เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 74

ยามดอกวสันต์ผลิบาน – ตอนที่ 74 วันเกิด

ดวงอาทิตย์ค่อยๆ คล้อยไปทางทิศตะวันตก

โจวเสาจิ่นคัดได้หกหน้ากระดาษในครั้งเดียวโดยไม่พัก

นางลูบหัวไหล่ที่ปวดเมื่อยเล็กน้อยอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ปี้อวี้ยกแตงหวานเดินเข้ามา “เสี่ยวถานบอกว่าท่านมา ข้ายังไม่อยากจะเชื่อ คิดไม่ถึงว่าท่านจะคัดพระธรรมอยู่ในห้องพระจริงๆ ข้าเห็นท่านคัดอย่างตั้งอกตั้งใจ ก็เลยไม่ได้รบกวนท่าน ส่วนนี่คือแตงหวานที่เพิ่งผ่ามาสดๆ ใหม่ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าตั้งใจเก็บลูกนี้เอาไว้ ยังไม่เคยแช่ให้เย็นในน้ำบ่อมาก่อน ท่านลองชิมดูเจ้าค่ะ!”

อยู่ด้วยกันมาหลายเดือน คนที่เรือนหานปี้ซานต่างก็รู้นิสัยของโจวเสาจิ่น

โจวเสาจิ่นยิ้มพลางกล่าวขอบคุณ ใช้โอกาสนี้สำรวจสีหน้าของปี้อวี้ครู่หนึ่ง

นางยังคงพูดคุยอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ต่างไปจากในเวลาปกติ

เป็นเพราะสาวใช้ของเรือนหานปี้ซานทั้งหมดล้วนถูกฝึกฝนมาให้สามารถอดกลั้นและเก็บอาการได้ หรือเป็นเพราะเดิมทีนางไม่รู้อยู่แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่เรือนหลักกันแน่?

โจวเสาจิ่นพึมพำอยู่ในใจ ได้ชุนหว่านช่วยล้างมือ และรั้งให้ปี้อวี้อยู่ทานแตงหวานด้วยกัน

“ไม่ได้เจ้าค่ะ” ปี้อวี้ยิ้มพลางกล่าวปฏิเสธอย่างสุภาพ “ฮูหยินของหลินเจี้ยวอวี้มา ฮูหยินผู้เฒ่าทางโน้นยังต้องการคนไปช่วยให้การรับใช้เจ้าค่ะ!”

โจวเสาจิ่นค่อนข้างประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึงอยู่เล็กน้อย

นับตั้งแต่ฮูหยินของหลินเจี้ยวอวี้ช่วยพูดแทนเฉิงสวี่ไปเมื่อครั้งงานวันเกิดของเฉิงซวี่ท่านผู้นำตระกูลจวนรองเป็นต้นมา ฮูหยินของหลินเจี้ยวอวี้ก็ใกล้ชิดสนิทสนมกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวขึ้นมา ในระยะเวลาเพียงสามถึงสี่เดือน ฮูหยินของหลินเจี้ยวอวี้มาเยี่ยมฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้สามครั้งแล้ว เกือบจะเป็นเดือนละครั้งเลยด้วยซ้ำ

ปี้อวี้ยิ้มพลางกล่าว “ฮูหยินของหลินเจี้ยวอวี้มาด้วยเรื่องของน้องชายของตนเองที่บ้านเดิมเจ้าค่ะ น้องชายของนางกับนายท่านสี่เป็นสหายร่วมชั้นกัน สอบได้เป็นบัณฑิตซู่จี๋ซื่อ ดูแลเรื่องต่างๆ ในกรมโยธาธิการ ได้เข้าศึกษาในปีนี้ ตามหลักแล้ว ในเดือนหกของปีนี้ควรจะได้รับการแต่งตั้งออกไปแล้ว แต่จนถึงตอนนี้น้องชายของนางก็ยังคงอยู่ในสำนักฮั่นหลินอยู่ จึงอยากจะขอความช่วยเหลือจากนายท่านใหญ่ ดูว่าจะสามารถช่วยหาตำแหน่งให้น้องชายของนางสักตำแหน่งได้หรือไม่”

เรื่องราวในราชสำนักเป็นเรื่องของเส้นสาย บางครั้งเจ้าไม่อาจรู้ได้แน่ชัดเลยว่าใครมีความสัมพันธ์กับใครบ้าง

คนที่มาขอความช่วยเหลือจากเลี่ยวเส้าถังในปีนั้นก็มีไม่น้อย นางจึงไม่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แปลก

เนื่องจากฮูหยินผู้เฒ่ากัวทราบแล้วว่านางคัดพระธรรมอยู่ในห้องพระ หลังจากที่ทานแตงหวานเสร็จแล้ว โจวเสาจิ่นนั่งอยู่อีกสักพัก จนคำนวณว่าฮูหยินของหลินเจี้ยวอวี้น่าจะกลับไปแล้ว นางจึงไปกล่าวอำลาฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่เรือนหลัก

ฮูหยินของหลินเจี้ยวอวี้กลับออกไปแล้วตามที่คาด ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมีสีหน้าที่สงบ ดูไม่ออกเลยว่าเคยโมโหโกรธาเป็นอย่างมากในช่วงบ่ายมาก่อน

โจวเสาจิ่นยิ้มพลางกล่าว “อากาศร้อนจนเกินไป ทำให้จิตใจไม่สงบสุข ข้าก็เลยมาคัดพระธรรมเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มพลางกล่าว “เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นผู้ที่มีปัญญาโดยกำเนิด” ยังกล่าวอีกว่า “หากเจ้าอยากจะมาก็มาเถอะ ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร อย่างไรเสียคัมภีร์เหล่านั้นก็มอบหมายให้เจ้าแล้ว รอให้เจ้าคัดเสร็จ พวกเราจะไปที่เขาผู่ถัว นำทั้งหมดไปถวายที่วัดฝาอวี่”

เขาผู่ถัวอยู่ใกล้กับโจวซาน

โจวเสาจิ่นงงงวย กล่าวขึ้นว่า “ท่านจะไปเมืองหังโจวหรือเจ้าคะ”

โจวซานเป็นส่วนหนึ่งของเมืองหังโจว

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มพลางกล่าว “ไม่ใช่ข้า เป็นพวกเราต่างหาก ถึงเวลานั้นข้าจะพาเจ้าไปด้วย”

โจวเสาจิ่นตกตะลึง

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะลั่นขึ้นมา กล่าวขึ้นว่า “อ่านหนังสือหมื่นเล่ม ไม่สู้เดินทางพันหลี่ ตอนที่ข้าอายุเท่าเจ้านี้ เคยเดินทางรอบเจียงหนานกับท่านพ่อของข้ามาแล้วรอบหนึ่ง พวกเจ้าในตอนนี้…ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างให้การยอมรับว่า ‘สตรีที่ปราศจากความสามารถคือความดีงาม’ มีครอบครัวชนชั้นกลางบางส่วนในสมัยนี้ ถึงกับไม่ให้เด็กสาวได้เรียนเขียนอ่าน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่…”

โจวเสาจิ่นมีชีวิตมาสองชาติภพ ก็ยังไม่เคยออกจากบ้านไปไกลขนาดนี้

นางพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา กล่าวขึ้นว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า ข้า…ข้าสามารถติดตามไปกับท่านได้จริงๆ หรือเจ้าคะ”

“แล้วเจ้าอยากไปหรือไม่” ราวกับว่าอารมณ์ของฮูหยินผู้เฒ่าดียิ่งอย่างไรอย่างนั้น ยิ้มตาหยีขณะที่เอ่ยถามนาง

โจวเสาจิ่นพยักหน้าไม่หยุด “อยากไปเจ้าค่ะๆ ข้าได้ยินคนพูดกันมาตั้งนานแล้วว่า ผู้คนที่เมืองหังโจวจะไปสักการะพระพุทธองค์ที่วัดผู่ถัวทุกๆ วันที่หนึ่งและวันที่สิบห้าของเดือนหนึ่ง…ข้าไม่คิดมาก่อนว่าในชีวิตที่เหลือนี้จะได้ไปที่นั่นสักครั้งหนึ่ง…”

“เด็กน้อย อายุเพิ่งจะเท่าไหร่เอง กล้าพูดคำว่า ชีวิตที่เหลือ แล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มพลางกล่าว “เช่นนั้นปีนี้เจ้าก็คัดพระธรรมให้เสร็จ แล้วพวกเราค่อยไปตอนเริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิของปีหน้า”

รอยยิ้มของโจวเสาจิ่นหลั่งไหลออกมาทางสายตาไม่หยุด

ซึ่งไม่เหมือนกับรอยยิ้มในยามปกติที่แฝงเอาไว้ด้วยความระแวดระวังอยู่หลายส่วนหรือเป็นรอยยิ้มเพื่อเข้าสังคม แต่มันงดงาม สว่างไสว และยังแฝงเอาไว้ด้วยความคาดหวังและความอ่อนหวานอยู่หลายส่วน เสมือนกับเด็กน้อยที่อยู่ๆ ก็ได้รับลูกกวาดที่ไม่อาจลืมเลือน

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอดถอนหายใจไม่ได้

เด็กคนนี้ก็เป็นเด็กที่น่าสงสารผู้หนึ่ง!

นางให้ปีอวี้ไปห่อขนมกล่องหนึ่งมาให้โจวเสาจิ่น “เอากลับไปค่อยๆ กิน!”

โจวเสาจิ่นรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย

ข้างในกล่องขนมกล่องนั้นล้วนเป็นขนมหวานทั้งหมด

แต่นางสามารถรับรู้ได้ถึงความห่วงใยอย่างจริงใจของฮูหยินผู้เฒ่ากัว

นางย่อเข่าลง ทำความความเคารพฮูหยินผู้เฒ่ากัวอย่างตั้งใจทีหนึ่ง จากนั้นถือกล่องขนมกลับเรือนหว่านเซียง

ถึงแม้จะเป็นเพียงกล่องขนมกล่องหนึ่ง แต่อย่างไรเสียก็เป็นของที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมอบให้ ซึ่งก็ยืนยันได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวพึงพอใจในตัวโจวเสาจิ่น ฮูหยินผู้เฒ่ากวนดีใจเป็นอย่างมาก เปิดกล่องขนมและดูอยู่ครู่หนึ่ง พบว่าด้านในยังมีขนมจากในวังอย่างเค้กถั่วซิ่งเหรินและเค้กเหลืองทำจากแป้งถั่วลันเตาเป็นต้น จากนั้นให้โจวเสาจิ่นนำกล่องขนมไปเก็บให้ดีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พลางกล่าว “หากเจ้ามีเวลาว่าง ก็ทำผ้าโพกศีรษะเหมือนกับที่ทำให้ข้าผืนนั้นให้ฮูหยินผู้เฒ่าด้วยสักผืนหนึ่ง”

“แต่ตระกูลเฉิงมีโรงตัดเย็บเป็นพิเศษอยู่แล้ว…” โจวเสาจิ่นกล่าวอย่างลังเล “ข้ากลัวว่าตนเองจะทำขายหน้าต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญเจ้าค่ะ!”

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน