ยั่วรักทนายคนโหด นิยาย บท 242

ตอนที่ 242 เธอฆ่าคนแล้ว

ประตูเปิดออก นัชชาเดินมาอยู่กลางห้อง เธอมองดูหล่อนอย่างเย็นชา “นี่มันเรื่องอะไรกัน ตอนนี้บอกได้รึยัง”

“รีบร้อนอะไรกัน” ทีนาร์มีท่าทีไม่แยแส ปล่อยให้คนร้อนรุ่มเป็นไฟ

คิ้วของนัชชาขมวดเล็กน้อย เธอไม่ต้องการอยู่ตามลำพังกับหล่อนนานเกินไป “ฉันมีเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น”

ยิ่งเห็นเธอกังวลมากขึ้น ทีนาร์ยิ่งดูมีความสุข อีกสักครู่หล่อนก็จะได้พบกับความตายเตรียมบันทึกเวลาตายเอาไว้ได้เลย

“นัชชา ถ้าหากไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเตชิตแล้วล่ะก็ ฉันก็ชอบการเป็นคนตรงๆของคุณดีนะ”

นัชชาไม่คิดว่านี่เป็นคำชมอย่างจริงใจ หน้าเนื้อใจเสือเหมือนเคย เธอเมินเฉยปล่อยให้เธอเล่นละครไปคนเดียว

ทีนาร์ยกมือชี้ไปที่ตู้ฆ่าเชื้อของแพทย์ “ในนั้นมีชุดปลอดเชื้ออยู่ คุณใส่มันเอาไว้ ฉันจะพาคุณไปพบใครบางคน”

นัชชาไม่ขยับ เธอยืนนิ่งอยู่กับที่สักพัก บรรยากาศหนาวเหน็บเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม “ในขวดนี้คือยาอะไร”

“เดินมาถึงที่นี่เองก็ยังไม่วางใจอีก” ในที่สุดทีนาร์ก็ลุกขึ้นจากเตียง เธอเดินไปที่ด้านหน้าตู้และเปิดตู้ออก หยิบชุดปลอดเชื้อสีขาวสองตัวออกมา ตัวเธอเองก็สวมใส่ไปหนึ่งชุด อีกมือหนึ่งก็ชี้ไปที่ประตูอีกบาน ข้างในมีคนที่อาการหนักอยู่ ต้องใส่ชุดปลอดเชื้อถึงจะสามารถเข้าไปได้”

นัชชาสังเกตเห็นเพียง ตอนแรกเห็นว่ามันเป็นเพียงห้องอีกห้องหนึ่ง ไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเชื่อมต่อกับห้องผู้ป่วยห้องอื่น

เธอเอื้อมมือออกไปหยิบชุดปลอดเชื้อมา ถอดเสื้อโค้ทและเปลี่ยนใส่ชุดนั้นเข้าไป ทั้งสองคนไม่พูดจา หัวใจตื่นตัว เต็มไปด้วยความระมัดระวัง อากาศที่เหลืออยู่ภายในชุดปลอดเชื้อ ทำให้ผ้าถูกันจนเกิดเสียง

หลังจากห่อตัวเองอย่างมิดชิดแล้ว นัชชาก็ยืดตัวตรงขึ้นมา “ไปกัน”

เธอรู้สึกว่าท่าทีของทีนาร์ดูแปลกๆ แต่ว่าแปลกตรงไหนเธอก็ไม่สามารถบอกได้ ตั้งแต่เข้าประตูมาจนถึงตอนนี้ ความจริงแล้วก็ยังไม่ได้เกิดเรื่องอะไร

ทีนาร์พยายามปกปิดรอยยิ้มลับๆของเธอเอาไว้ เมื่อเดินไปถึงแผงกั้นเธอก็ยื่นมือดันออกไป สิ่งที่ปรากฎตรงหน้าแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

ยังคงเป็นห้องผู้ป่วยอีกห้องหนึ่ง พื้นที่มีขนาดเล็กกว่าห้องของทีนาร์เล็กน้อย แต่เครื่องไม้เครื่องมือกับไม่น้อย มีเครื่องขนาดใหญ่สีเงินทั้งสองข้างของเตียง ท่อส่วนบนเชื่อมต่อกับร่างกายของคนบนเตียง ท่อส่วนล่างเชื่อมต่อกับเตียงของโรงพยาบาล ของเหลวถูกส่งไปตามท่ออย่างต่อเนื่อง หากไม่เห็นจังหวะการเต้นของหัวใจในจอแสดงผลด้านข้าง เธอกลับคิดว่าบุคคลนี้ตายไปแล้ว

“ติ๊ด ติ๊ด”

เงียบอย่างน่าประหลาดใจ เธอได้ยินแต่เสียงของอุปกรณ์การแพทย์เท่านั้น

เท้าของนัชชาเซเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าชุดปลอดเชื้อค่อนข้างแน่นกระชับแขนทั้งสองข้าง แต่ทีนาร์ก็ไม่แยแสสนใจ ทุกอย่างดูเป็นเรื่องธรรมดา “นี่คือยายของฉัน ยายโดยสายเลือด”

เพียงไม่กี่คำนั้นทำลายความสงบนิ่งในใจของนัชชาลง เธอรู้สึกแปลกใจมาก “ว่าไงนะ”

“คุณคงไม่รู้สินะ ว่าถึงพ่อแม่ฉันจะถึงแก่กรรม แต่ยายของฉันก็ยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ว่า----” เธอมองไปยังร่างที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย “สภาพแย่มาก สมองตายมาแล้วหลายปี อยู่เหมือนผัก ไม่มีการตอบสนองใดๆ ไม่มีสติรับรู้ อาศัยเพียงเครื่องช่วยหายใจเพื่อยื้อลมหายใจไว้เท่านั้น”

ดวงตาของนัชชารู้สึกต่อต้านเป็นเวลานานกว่าที่จะตัดสินใจมองลงไปที่ใบหน้าบนหมอนสีขาว สีหน้าสงบนิ่งแต่ซีดขาวด้วยอาการป่วย ประสาทสัมผัสทั้งห้านั้นไม่รับรู้เนื่องจากอาการป่วยและความชรา ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายที่อยู่ใต้ผ้าห่มนั้น ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยตาโดยตรง แต่เธอก็ไม่สามารถจินตนาการออกได้ว่าจะผอมบางถึงเพียงใด

และคนคนนี้ก็คือ คุณยายของทีนาร์

นัชชารู้สึกลำคอของตัวเองเหือดแห้งขึ้นมา เธอละสายตาออกมาไม่อยากมองต่อไป “เธอบอกฉันเรื่องพวกนี้ทำไม”

“คุณไม่เข้าใจหรือไง” ทีนาร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันร่างกายด้านข้างไปทางนัชชา “หล่อนเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันยังอยู่ในประเทศ อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะร่างกายของฉันยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ แต่อีกทางหนึ่งฉันก็อับอาย ก่อนหน้านี้ฉันได้พูดกับเขาไว้แล้ว ว่าจะอยู่เป็นเพื่อนหล่อนอีกสักพัก เขาก็ตอบตกลง”

นัชชาตกตะลึง “นี่คือวิธีใหม่ที่คุณจะใช้มัดเขาเอาไว้รึ”

“ฉันไม่เลวพอที่จะใช้ญาติสนิทของตัวเองหรอกนะ” ทีนาร์ถอนหายใจแล้วพูด สำหรับเธอโศจิรัตน์ก็เหมือนกับคนที่ตายแล้ว “ฉันแค่หวังว่าคุณจะรู้เรื่องนี้”

ความจริงแล้ว ระหว่างทางที่เดินมานัชชาก็คิดถึงคำพูดของทีนาร์ แต่ว่าคาดไม่ถึงว่าในห้องผู้ป่วยหนักจะเจอกับหญิงชราอีกท่านหนึ่ง

เมื่อเธอกวาดสายตามองไปรอบๆวอร์ด ก็สังเกตเห็นว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องพักผู้ป่วยทั่วไป เนื่องจากอุปกรณ์การแพทย์ทั้งหมดเหมือนกับถูกเคลื่อนย้ายมา น่าจะเป็นการจัดฉาดหลังจากที่พูดคุยกับเธอเสร็จ

เมื่อเธอคิดถึงสิ่งที่เขาต้องแบกรับเอาไว้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้ ในใจเธอก็รู้สึกหนักอึ้ง

เขาทุ่มเทอย่างยากลำบากเพื่อหล่อน แต่ยังไงก็ไม่สามารถเปลี่ยนความร้ายกาจของทีนาร์ได้ ผู้หญิงคนนี้มีสันดานเห็นแก่ตัว สนใจแต่ตัวเองเท่านั้น ไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาต้องแบกรับ

ถ้าไม่ได้รับการเอาใจใส่จากชายคนนี้แล้ว ยังไงเธอก็ไม่มีทางยอมแพ้

ทันใดนั้นนัชชาก็รู้สึกว่าทนไม่ได้ บรรกาศตรงนี้ช่างน่าอึดอัดทำให้คนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง “นี่เป็นเรื่องของคุณ ไม่จำเป็นต้องมาบอกฉัน”

พูดจบ เธอก็หันตัวกลับเตรียมตัวที่จะเดินออกไปข้างนอก ทันใดนั้นสองหูเธอก็ได้ยินเสียงดัง “ติ๊ด ติ๊ด”

ด้วยสัญชาตญาณนัชชาหยุดฝีเท้าและหันกลับไปดู เธอเห็นว่าหนึ่งในเครื่องมือมีไฟสีแดงปรากฎขึ้น เธอใจหายแว๊บ “เกิดอะไรขึ้น”

ทีนาร์ยังคงมีสีหน้าจริงจัง “อาจจะเป็นเพราะระบบตรวจพบว่าสัญญาณชีพไม่คงที่”

เธอพูดพลางรีบรนถอยออกมาสองก้าว “แล้วขวดยาในชุดปลอดเชื้อของฉันล่ะ”

นัชชาเลิกคิ้ว เตรียมตัวที่จะออกไปเพื่อเรียกหมอ ปลายนิ้วเธอที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อก็สัมผัสถูกของแข็งอย่างหนึ่งเข้า เธอรีบกล่าว “อยู่ที่ฉันนี่”

ทีนาร์ไม่รอช้ารีบกล่าวต่อว่า “เธอรีบเอาไซริ้งฉีดยาแก้อับเสบที่อยู่ในขวดยาป้อนให้หล่อนเร็ว ฉันจะไปตามหมอมา ต้องรีบแล้ว!”

“ที…!” นัชชายังไม่ทันได้เรียกชื่อเธอ หลังเธอก็วิ่งห่างออกไปไกลแล้ว

เหลือเพียงเธอคนเดียวในวอร์ดคนไข้อันหนาวเหน็บ นัชชาหยิบขวดยาในกระเป๋าเสื้อเธอออกมา ของเหลวนั้นสีเหลืองเหมือนยาแก้อักเสบทั่วไป ดูแล้วไม่น่าเป็นอันตราย

เครื่องดนตรียังคงดังอยู่ เหมือนกับกำลังเดินตามรอยเท้าของสิ่งมีชีวิต ราวกับว่าอีกวินาทีต่อจากนี้บุคคลนี้จะดับสูญไป

ไม่มีช่วงเวลาให้เธอได้คิด ถึงแม้ว่าเธอจะเกลียดทีนาร์ เธอก็ทำไม่ลงที่จะยืนดูอยู่เฉยๆ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่นอนอยู่ก็เป็นยายของหล่อนเอง หล่อนคงไม่คิดฆ่าญาติคนเดียวที่เหลือของตัวเองหรอก

ด้วยความคิดดังกล่าว ในที่สุดนัชชาก็เดินมาถึงข้างเตียง และทำตามที่ทีนาร์บอกหลังจากทำความสะอาดไซริ้งเสร็จแล้วก็สูบน้ำยาในขวดเข้าไป จากนั้นก็ค่อยหยอดน้ำยาในขวดลงไป

ของเหลวในหลอดโปร่งในนิดหน่อย ภายในเวลาไม่กี่วินาที เครื่องดนตรีก็หยุดส่งเสียง เช่นเดียวกับลมหายใจของหล่อน จอแสดงผลด้านข้างกระพริบในทันที

ความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ ทุกอย่างลดลงอย่างรวดเร็ว ลดลงกระทั่งถึงขีดอันตราย….

“เป็น เป็นไปได้อย่างไร….”

เมื่อนัชชาตื่นตระหนก ประตูที่ด้านหลังก็ถูกผลักออก ในเวลานี้นอกจากทีนาร์ ยังมีพยาบาลสองคนและหมอสวมชุดกาวน์สีขาว

หมอท่านนั้นแทบจะบินเข้าไป เขาเปิดเปลือกตาของโศจิรัตน์และสังเกตการขยายของรูม่านตา และดูผลที่เครื่องดนตรีทางด้านข้าง ทันใดนั้นสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นไซริ้งที่อยู่บนตู้จึงรีบถามเธอ “คุณทำอะไรลงไป!”

“ฉัน ฉันไม่ได้ทำอะไร….” ในช่วงเวลานั้นนัชชาทำอะไรไม่ถูก เธอมองไปที่ทีนาร์หวังว่าหล่อนจะพูดอะไรออกมาบ้าง หลังจากที่ดวงตาทั้งสี่ประสานกัน เธอก็รู้ ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว

เพราะเธอเห็นรอยยิ้มในดวงตาของทีนาร์อย่างชัดเจน หล่อน ต้องการใช้เธอฆ่าโศจิรัตน์!

อุณหภูมิในร่างกายของนัชชาถูกลบออกไปอย่างรวดเร็ว การตกลงไปในนรกนั้นหนาวเย็นมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด