ยั่วรักทนายคนโหด นิยาย บท 226

ตอนที่ 226 เราเลิกกันเถอะ

"คุณจะคิดแบบไหนก็ไม่สำคัญหรอก เพราะคุณทำมันไปแล้ว" นัชชาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งความสัมพันธ์ของพวกเขาจะตกต่ำถึงขนาดนี้ แม้แต่เสียงของเขาเธอยังไม่อยากได้ยิน

เขาสร้างความเจ็บปวดให้เธอมากมายเหลือเกิน มากจนบดบังความรักที่เธอเคยมีให้เขาไปหมดสิ้น เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะทนต่อไปได้นานแค่ไหน

เตชิตไม่อยากทะเลาะกับเธอ เพราะรู้ดีว่าอารมณ์ของทั้งสองคนตอนนี้ไม่แน่นอน เขาจึงพยายามทำใจให้นิ่งตั้งสติแล้วพูดออกไปว่า "ลงไปทานอะไรข้างล่างก่อนเถอะ คุณยังมีไข้ต่ำๆ คุณหมอบอกว่าทานยาตอนท้องว่างไม่ได้ ทานข้าวแล้วจะได้ทานยา"

นัชชาสูดหายใจเข้าลึกไป "ฉันจะกลับบ้าน"

แน่นอนว่า บ้านที่เธอพูดไม่ใช่บ้านหลังนี้แน่ เธอหมายถึงบ้านของเมทนีและณัชชนม์

เตชิตขมวดคิ้ว เขาไม่ไว้ใจเธอในสภาพนี้ "คุณเป็นแบบนี้จะกลับได้ยังไง"

"นั่งรถ" เธอตอบแบบสั้นๆไม่อยากจะเสียเวลาขยายความ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยมีท่าทีเย็นชาแบบนี้กับเขามาก่อน

"นัชชา " เสียงของเขาทั้งต่ำและหนัก ปนความโกรธเล็กน้อยแต่เขาก็เก็บมันเอาไว้ "คืนนี้คุณนอนที่นี่ก่อน พรุ่งนี้เช้าผมจะไปส่งคุณเอง"

ทั้งสองต่างใช้ความอดทนต่ออีกฝ่าย นัชชามองเขาที่มีไม่ยอมลดราวาศอก ในใจไม่รู้จะพูดยังไง อยู่ๆก็อยากจะหัวเราะออกมา เธอไม่รู้ว่าเตชิตจะดื้อดึงเอาอะไร พวกเขาทะเลาะกันถึงขนาดนี้แล้วยังจะมีอะไรให้ต้องอาลัยอาวรณ์กันอีก หรือว่าเขาจะรักเธอจริงๆ

ถึงจะรักเธอจริง แต่ว่ามีทีนาร์มากั้นกลาง เธอก็รับไม่ได้

"ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับฉัน" นัชชา ยอมหันหน้ากลับมามองเขาแล้ว

"อืม" นัยตาชายหนุ่มเหมือนมีคลื่นใต้น้ำที่พร้อมซัดสาดอารมณ์ออกมา

"ดี งั้นเราไปคุยกัน" หญิงสาวพูดจบก็หมุนตัวเดินไปอีกทาง โดยไม่รอดูว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบกลับอย่างไร เธอเดินไปทางประตูห้องนอน เห็นเพียงหลังไวๆ "ไปที่ห้องหนังสือเถอะ"

เตชิตจากเดิมที่ขมวดคิ้วอยู่แล้ว ก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้น มือที่อยู่ข้างกายกำแน่น เมื่อถึงสิ่งที่เธอจะพูดกับเขาต่อจากนี้ ในใจเริ่มว้าวุ่นขึ้นมา

เขารู้ว่าเหตุการณ์สักวันมันต้องมาถึง ยิ่งดึงดันต่อไปก็จะยิ่งทำให้เธอเกลียดตัวเองมากยิ่งขึ้น

ชายหนุ่มหลับตาลง เหลือเพียงภาพสีดำเอาไว้ เขายืนอยู่ที่เดิมพักหนึ่ง ก่อนจะเดินไปตามทางที่หญิงสาวเดินจากไปเมื่อครู่ ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างหนักแน่นมั่นคง แต่ในทุกก้าวแฝงด้วยความร้อนรนที่คนอื่นมองไม่เห็น

ภายในห้องหนังสือ หน้าต่างเปิดอยู่ ลมที่พัดเข้าทำให้ผ้าม่านสีเทาเข้มพลิ้วไสวไปตามแรงลม ยามที่ลมพัดก็หอบเอาลมหนาวยะเยือกของเดือนสิบสองเข้ามาด้วย นัชชามองไปรอบๆห้อง ขอบตาเริ่มแดงขึ้นมา

ไม่ใช่เพราะว่าเธอเป็นคนอ่อนไหว แต่เพราะที่นี่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายของพวกเขาสองคน มาวันนี้เหมือนเป็นการบอกลา

ไม่นานก็ได้ยินเสียงเดินของชายหนุ่มตามมา เขาขึ้นมาแล้ว

นัชชากระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่ความเจ็บปวดออกจากแววตา ไม่อยากให้ตัวเองลืมจุดยืนของตน

เสียงประตูถูกปิดลง เมื่อสักครู่ยังรู้สึกว่าเปิดหน้าต่างทำให้อากาศหนาวไป แต่พอตอนนี้กลับรู้ดีที่เปิดหน้าต่างไว้ไม่อย่างนั้นคงรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก

เตชิตยังคงทำเหมือนเมื่อก่อนเวลาอยู่คนเดียว เดินไปด้านหนังโต๊ะหนังสือแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ ในแววตาที่นิ่งสงบนั้นแฝงด้วยความซุกซนร้ายกาจ "อยากพูดอะไร ก็พูดเถอะ"

นัชชาแววตาสับสนเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็กลับมาสงยเช่นเดิม เธอนิ่งเงียบอยู่สักพัก เพื่อจัดระเบียบความคิดกับสิ่งที่เธอจะพูดออกมา แต่ในสมองเธอสับสนวุ่นวายเหลือเกิน ได้แค่คิดอะไรก็พูดตามนั้น "เตชิต ตั้งแต่พวกเรารู้จักกันจนถึงตอนนี้ ก็กว่าครึ่งปีมาแล้ว วันนี้ฉันส่งจดหมายลาออกไปที่บริษัทไม่ใช่เรื่องปุบปับกระทันหัน เพราะฉันคิดทบทวนมาเกือบเดือนแล้ว ฉันจริงจังฉันอยากจะลาออก"

ทั้งสองเพิ่งจะเสร็จบทรักที่ซาบซ่านดูดดื่มมาตอนนี้กลายเป็นเหมือนคนแปลกหน้า คนหนึ่งพูด อีกคนฟัง ชายหนุ่มหลับตานิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะให้เธอพูดต่อ

"เวลาครึ่งปีที่ผ่านมา ฉันจริงใจต่อคุณ คุณเองก็จริงใจต่อฉันเช่นกัน ฉันรู้และสัมผัสได้แต่เรื่องของทีนาร์ทำให้ฉันเข้าใจว่าแค่คำว่ารักอย่างเดียวมันไม่พอ ระหว่างคุณกับฉันมันมีอุปสรรคที่ต้องก้าวผ่านมากเกินไป ทัศนคติครอบครัวของคุณที่มีต่อฉัน ความรับผิดชอบต่อทีนาร์ของคุณ มันทำให้ฉันแทบหายใจไม่ได้ ฉันเคยคิดว่าถ้าฉันอดทนสักหน่อยคงจะผ่านมันไปได้ แต่ว่าแท้จริงฉันไม่ได้แข็งแกร่งแบบที่ฉันคิด"พูดถึงตรงนี้ เธอยิ้ม

ภาพที่เธอกับทีนาร์โต้เถียงกันในวันนั้นแวบผ่านเข้ามา "วินาทีที่พ่อของฉันล้มลง ในใจฉันมีแต่ความเคียดแค้น"

แค้น

คำนี้กระแทกมาที่หู ทำให้ฟังดูตกใจไม่น้อย

เตชิตสบตาคู่ที่เขาคุ้นเคย ไม่มีความชัดเจนอยู่ในนั้น มีเพียงแสงสีดำสะท้อนออกมา เธอก็มองมา ค่อยๆพูดที่ละคำให้เขาเข้าใจชัดเจน "ฉันเกลียดทีนาร์ และฉันก็เกลียดคุณด้วย"

ความเกลียดชังเป็นชนวนให้อาการของพ่อเธอกำเริบ เกลียดความไม่เชื่อใจของเขา เกลียดการที่เขาให้ท้ายคนผิด

แม้เธอจะต้องอดทนอดกลั้นมากเพียงใด น้อยใจขนาดไหนก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามาแตะต้องคนในครอบครัวของเธอแล้วล่ะก็เธอทนไม่ได้ เธอจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคนในครอบครัวของเธอเด็ดขาด

เตชิตได้แต่มองเธออยู่อย่างนั้น ฟังผู้หญิงที่ตนเองรักที่สุดบอกว่าเกลียดตัวเองแค่ไหน ไม่ใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แม้แต่เขาเองยังสับสนไปหมด รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน สักพักก็รู้สึกดีขึ้น ผ่านไปสักครู่ก็เหมือนมีคนมาดึง

"ผมรู้ว่าคนโกรธแค้นผม" เขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือหยิบบุหรี่จากในลิ้นชักออกมาสูบ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังเป็นไข้ จึงรั้งมือไว้ "ผมรู้ว่าเรื่องนี้ผมก็มีส่วนผิด ผมรับรองว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก วันนั้นที่

ทีนาร์กลับมามันเป็นเรื่องบังเอิญ นิพิธก็ไม่ได้รายงานผม ผมก็จัดการไล่ออกไปแล้ว เรื่องอื่นคุณก็รู้หมดแล้ว ผมรีบมาแล้วแต่ก็ไม่ทัน ในใจก็รู้สึกผิดไม่น้อย เขาตกน้ำอาการสาหัส ผมก็ต้องสละเวลาไปดูเขาก่อนเลยกลายเป็นว่าละเลยคุณไป แต่การที่คุณทำแบบนี้มันทำให้รู้สึกผิดหวัง"

นัชชายอมรับผิดแต่แรกว่า เธอผลักทีนาร์ตกน้ำ ดังนั้นในใจของเตชิต จึงรู้ว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการปัญหานี้

เธอไม่ยอมอธิบาย ก็ไม่มีใครรู้ ดังนั้นเตชิตก็ยังคงเข้าใจผิดอยู่แบบนั้น

แค่ประโยคเดียวก็สามารถทำให้เรื่องทุกอย่างมันกระจ่างชัด แต่ทำไมเธอไม่พูด

เพราะนอกจากความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่เธอสนใจอีกหนึ่งสิ่งก็คือความคิดของเขา พูดไปก็ฟังดูขัดแย้งกันเอง แต่เธอก็อยากรู้ว่าหากไม่มีหลักฐานใดๆ เขาจะเชื่อในตัวเธอหรือไม่

ตอนนี้ก็ได้พิสูจน์แล้ว ว่าเขาไม่เชื่อเธอ

ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บ

นัชชาพยายามสลัดความเจ็บปวดและผิดหวังออกไป ต้องการให้เขาเห็นว่าเธอมีสติและหนักแน่นพอ "ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว พวกเราเลิกกันเถอะ ฉันไม่สามารถทำเป็นหูหนวกตาบอดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ และก็ไม่มีทางที่จะอยู่ร่วมบ้านเดียวกับทีนาร์ได้เหมือนกัน ที่พ่อแม่ฉันเคยพูดไว้ไม่ผิดเลย ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะทนรับไหวหรอก ที่ผ่านมาฉันก็แค่หลอกตัวเอง"

ตอนนี้หวนกลับไปคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา ตัวเองก็รู้สึกว่ามันช่างน่าขันเหลือเกิน

"เรื่องอื่นผมยอมคุณหมด แต่ขอแค่ไม่ให้คุณจากไปเท่านั้น"

"รวมถึงยอมให้ทีนาร์ไปจากเมืองJด้วยใช่มั้ย"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด