ตอนที่ 167 ดีกันเหมือนตอนแรก
คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นชนัย
“พี่สะใภ้!” ไม่รีรอให้นัชชาพูดอะไร ชนัยรีบเดินเข้ามา ดวงตามีเสน่ห์ใหญ่ราวลูกท้อเต็มไปด้วยแววตาของความสงสาร “พี่เตชิตไม่เป็นไรใช่ไหม? นี่ก็หลายวันมาแล้ว ไม่เห็นจะมีใครบอกผมว่าเขาเข้าโรงพยาบาล วันนี้ปรัณพูดหลุดปากออกมาผมถึงได้รู้....”
นัชชาถูกคำพูดที่มาเป็นขบวนของเขากรอกใส่หูจนแทบมึน นิ่งไปสักพักดึงสติกลับมา นี่กำลังอธิบายให้เธอฟัง
เธอรู้ว่าคืนวันนั้นเขาสองคนดื่มด้วยกัน ตอนแรกก็นึกสงสัยว่าทำไมชนัยไม่มาสักที ที่แท้ ไม่มีใครบอกเขานี่เอง อาจจะเป็นเพราะกลัวว่าเขาจะรู้สึกผิดไปด้วย
นัชชาพูดขัดจังหวะการพูดที่รวดเร็วของเขา เชิญเขาเข้าในห้อง “เขาไม่เป็นอะไรมาก เชิญคุณเข้ามาก่อนค่ะ”
สีหน้าชนัยเต็มไปด้วยความปลื้มปิติ “พี่สะใภ้ เธอนี่ดีจริงๆเลย”
เตชิตที่นอนอยู่ไกลออกไปยังได้ยินเสียงคุยโวโอ้อวดของชนัย เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา สายตาเขาสะลืมสะลือมองไปที่ใบหน้าอันร้ายกาจนั้น พูดขึ้นมาว่า “มาแล้วหรอ?”
ชนัยตกใจเกือบฉี่แตก “พี่เต เตชิต พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ปรัณบอกผมแล้ว ตอนเดินทางมาเป็นห่วงพี่มาก ถ้าเกิดพี่ดื่มกับผมแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ผมคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้....”
นัชชา “………”
“…….” เตชิตขยับมุมปาก “ถ้านายยังพูดมากแบบนี้อีก ก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว”
ชนัยกระพริบตา เดินไปที่หัวเตียงคนไข้มองดูชายคนนั้น ในใจเขายังรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก “กลับไป ผมจะไล่ผู้จัดการออก แค่นี้ก็ไม่รู้จักหัดสังเกต ไม่รู้จักห้ามบ้าง วันๆมีแต่ทำเรื่องให้ผมขัดใจ....”
“ไม่ต้อง ไม่เกี่ยวกับเขาเลย” เตชิตเป็นคนที่แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานได้ตลอด อีกอย่างผู้จัดการคนนั้นได้ห้ามเขาไว้แล้ว แค่ห้ามไว้ไม่ได้ ในฐานะพนักงานชนัยไม่มีสิทธิ์ไปบีบบังคับให้เขาทำอะไรทั้งนั้น
ชนัยก้มหน้าลงไม่พูดอะไร เงียบไปสักครู่ ยกมือขึ้นมาลูบผม ท่าทีใจร้อนไม่เป็นสุข
เตชิตเหลือบมองเขา ดูออกว่าเขากำลังจิตตกกับอะไรบางอย่าง พูดเปลี่ยนประเด็น “นายมาทำอะไร?”
“ผมมาดูพี่ไง! นอนโรงพยาบาลขนาดนี้ เป็นเพราะผมด้วย ผมจะนั่งออฟฟิศติดได้ไงล่ะ!” ชนัยนึกขึ้นแล้วรู้สึกเสียใจ คืนวันนั้นเขาเมาจนทำเรื่องไว้เยอะอยู่ แต่ถ้าเขามีสติมากกว่านี้คงไม่มีทางให้เตชิตดื่มจนถึงขั้นนี้ได้
นัชชารินน้ำใส่แก้วให้เขา พูดให้เขาคลายกังวล “สบายใจได้ เขาเป็นโรคกระเพาะอยู่แล้ว ต้องคอยรักษาสม่ำเสมอ อย่างอื่นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร?”
“เมื่อครู่ผมถามปรัณแล้ว มันไม่ยอมบอกผม อีกนิดก็จะทำผมโมโหอกแตกตาย ดีนะที่เขาบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก เหมือนว่าอีกสองวันก็....” ชนัยกำลังจะพูดว่าอีกไม่กี่วันก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ยังไม่ทันได้พูดก็รู้สึกสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกด้านหลัง หันหลังไปมอง เตชิตกำลังจ้องเขาตาเขม็ง
เขารีบปิดปากเงียบทันที กำลังครุ่นคิดอยู่ว่าคำพูดไหนไปสะกิดให้เขาโมโหได้ สายตาเหลือบมองนัชชาเดินมา ใช้มุกเดิมกับเตชิต
แต่ทว่า.....ดูนัชชาถือของมาเยอะแยะทั้งผลไม้ทั้งชา สงสัยพี่เตชิตคงอยากอยู่โรงพยาบาลต่อไม่อยากไปไหนแล้ว
นัชชาเห็นเขาพูดมาแค่ครึ่งหนึ่งแล้วหายไป ถามกลับ “อีกสองวันทำไมหรอ?”
เขารีบเปลี่ยนคำพูด “อีกสองวัน....อีกสองวันก็จะได้รักษาแบบปกติแล้ว”
เสมือนนัชชามีเครื่องหมายคำถามอยู่บนหน้า “รักษาแบบปกติ?”
ทำไมเธอถึงไม่เคยได้ยินหมอปรัณพูดมาก่อน?
ชนัยขำ พูดด้วยความเร็ว “ใช่ไง วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่อยู่ในช่วงสังเกตอาการวันสุดท้ายแล้วใช่ไหม? ผ่านวันนี้ไปพี่สะใภ้ก็สบายใจได้แล้ว!”
“เป็นอย่างนั้นหรอ....” นัชชามองดูทั้งสอง รู้สึกแปลกชอบกล แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง
เห็นว่าเธอไม่ได้ถามลึกเข้าไปต่อ ชนัยถอนหายใจ อีกนิดเกือบจะพลั้งปากไปแล้ว ถ้าเกิดหลุดพูดไปจริงๆ พี่เตชิตคงตบเขาหนึ่งฉากไล่ออกจากห้อง?
ฉวยโอกาสหาเวลาตอนนัชชาไปห้องน้ำ ชนัยพูดระบายออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เกือบไปแล้ว ตกใจหมดเลย....”
เตชิตเห็นเขาดูรุกรี้รุกรนไม่ปกติ ไม่ค่อยอยากสนใจเท่าไหร่ “ไม่มีอะไรก็กลับไปได้แล้ว อย่ามาอยู่ให้รกหูรกตาฉัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด
แจ้งความแม่มเลยค่ะ ลักพาตัว ทำร้ายร่างกาย งงนะ พระเอกนางเอกไม่มีใครด่าเลยว่าทำไมพาเด็กมาโดยไม่ขอก่อน...