชัดเจนนัก…”
ศาลาริมน้ำตั้งอยู่ข้างห้องโถงรับแขก มีเก้าอี้เหม่ยเหริน สามารถนั่งชมปลาและคุยเล่นกันได้
โจวเสาจิ่นคิดว่าไปหลบอยู่ที่นั่นก็ไม่เลว จึงรั้งให้สาวใช้อยู่ที่นี่คอยรายงานสถานการณ์ให้ แล้วพาซือเซียง ชุ่ยหวนและคนอื่นๆ มุ่งไปยังศาลาริมน้ำ



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน