ยั่วรักทนายคนโหด นิยาย บท 247

ตอนที่ 247 เรื่องของชายหญิงมักตรงไปที่ใจของผู้คน

ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ ยังไม่ถึงครึ่งวันแต่กลับรู้กันทั่วทั้งเมือง แม้ว่าเรื่องไม่ได้เกี่ยวกับเขา มันเกี่ยวข้องกับปรัณและโรงพยาบาลของตระกูลปรัณ นี่คือสิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการเห็น

เรื่องในมือเป็นของร้อน จะทิ้งไปก็ไม่ได้ จะเก็บไว้ก็ไม่ได้ ถ้าหากว่ายอมแพ้ สถานการณ์ของนัชชาก็จะตกอยู่ในที่นั่งลำบากมาก แต่ถ้าหากว่าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ปรัณก็ต้องมารับผิดชอบแทนเขา

ไม่ว่าผลลัพธ์แบบไหน ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

ความจริงแล้วขอแค่เพียงยื้อเวลาที่เรื่องจะถึงมือตำรวจเท่านั้น แต่ตอนนี้การโทรแจ้งความของทีนาร์นั้นทำให้เรื่องราวกลับสับสนยิ่งขึ้น

นอกจากสิ่งนี้ เขายังอยากรู้ว่า เธอรู้ได้อย่างไรว่าโศจิรัตน์เสียชีวิตแล้ว

อาการสั่นของทีนาร์นั้นเห็นได้อย่างชัดเจน ด้วยข้อผิดพลาดดังกล่าว แม้ว่าเธอจะเก่งกาจเรื่องการแสดงสักแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจสะกดกั้นอารมณ์ที่สั่นไหวเล็กน้อยนั้นไว้ได้

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงไม่ได้ปกปิดแต่จงใจบิดเบือนความจริง “ใช่สิฉันก็ต้องรู้อยู่แล้ว ฉันเห็นกับตาว่านัชชาถือเข็มฉีดยาอยู่ ถ้าหากว่าคุณยายยังไม่ตาย ทำไมพวกคุณไม่ให้ฉันพบท่าน! ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของเธอก็แทบจะทนอะไรไม่ไหวอยู่แล้ว!”

“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ว่ามา ทำไมอยู่ๆกลางดึกถึงตามให้คนอื่นมาพบที่โรงพยาบาล” พูดถึงตรงนี้ การนัดพบกันครั้งนี้ทีนาร์เป็นคนริเริ่ม

“ฉันไม่รู้ว่าพี่จะโมโหขนาดนี้ ฉันแค่อยากจะคุยกับเธอให้ชัดเจน ฉันยอมรับว่าฉันต้องการใช้สิ่งนี้ทำให้เธอยอมถอนตัว แต่ฉันไม่คาดคิดว่า….” น้ำตาของทีนาร์ทะลักออกมา ร้องอย่างน่าสงสารราวกับว่าเพิ่งจะสูญเสียบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป “ไม่คิดว่าเธอจะเลวได้ถึงขนาดนี้ แม้แต่คนแก่ก็ยังไม่เว้น!”

“เลวรึ” เตชิตมองใบหน้าของเธอที่น้ำตานองเต็มหน้า ไม่เพียงไม่มีความเจ็บเท่านั้น แต่ยังรู้สึกแดกดันอีกด้วย “ฉันจะตรวจสอบจนกระทั่งน้ำลดตอผุด มาดูกันว่าใครที่เลว”

“พี่เตชิต!” ทีนาร์เห็นว่าเขากำลังจะไปจึงตะโกนเรียก ชายคนนั้นไม่หยุดฝีเท้าจะเงาหลังกำลังจะหายวับไป

เธอรีบรนไปขวางทางด้านหน้าและกอดลำตัวของเขาไว้ “ฉันสูญเสียพ่อแม่ไปเพราะพี่ ตอนนี้ฉันยังต้องสูญเสียญาติคนสุดท้ายของฉันไปเพราะคนที่พี่รัก ถ้าหากว่าพี่มีความสำนึกเสียใจอยู่บ้างก็ไม่ควรทำกับฉันแบบนี้!”

“...........”

“ยายฉันตายไปแล้ว แต่พี่กลับสงสัยว่าฉันเป็นคนทำอย่างนั้นหรอ” ทีนาร์ยิ้มเบาๆ หัวเราะอย่างหมดจนหนทาง ในใจเธอต้องการให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อ และนัชชาเป็นคนร้าย “ฉันเกลียดหน้าหล่อน ชั่วร้ายนัก ฆ่าญาติของฉันได้ยังไง ฉันยังมีชีวิตนะ! แต่ยายน่ะไม่ใช่แล้ว ฉันเสียใจมากดังนั้นฉันต้องการที่จะเปิดโปงนัชชา ฉันผิดตรงไหน ฉันแค่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม!”

ในทุกประโยคที่ทีนาร์พูดนั้นไม่ผิด แต่เมื่อไปถึงหัวใจของเตชิตกลับกลายเหมือนเป็นมีด เธอชี้ทุกอย่างไปที่นัชชา ผลักทุกอย่างให้หล่อน ต้องการให้เขาเชื่อว่านัชชาคือฆาตกร

ผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่เริ่มต้น เขาก็รู้ เธอเรียบง่ายและดีงาม ไม่มีใครสามารถเปรียบเทียบได้ ดวงตาที่โค้งงอเมื่อเวลายิ้ม เมื่อร้องไห้เหมือนน้ำตกที่ทะลักออกจากปาก ชัดเจนและใสสะอาดทั้งหัวใจ

คนเลวจะไม่มีแววตาที่เด็ดเดี่ยวเช่นนี้ เมื่อเธอร้องไห้และบอกเขาว่า ทำไมเขาถึงไม่เชื่อเธอ

เตชิตแกะผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังของเขาออก เขาไม่แม้แต่จะมองเธอ แค่ก้มหน้าลงเล็กน้อย “ฉันจะตรวจสอบความจริงของเรื่องนี้ สำหรับความตายของพ่อแม่เธอ… พวกท่านตายเพราะฉันจริงๆ ฉันเป็นหนี้พวกท่าน ไม่ใช่เธอ”

“ฉันเป็นลูกสาวของพวกท่านนะ พี่ไม่ได้เป็นหนี้ฉันได้ยังไง!” ทีนาร์กระตุ้นเตือนไปให้ถึงหัวใจเขา การตายของพ่อแม่เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอ “พี่มีคุณสมบัติอะไรถึงได้มาลอยหน้าพูดเรื่องพวกนี้ ชีวิตคนฟ้าดินกำหนด การจากไปของพวกท่านมีความหมายต่อฉันอย่างไรพี่ไม่มีทางรู้!”

นี่เป็นครั้งแรกในหลายปีที่ผ่านมาที่ทีนาร์พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่เธอไม่ใส่ใจ ไม่ใช่ไม่ถือสา แต่หลังจากที่เตชิตดูแลเธอมานานหลายปีทำให้เธอลืมที่จะเกลียด ตอนนี้เขาพูดเช่นนี้ ปลุกความเกลียดในใจเธอขึ้นมาอีกครั้ง

“ถ้าพวกท่านยังมีชีวิตอยู่ พวกท่านจะไม่ยอมปล่อยให้ฉันมีชีวิตอยู่เช่นนี้แน่ ชีวิตแบบนี้ ต้องอยู่ในห้องทุกวันไปไหนไม่ได้ ไม่ได้เห็นอะไรทั้งนั้น พี่ตำหนิฉันว่าครอบงำพี่ แต่ที่ชีวิตฉันเป็นอย่างนี้ฉันก็ไม่ได้ต้องการ! ในโลกนี้นอกจากพี่ ฉันก็ไม่มีอะไรเหลือให้คิดถึงอีกแล้ว พี่จะให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไง!”

ความสัมพันธ์นี้ ถูกลิขิตให้อิจฉาและทรมานซึ่งกันและกัน เว้นเสียแต่ว่าใครคนใดคนหนึ่งจะจากไปตลอดกาล ไม่เช่นนั้นมันก็จะผูกพันกันอยู่เช่นนี้ตลอดไป

เตชิตมีความรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังรับน้ำหนักที่โหลดเกินไปหนึ่งร้อยเท่า เขาเป็นเหมือนชายชราผู้โดดเดี่ยวซึ่งเดินอยู่กลางทะเลทราย หลังโค้งงอ ก้าวโซไปเซมา ความคิดต่างๆพรั่งพรูเข้ามาจนอยากยอมแพ้แต่ก็ต้องเดินต่อไป

เหนื่อยเหลือเกิน มันเหนื่อยเหลือเกิน

เสียงร้องไห้ของทีนาร์ยังคงดังตามมาทางด้านหลัง แต่เตชิตกลับไม่หยุดแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับไปมองและเปิดประตูเดินออกไป

“ตึก” เสียงล๊อคประตูปิดลง ความสงบสั้นๆ

หัวใจเต้นรัว ชีพจรเต้นเร็ว เลือดทั้งหมดในร่างกายพลุ่งพล่านทั้งแขนขา เขาพยายามที่จะหาวิธีที่จะรักษาสมดุลของความดันเลือด

เตชิตเดินเข้าลิฟต์ไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้ว่าตัวเองก้าวไปกี่ก้าวเลี้ยวไปกี่รอบ รู้แต่ว่าเมื่อเปิดประตูและเห็นใบหน้าที่คุ้นตา ก็ไม่สามารถรักษาระดับพละกำลังในร่างกายไว้ได้อีกต่อไป

นัชชามองไปที่ผู้ชายที่เดินเข้ามา สองตาของเขาแดงก่ำ ก็รู้สึกขวัญหาย “คุณเป็นอะไร….โอ๊ะ!”

พูดยังไม่ทันจบ เงามืดที่อยู่ตรงหน้า ชายคนนั้นประทับจูบลงบนริมฝีปากที่เรียวบาง ริมฝีปากที่นุ่มนวลถูกเบียดไปถึงฟันของเขา เขาจูบเธออย่างใจจดใจจ่อและตั้งใจที่กลืนกินทุกคำอย่างรุนแรง เขาไม่สนใจว่ามันจะเลยถึงมุมปาก

นัชชาถูกพรากลมหายใจทั้งหมดไป เหมือนปลาที่เกยตื้นและเขาคือน้ำทะเลของเธอ เขาเข้าใกล้เธอจึงจะสามารถหายใจได้ ดังนั้นเธอได้แต่คล้อยตามไป

อารมณ์หนักแน่นมาก พูดอะไรก็ไม่สำคัญ เพียงเท่านี้ถึงจะสัมผัสได้ของการมีอยู่ของกันและกันด้วยความใกล้ชิดนี้และพื้นที่หายใจเพียงเล็กน้อยนี้เท่านี้

พวกเขาอ้างว้างเกินไป เศร้าเกินไป การกอดกันเท่านั้นที่จะสามารถบรรเทาความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้

เตชิตเหงื่อออกเยอะมาก ดูเหมือนว่าจะเปียกโชกไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าถอดแจ๊คเก็ตออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เสื้อเชิ้ตชุ่มเห็นแผ่นกายขนาดใหญ่ เขาไม่เคยปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในอ้อมอกของเขา ความแข็งแกร่งนั้นเมื่อผลักเธอลงบนเตียงกลับช่างอ่อนโยนเหลือเกิน “นัช นัช….”

เขาเรียกชื่อเธออย่างสนิทสนม นัชชากลับได้ฟังเรื่องโศกเศร้ามานับพันจนทำอะไรไม่ถูก เขาถามเธอว่า “นัชชาผมควรทำอย่างไรดี นัชชาเป็นคุณจริงๆใช่ไหม….”

นัชชารู้ เธอเข้าใจทุกอย่าง แต่ไม่มีหนทางที่จะจัดการแทนเขาได้ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร

ที่หน้าต่างชั้นล่าง กล้องโฟกัสระยะใกล้ระยะไกลนับไม่ถ้วนกำลังเล็งไปยังตึกอันสวยงามของโรงพยาบาล ผู้ที่มีสายตาเย็นชากำลังค้นหา “ความจริง” ที่พวกเขาต้องการ

ในห้องด้านในหน้าต่าง นัชชาอยู่ใต้ร่างกายของเขา เธอกลายเป็นขนนก เปลี่ยนกลายเป็นสิ่งที่เขาชอบ พยายามปลอบผู้ชายคนนี้ที่ใจกำลังแตกสลาย

เรื่องระหว่างชายหญิงมักตรงไปที่เรื่องของใจ เรื่องราวมากมายที่ผ่านมากระทบลึกลงในจิตใจของนัชชา

ใช่แล้ว เขาเหนื่อยมามากแล้ว ทำไมเธอยังจะบังคับเขาอีกล่ะ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน อารมณ์ค่อยๆสงบนิ่งลง นัชชาอดทนต่อความเจ็บปวดของร่างกายและหยิบเสื้อผ้าเพื่อสวมใส่ ช่วงนี้เธอผอมลงมากเลยดูเพรียวขึ้น เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับต้นไผ่เย็นต้นหนึ่ง

เมื่อเธอพูดประโยคนี้อย่างสงบ เขาก็ไม่สามารถแสร้งทำเป็นไม่สนใจอีกต่อไป-----

“ฉันจะไปที่สถานีตำรวจ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด