ยั่วรักทนายคนโหด นิยาย บท 221

ตอนที่ 221 เปลี่ยนความคิดที่มีต่อเขา

หลังจากเกิดเรื่องขึ้นนัชชาลากิจเป็นเวลานาน เธอมีแผนว่าจะหาที่ทำงานใหม่ในอนาคต แม้ว่าเธอและเตชิตจะอยู่ห่างกันแค่ตึก ชั้นบนและชั้นล่าง แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้เจอกันอีก

จนกระทั่งวันที่เมทนีผ่าตัด หลังจากเตียงผ่าตัดเคลื่อนย้ายเข้าห้องผ่าตัด เขาคนนี้ถึงรีบมาเยี่ยมอาการ

ร่างสูงใหญ่เดินทวนแสงขึ้นมาจากปลายทางเดินทำให้รู้สึกเหมือนถูกสะกดไว้ เขามองไปที่ม้านั่งยาวที่นัชชาและณัชชนม์นั่งอยู่ แต่เขาไม่ได้เดินไปหาพวกเขาแต่อย่างใด เขากลับเดินตรงไปที่เจ้าหน้าที่แพทย์พูดคุยกันถึงเรื่องอะไรบางอย่าง

"ร่างกายของผู้ป่วยก่อนเข้าผ่าตัดมีสภาพร่างกายที่ดีน่าจะไม่มีปัญหาอะไร อีกอย่างแพทย์ผ่าตัดก็เป็นคนที่ฝีมือดีที่สุดคุณเตชิตสามารถมั่นใจได้เลยครับ" หัวหน้าพยาบาลยืนโล่งใจอยู่ด้านข้างรู้ว่าชายคนนี้ไม่ธรรมดา เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทของปรัณผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแห่งนี้ จึงไม่กล้าที่จะชักช้า

เตชิตฟังเสร็จเขาก็ค่อยโล่งใจหน่อย ดวงตาของเขาเพลอไปมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านข้างอย่างไม่รู้ตัว

หลังจากที่ทะเลาะกันเมื่อครั้งที่แล้ว เขาและเธอไม่ได้คุยกันเกือบครึ่งเดือน เขารู้ว่าเธอไม่อยากเห็นหน้าเขา หากเรื่องของทีนาร์ยังไม่สิ้นสุดเธอก็คงไม่สามารถยอมรับได้

เขาก็ใช่ว่าจะไม่ระแวงในตัวของนัชชาเลย ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรเธอก็ไม่ควรผลักทีนาร์นี่เป็นเรื่องของหลักการของสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน

ดังนั้นเขาไม่ได้ไปหาเธอปล่อยให้ทั้งเขาและเธอใจเย็นลงแต่เขาก็ยังแอบเป็นห่วงเธออยู่ ปรัณบอกว่าเขาเหมือนหาเหาใส่หัว ขาได้แค่ยิ้มด้วยความขมขื่นพูดอะไรไม่ได้เลย

ตอนนี้เห็นเธอนั่งหลังโก่งๆก้มหัวมองพื้น ใบหน้ากลมเล็กๆของเธอซูบลงจนคางแหลมเนื้อที่แก้มหายไป ผอมจนเกือบจำไม่ได้ ความโกรธที่อยู่ในใจเขาก็หายเป็นปริบทิ้งเหลือแต่ความปวดใจและสงสาร

ความรู้สึกขมขื่นกัดเซาะหัวใจของเขา ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกแช่น้ำจนตัวชาไม่มีแรง

บ่นงึมงำสักพักแม้ว่าเขายังโกรธเธออยู่แต่ความคิดภายในใจก็ยังอยากเดินไปหาเธอ

นัชชารู้ว่าเขาเดินมา แต่เธอยังคงก้มหน้า เธอไม่ต้องการเห็นเขาจริง ๆไม่อยากเห็นหน้าเขาสักนิด

ณัชชนม์ตั้งตัวได้เร็ว เธอนั่งตัวตรงมองไปที่ชายที่ไม่ธรรมดาคนนั้นโดยไม่มีความสะทกสะท้านใดๆ

“คุณเตชิต” ณัชชนม์เสียงเย็นชาเรียกชื่อเขา เสียงไม่สูงไม่ต่ำทำให้คนฟังรู้สึกเจ็บจี๊ด

เตชิตลดระดับเปลือกตาลงเล็กน้อยขนตาทิ้งเงาดำลงบนเปลือกตาเขาพูดด้วยทำเสียงทีฟังดูค่อนข้างขื่นขม " สภาพร่างกายของคุณลุงน่าจะไม่มีปัญหาอะไร ไม่ต้องกังวลคาดว่าการผ่าตัดจะเสร็จในไม่ช้า "

ณัชชนม์รู้สึกโล่งใจแต่สีหน้าเขายังคงเยือกเย็น ลูกสาวและสามีของเธอโดนกระทำขนาดนี้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกห่างเหินกับเตชิตไม่สามารถรู้สึกสนิทได้เหมือนเมื่อก่อน

"คุณเตชิตขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง" ณัชชนม์ขอบคุณตามมารยาท จากนั้นก็พูดต่อ "คนเรามีเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นธรรมดา พวกเราเข้าใจถึงสถาพร่างกายของเมทนีดี คุณเตชิตไม่ต้องกังวลกับพวกเราหรอกค่ะ”

คำพูดของเธอประโยคเดียวทำให้เตชิตกลายเป็นคนนอกเตชิตจะไม่เข้าใจได้อย่างไร

แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะถกเถียงอะไร เขาหันไปทางนัชชาที่นั่งเงียบตั้งแต่ที่เขาเดินเข้ามาเธอยังคงนั่งอยู่ท่าเดิมไม่ได้กระดิก

มือที่จับอยู่ที่ขากำแน่น เธอกำลังพยายามสะกดอารมณ์อยู่นั่นเอง

หลายครั้งที่เตชิตอยากจะเรียกชื่อเธอแต่สองคำง่ายๆก็ติดอยู่ที่ปาก มันหนักจนเขายากที่จะพูดออกมาในที่สุดเขาก็ยอมแพ้

ช่างมันเถอะยิ่งยุ่งกับเธอมากเธอก็ยิ่งเกลียดเขามากขึ้นรอให้เมทนีหายดีแล้วค่อยว่ากัน

เขาเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงในที่ที่ไม่มีใครสังเกตุเห็นเขากำมือแน่น ความกระสับกระส่ายใจของเขาถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิด เขาเงยหน้าขึ้นท่าทียังคงเป็นธรรมชาติ " โรงพยาบาลไม่เหมือนที่บ้าน ถ้าเกิดมีอะไรบอกผมได้ตลอดเวลา "

ณัชชนม์ชะงักไปชั่วครู่หากไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นเธอรู้สึกว่าเตชิตเป็นคนดีที่เหมาะสมที่จะฝากลูกสาวให้แต่งงานด้วยแต่ตอนนี้ ...

เธอยิ้มอย่างสุภาพแต่ห่างเหิน " คุณเตชิต พวกเราขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณ แต่บุญคุณแบบนี้เราแบกรับไว้ไม่ได้หรอก "

เตชิตไม่ได้มีท่าทีโมโหอะไรได้แต่ทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง ' นี่คือสิ่งที่ผมควรทำ ' แล้วเขาก็หันหลังเดินออกจากที่นั่นไป

เมื่อเงาของเตชิตลับหายไป ณัชชนม์ถึงรู้สึกโล่งใจขึ้นแม้ว่าเธอจะอายุเยอะผ่านเรื่องราวมามากแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเตชิตยังรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างบอกไม่ถูก

เธอหันไปที่นัชชาจะคุยกับเธอยังไม่ทันไปปริปากก็มองเห็นนัชชาน้ำตาคลอเบ้า เธอจึงพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กุมมือของนัชชาไว้พูดออกมาประโยคหนึ่ง " นี่มันเวรกรรมอะไรกันนะ ... "

……

การผ่าตัดใช้เวลานานกว่าสี่ชั่วโมง เมื่อเตียงของเมทนีถูกย้ายออกมาจากห้องผ่าตัด นัชชาตัวชาไปหมด มองเห็นไฟสีแดงที่ห้องผ่าตัดดับลง เธอก็พุ่งตรงไปที่ประตูห้องผ่าตัดทันทีมองเห็นใบหน้าซีดเซียวจนเหมือนกระดาษบนเตียง เธอประหม่าถามหมอผ่าตัดเสียงสั่น " คุณพ่อของฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอศดิศ "

"การผ่าตัดประสบความสำเร็จอย่างมาก ร่างกายของผู้ป่วยไม่มีปัญหา วันนี้เย็นหรือพรุ่งนี้ก็น่าจะรู้สึกตัวแล้วครับ การดูแลผู้ป่วยและข้อควรระวังต่างๆพยาบาลจะบอกกับคุณเอง" ถึงแม้ว่าคุณหมอผ่านการผ่าตัดกว่าสี่ชั่วโมงยังรู้สึกเหนื่อยล้ามากแต่ก็ยังปลอบนัชชาอย่างใจเย็น

นัชชาโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกพูดขอบคุณอยู่หลายรอบหลังจากเดินไปส่งหมอเสร็จเตียงของเมทนีถูกเข็นไปที่ห้องผู้ป่วยวีไอพีอารมณ์ตึงเครียดที่มีมากว่าครึ่งเดือนของเธอก็ผ่อนคลายลง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารมณ์แปรปรวนมากเกินไปหรือเปล่าทำให้เธอมึนหัวรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุนจนเสียหลักเซไปด้านหลัง ทันใดนั้นมีมือคู่หนึ่งประคองเธอไว้

เมื่อหันไปมองที่แท้คือสุวีรา

"คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ? " ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอเป็นคุณหมอหรือเปล่าใบหน้าขาวสวยสะท้อนความอ่อนโยนออกมาจากดวงตาของเธอ แม้แต่เสียงก็นุ่นนวลน่าประทับใจ

นัชชารวบความหวังในสายตาของเธอรีบยืนตรงขึ้นมา " ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ "

สุวีราเห็นความผิดหวังจากแววตาของเธอรู้ว่าเธอคาดหวังอะไรอยู่จริง ๆแล้วผู้หญิงทุกคนก็เหมือนกันปากก็บอกว่าไม่อยากเจอ ไม่อยากพบ อยากอยู่ไกลๆ แต่เมื่อถึงเวลาคับขันคนที่จะนึกถึงเป็นคนแรกก็ยังเป็นเขาคนนั้นอยู่ดี

“สีหน้าของเธอไม่ค่อยดีเลย เป็นเพราะว่าเฝ้าคนไข้พักผ่อนไม่เพียงพอหรือเปล่า?”

นัชชาส่ายหน้า " ไม่เป็นไรค่ะ "

หัวใจของเธอตายไปแล้ว เธอจะรู้สึกถึงความเหนื่อยได้อย่างไรกัน? สำหรับเธอแล้ว ยิ่งเหนื่อยยิ่งดี จะได้ไม่คิดถึงเรื่องแย่ๆอีก

อาการป่วยของเมทนีได้กลายเป็นอุปสรรคในใจของเธอซะแล้ว ปัญหาต่างๆที่เธอเคยมองข้ามได้ปรังประเดถาถมเข้ามา ทำให้เธอรู้ว่าตราบใดที่ทีนาร์ยังอยู่กับเตชิต เขาและเธอไม่มีวันที่จะสงบสุขได้

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือเตชิตเลือกที่จะเชื่อทีนาร์

เมื่อคิดถึงตรงนี้นัชชาก็ยิ้มเยาะกับตัวเอง

สุวีรามองเข้าไปในห้องผู้ป่วยแล้วกลับมามองนัชชา เธอนึกถึงเมื่อก่อนที่เห็นเตชิตสารภาพรัก หวานซึ้งกับนัชชาทำให้เธอรู้สึกอิจฉาขึ้นในใจ แต่มาวันนี้เรื่องกลับตาลปัตรกลายเป็นแบบนี้ เรื่องของคนอื่นคนนอกไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายได้แต่พูดเพราะเป็นห่วงนัชชา " ฉันจะให้น้ำเกลือเพื่อบำรุงร่างกายของเธอ เห็นเธอเป็นแบบนี้ร่างกายจะรับไม่ไหวนะ "

"ไม่เป็นไรเธอไม่ต้องลำบากหรอก ฉันยังไหว" นัชชายิ้มให้เธออย่างอ่อนแรง "การผ่าตัดของพ่อฉันผ่านไปได้ด้วยดี ฉันก็รู้สึกโล่งใจแล้วแหละ"

เมื่อเห็นเธอยืนยันแบบนั้น สุวีราก็ไม่อยากขัดเธอพูดคุยกันอีกสองสามประโยคก็ให้เธอเข้าไปในห้องคนไข้

มองด้านหลังของนัชชาร่างบอบบางของผู้หญิงตัวเล็กๆบนไหล่ของเธอเหมือนกำลังแบกรับภาระอันใหญ่หลวงในฐานะผู้หญิงด้วยกันเธอเห็นแล้วยังรู้สึกสงสารและเห็นใจไม่รู้ว่าเตชิตจะคิดอย่างไร

เขาและเธอรักกันซะขนาดนั้น แต่กลับมีเรื่องนั้นเรื่องนี้ทำให้ต้องแยกจากกันในมุมมองของคนนอกเธอยังรู้สึกทุกข์ใจอย่างบอกไม่ถูก

สุวีราส่ายหน้ารู้สึกหมดหนทางกำลังจะหันหลังเดินจากไป ไม่ทันระวังเกือบชนเข้ากับ 'ผนังกำแผงสีขาว'

เธอตกใจถอยหลังกลับ และบ่นพึมพำกับตัวเองจนเกือบไปชนกับประตูห้องคนไข้ด้านหลัง ทันใดนั้นร่างของเธอถูกใครคนหนึ่งกั้นไว้ เสียงต่ำและอบอุ่นถ่ายทอดมาจากด้านบนหัวของเธอ " ระวังหน่อยสิ "

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด