ยั่วรักทนายคนโหด นิยาย บท 227

ตอนที่ 227 ต่างคนต่างไป

ดวงตาทั้งสองคู่ปะทะกัน บรรยากาศภายในห้องหนังสือตึงเครียดขึ้นมา ทั้งสองรู้ดีว่าอะไรคือปัญหา แต่ปัญหานั้นก็เหมือนเงื่อนตายไปเสียแล้ว

นัชชาเป็นฝ่ายออกจากบรรยากาศตึงเครียดนั้นก่อน เธอละสายตาไปทางอื่น ก้มหน้าแล้วหัวเราะออกมา "ทำไม่ได้ล่ะสิ ไม่เป็นไรฉันเองก็ไม่ได้อยากจะบีบคุณ"

"ได้" เตชิตรีบขัดขึ้น พร้อมทั้งเสริมต่อว่า "แต่ต้องรอให้ทีนาร์กลับมาแข็งแรงดีก่อน ผมจะให้คนของผมส่งเธอกลับไป"

"หลังจากที่เธอกลับมาแข็งแรงดีงั้นเหรอ" นัชชาส่ายหน้า เสียงเบามากเหมือนพูดกับตัวเองหรืออาจจะพูดกับเขา

"เธอไม่ทางกลับมาแข็งแรงได้ง่ายๆหรอก"

หากทีนาร์รู้เรื่องนี้ เธอก็ต้องหาเรื่องให้ตัวเองกลับไปอ่อนแอตามเดิม

"เราเลิกกันเถอะ" สุดท้ายเธอก็ยังพูดประโยคเดิมออกมา "ดึงดันแบบนี้ต่อไป มันก็ไม่เป็นผลดีต่อทั้งคุณ ฉันแล้วก็ทีนาร์ ฉันไม่มีแรงจะมาเสียเวลากับพวกคุณต่อไปอีกแล้ว"

เธอใช้คำว่าเสียเวลากับความสัมพันธ์ที่ผ่านมา ไม่มีอะไรจะเจ็บปวดไปกว่านี้อีกแล้ว

"ผมเคยบอกแล้ว ว่าผมจะไม่ยอมปล่อยคุณไปเด็ดขาด ถ้าคุณยังดึงดันที่จะไปให้ได้ ก็ได้…"น้ำเสียงของเขาติดขัดเล็กน้อย ปากบางเม้มเข้ามานิด "คุณก็ลองดูว่าจะหนีออกจากเมืองJไปได้มั้ย"

นัชชาในใจรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ดวงตาเบิกโต "คุณขู่ฉันเหรอ"

"ผมไม่ได้ขู่ แต่ในเมื่อผมรั้งคุณไว้ไม่ได้" หากเขามีหนทางอื่น เขาคงไม่ใช้วิธีนี้

"เตชิต คุณทำแบบนี้ฉันยิ่งรู้สึกผิดหวังในตัวคุณ"

ทุกคำพูดของเธอเหมือนมีดแหลมทิ่มแทงกลางใจของเขา เธออาจจะไม่รู้ แต่เขากลับเจ็บจนชาไปทั้งตัว ดวงตาสีดำคู่นั้นแฝงไปด้วยความเศร้าเสียใจ ไม่อยากจะให้ใครเห็น จึงแกล้งทำนิ่งเงียบ "คุณจะคิดแบบนี้ก็ได้ แต่ผมจะไม่ให้คุณไปไหนทั้งนัั้น ผมเคยบอกคุณแล้วไง ว่าผมอยู่โดยไม่มีคุณไม่ได้"

นัชชารู้ดีว่าโต้เถียงต่อไปก็เสียแรงเปล่า เธอพยักหน้า แต่สีหน้ากลับไม่ได้เห็นด้วยกับเขาเลย "ได้ ถ้าอย่างนั้นเราสองคนก็ต่างทรมานซึ่งกันและกันแบบนี้ต่อไป ต้องมีสักวันที่คุณทนไม่ไหว"

นัชชาทำตัวเหมือนเป็นหุ่นกระบอกไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ เธอไม่เชื่อว่าผู้ชายหยิ่งทะนงอย่างเขาจะทนไหว

เตชิตไม่ชอบคำพูดแบบนี้ของเธอที่สุด ถ้าเขาเลือกได้ต่อให้ต้องมัดเธอไว้ที่นี่ เขาก็ไม่มีทางยอมให้เธอจากไป

"ทางที่ดีผมว่าคุณรีบใจอ่อนยอมอยู่กับผม ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก ถ้าคุณจะไป ผมไม่ให้ไป"

เธอเกลียดคำพูดแบบนี้ของเขา ก้าวถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างเขา "ค่ารักษาพยาบาลฉันจะจ่ายเองทั้งหมด คุณไม่ต้องมาเดือดร้อนด้วย ส่วนเรื่องลาออก ฉันคิดดีแล้ว หวังว่าคุณจะรีบเซ็นเห็นชอบ"

นัชชาไม่ได้มีท่าทียอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อย เขาไม่สงสัยเลยว่าต่อให้เขาไม่เซ็น เธอก็ไม่มีทางไปที่บริษัทอีก

เมื่อมาถึงทางตัน ทั้งสองคุยกันไม่มาก ไม่ใช่เพราะไม่อยากคุยแต่เพราะไม่รู้จะพูดอะไร ในเมื่อเธออยากจะจากเขาไปมากขนาดนั้น เตชิตเองก็ค่อยๆเริ่มเข้าใจเธอมากขึ้น

แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร

ในเมื่อเขารั้งเธอไว้ไม่ได้ เขาก็หวังแค่ให้ทีนาร์แข็งแรงขึ้นในเร็ววัน

อีกด้าน ทีนาร์มีความคิดตรงกันข้ามกับเตชิตโดยสิ้นเชิง ครั้งนี้ที่เธอกลับจากต่างประเทศ เธอไม่ได้คิดว่าจะกลับไปอีกแล้ว มาถึงตอนนี้เกิดเรื่องของเมทนีขึ้นมาอีก

แม้ว่าเตชิตจะไม่ได้พูดถึงความในใจที่มีต่อเธอแต่เขาก็ต้องมีวิธีอื่นดังนั้นเธอต้องรีบจัดการตามแผน

ช่วงที่เธอนอนพักรักษาตัวที่โรงพยายาล เธอได้ทราบข่าวดีมาจากปณิตาว่า โศจิรัตน์อาการไม่สู้ดีนัก เมื่อก่อนนั้นมีเพียงภาวะสมองตายเพียงอย่างเดียว แต่ตอนนี้มีภาวะเลือดออกในสมองและสมองลีบฝ่อร่วมด้วย

ทางโรงพยาบาลเตรียมจะแจ้งไปทางญาติผู้ป่วยแล้ว

"อีกไม่นานเตชิตก็คงรู้เรื่องนี้ คุณคิดจะทำอย่างไรต่อ"

ปณิตาพูดด้วยเสียงต่ำในลำคอ มาจากปลายสาย

โรงพยาบาลไม่เหมือนที่บ้าน ทีนาร์เข้าใจดี เธอรอให้แน่ใจว่าไม่มีคนได้ยินจึงตอบออกมาว่า "ยังไม่ต้องเอะอะอะไร เธอเฝ้าดูสถานการณ์ที่นั่นต่อไปก่อนรอให้เตชิตเคลื่อนไหวแล้วรีบรายงานฉันทันที"

"ยังต้องรอดูอีกเหรอ"

"ตอนนี้ทางฉันเองก็เกิดเรื่องนิดหน่อย ยังอยู่ที่โรงพยาบาล ถึงแม้จะเป็นอุบัติเหตุ แต่มันเป็นผลดีต่อพวกเราไม่น้อย ตอนนี้นัชชาถูกฉันบีบจนแทบจะทนอยู่ไม่ได้แล้ว เธอไม่ต้องรีบร้อน ฉันมีแผนแค่ทำตามที่ฉันบอกก็พอ"

"ฉันอยู่โรงพยาบาล หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ไม่ค่อยสะดวกจะพูดอะไรมาก เกิดใครมาได้ยินเข้า…"

"เธอต้องระวังตัวดีๆ ห้ามทำพลาดเด็ดขาด" ทีนาร์ทำเสียงเข้มกำชับปณิตา พูดจบก็กลัวว่าปณิตาจะถอนตัว จึงรีบพูดต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลขึ้นว่า "เธอไม่ต้องกังวล ฉันไม่ปล่อยให้เธอรอนานหรอก"

"ได้" ปณิตาทำท่าจะพูดอะไรต่ออีก แต่ว่าประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมเสียงพยาบาลดังเข้ามาในสาย

"คุณทีนาร์ ถึงเวลาเจาะเลือดแล้วค่ะ"

"มีคนมาแล้ว ฉันต้องวางสายแล้ว มีอะไรรีบรายงานฉันทันทีเลยนะ"พูดจบเธอก็วางสายทันที แล้วนำโทรศัพท์ซ่อนไว้ในแขนเสื้อ จากนั้นมองตัวเองในกระจกตรวจดูความเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกมา

ต่อหน้าคนอื่น เธอก็เหมือนคนที่ไม่มีพิษมีภัยกับใคร

"เมื่อกี้ไปเข้าห้องน้ำมา เชิญค่ะ"

สุดท้ายแล้วเตชิตก็ไม่ได้เซ็นอนุมัติหนังสือลาออกของนัชชา แค่ให้เธอพักงาน ในใจเขารู้ดีว่าเธอก็เหมือนหัวแข็งเช่นเกียวกับเขา อะไรที่ตัดสินไปแล้วก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้ แต่ในใจลึกๆก็ยังแอบมีความหวังอยู่

เขาก็แค่ไม่เซ็นอนุมัติ เธอก็ถือว่ายังเป็นคนของเขาอยู่ แค่นี้ก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

หลังจากที่พูดคุยกันคราวก่อน ความขัดแย้งระหว่างพวกเขาทั้งสองไม่ได้ลดน้อยถอยลง แต่กลับยิ่งทวีมากขึ้น คนหนึ่งยุ่งอยู่กับการดูแลเมทนี อีกคนยุ่งกับงานที่ออฟฟิศ แล้วก็อาการป่วยของทีนาร์ ต่างคนต่างไม่มีเวลา นัชชาเองก็ไม่แม้แต่จะมองเขา

มีหลายครั้งที่เตชิตรีบขับรถจากคฤหาสน์มาที่โรงพยาบาล แต่เขาก็ไม่ได้ขึ้นไปบนตึก เพียงแค่จอดรถอยู่ที่ด้านล่างแลล้วมองไปยังห้องที่นัชชา จุดบุหรี่ยืนสูบอยู่เงียบๆโดยไม่ได้ทำอะไรอีก

ปรัณด่าเขาอยู่บ่อยว่าชอบวางท่าไม่เข้าเรื่อง ทั้งที่จริงก็คิดถึงแทบแย่ ทำไมถึงไม่ยอมพูดออกมา คำว่าขอโทษนี่มันยากนักหรือไง

แท้จริงก็ไม่ใช่เรื่องยาก

แต่ปัญหาระหว่างพวกเขาสองคนมันซับซ้อนมากกว่าจะใช่เพียงแค่คำขอโทษมาแก้ไขได้

เรื่องเล็กๆน้อยๆสะสมจนทุกวันนี้ คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะลุกลามใหญ่โตขนาดนี้ เรื่องที่เคยกลัวว่าจะเกิดก็เกิดขึ้นแล้ว ทั้งหมดอาจจะเป็นเพราะการกลับมาของทีนาร์

คิดๆดูแล้วเขาก็ทำเลวไว้กับเธอไม่น้อย สิ่งควรทำและไม่ควรทำก็ทำมาหมดแล้ว จึงไม่อยากจะโทษเธอที่วันนี้มีแต่ความย้อนแย้ง

สิ่งที่เตชิตทำทั้งหมด นัชชาไม่เคยรับรู้และก็ไม่สนใจจะรับรู้ ในสายตาของเธอ พวกเขาสองคนก็เหมือนเส้นขนาน ความหวังเดียวในใจของเธอตอนนี้คืออยากให้เมทนีออกจากโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

โชคดีที่เมทนีฟื้นตัวเร็ว หลังจากผ่าตัดอาทิตย์ที่สองก็กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้แล้ว

แพทย์เจ้าของไข้เองก็แนะนำให้ไปทำกายภาพบำบัด แต่พอนึกถึงค่าใช้จ่ายและความสะดวกแล้ว เมทนีจึงเลือกที่จะกลับบ้าน

แม้ว่าโรงพยาบาลจะดีมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็เปรียบไม่ได้กับความสบายใจที่ได้กลับบ้าน

ในวันที่นัชชากำลังไปจัดการทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลนั้น เธอเตรียมจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดแต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ปฏิเสธ เธอเข้าใจว่าน่าจะเป็นฝีมือของเตชิต

เขาเคยบอกว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ไปเรียกเก็บที่เขา แต่ว่าตอนนี้…

นัชชากำเอกสารในมือแน่น หมุนตัวเดินไปทางห้องของผู้อำนวยการโรงพยาบาล ไม่อยากคุยกับเตชิตก็ต้องคุยกับปรัณแทน

เธอเดินไปตามระเบียงยาว แล้วหยุดยืนอยู่หน้าห้องทำงานที่ใหญ่ที่สุดในชั้นนี้ เหนือศีรษะมีป้ายสะท้อนแสงสีทองเขียนว่า สำนักงานผู้อำนวยการโรงพยาบาล

นัชชาเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาอยู่หรือไม่ เธอยกมือขึ้นเตรียมเคาะประตู แต่ทันทีทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากภายในห้อง

มือของหญิงสาวลดลงและค้างอยู่อย่างนั้น เสียงจากภายในห้องดังไม่น้อย เรียกว่าไม่ต้องแอบฟังก็ได้ยินชัดเจน ในช่วงที่เธอกำลังลังเลว่าจะเคาะประตูหรือไม่นั้น ระยะห่างระหว่างเธอกับประตูเพียงแค่สองฝ่ามืออยู่ๆประตูก็สั่นไหวขึ้นมา เหมือนด้านในมีอะไรมากระแทก

ไม่นานเธอก็ได้รู้มันคืออะไร เพราะว่า..

"คุณปรัณ คุณจะทำอะไร นี่มันที่ทำงานนะ"

เสียงผู้หญิงที่ฟังดูเหมือนจะแกล้งดุฝ่ายชายดังออกมาจากด้านใน

"คุณถามว่าผมจะทำอะไรเหรอ" เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มตอบกลับ แค่ได้ยินก็ชวนให้จินตนาการไปไหนต่อไหน

เสียงของทั้งสองคนฟังดูคุ้นหู เมื่อได้ยินอีกครั้งสมองของหญิงสาวอยู่ๆก็ปรากฎใบหน้าของคนสองคนขึ้นมาทันที ปรัณกับสุวีรา

ว่าแต่พวกเขาสองคนทำไมถึงได้มาอยู่ด้วยกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด