อ่านสรุป ตอนที่418พบผู้ใหญ่ด้วยกัน จาก ยั่วรักทนายคนโหด โดย สายฝน
บทที่ ตอนที่418พบผู้ใหญ่ด้วยกัน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ ยั่วรักทนายคนโหด ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย สายฝน อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่418พบผู้ใหญ่ด้วยกัน
หลังจากคุณจุลินทร์ได้ยินก็ชะงักไปชั่วครูใช้น้ำเสียงอย่างราบเรียบ"จันทร์จิราเองหรอกหรอมีอะไรถึงได้โทรหาฉันตอนนี้"
"พูดไปก็อายก่อนหน้านี้เตชิตกับประทินกำลังคบหากันอยู่อยู่ดีๆไม่รู้เขาเป็นอะไรไปอารมณ์ไม่ดีดูเศร้าซึมฉันเห็นท่าไม่ดีเลยคุยกับลูกถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงรู้ว่าเขาทะเลาะกับเตชิตฉันถามรายละเอียดเขาก็ไม่ยอมพูดหรือเราลองเรียกเตชิตมานั่งคุยกันพร้อมหน้าคุณว่าดีไหม?”จันทร์จิราพูดอย่างระแวดระวังกลัวว่าจะทำให้คุณจุลินทร์ไม่พอใจ
ที่จริงตั้งแต่ที่เตชิตประกาศกับตระกูลว่ามีลูกกับนัชชาแล้วคุณตาคุณยายแห่งตระกูลจิวะพงษ์ก็คิดว่าจะห่างเหินกับครอบครัวนี้แล้วเมื่อก่อนไม่รับรู้ก็คือไม่รับรู้แต่ตอนนี้รับรู้แล้วเมื่อข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกก็ไม่อยากลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องอีก
ในเวลานี้ได้ยินเธอพูดแบบนั้นชายชราขมวดคิ้ว"จันทร์จิราเรื่องของพวกเขาไม่ใช่เรื่องที่ผู้ใหญ่อย่างเราจะเข้าไปก้าวก่ายเธอก็รู้นิสัยของเตชิตหมอนั้นใครพูดก็ไม่ยอมฟังหรอกถึงแม้ว่าเราจะเรียกเขามาคุยถ้าเขาไม่ฟังมันก็เท่ากับว่าเสียเวลาเปล่า"
ได้ยินดังนั้นจันทร์จิราก็เข้าใจหมดทุกอย่างดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่อยากยุ่งเรื่องของหลานแล้วทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจพูดไปเธอก็เป็นผู้หญิงที่ชอบใช้อารมณ์เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจทันที"คุณจุลินทร์ประทินลูกสาวของฉันเป็นเด็กดีแกคบกับเตชิตมาก็สองสามปีแล้วแต่พอเกิดเรื่องขึ้นคุณบอกว่าให้พวกเขาเคลียกันเองไม่สนใจแบบนี้มันจะขาดความรับผิดชอบไปหรือเปล่า"
"การบังคับขืนใจคนมันไม่ดีหรอกนะเพราะฉันเป็นผู้ใหญ่ถึงต้องทำแบบนี้"คุณจุลินทร์แม้จะอายุมากแล้วแต่สมองยังใช้การได้ดีอยู่รู้จักใช้คำพูดของฝ่ายตรงข้ามตอกกลับ"เมื่อก่อนใช่ว่าฉันจะไม่เคยสนับสนุนให้เด็กทั้งสองคบกันแต่สุดท้ายไม่เหมาะสมกันฉันเป็นผู้ใหญ่พูดไปก็ไม่มีประโยชน์จะพูดไปคนที่ต้องอยู่ด้วยกันเป็นเขาสองคนไม่ใช่พวกเรา"
จันทร์จิราจะไม่รู้เหตุผลเหล่านี้ได้อย่างไรแต่เมื่อเธอนึกถึงท่าทีของประทินเมื่อครู่เธอก็ไม่คิดถึงสิ่งอื่น"คุณจุลินทร์ฉันคิดว่าเรื่องนี้จำเป็นที่จะต้องพูดอะไรกันสักหน่อยเรื่องนี้มันก็นานมากแล้ว..."
“จันทร์จิราถ้าเธอพูดแบบนี้ฉันก็ไม่ค่อยชอบสักเท่าไรไม่ใช่แค่ประทินที่เสียเวลาเตชิตก็เสียเวลาเหมือนกันเด็กทั้งสองคนเป็นเด็กที่ฉลาดเป็นตัวของตัวเองอยู่ที่ไหนก็เป็นที่สะดุดตาของผู้ที่พบเห็นอย่าให้เรื่องพวกนี้ทำให้ความสัมพันธ์ร้าวรานเลยมันจะทำให้เด็กทั้งสองคนไม่มีทางถอยหลัง"
ประโยคที่เขาพูดออกมามีคำเตือนอยู่ในนั้นแล้ว
จันทร์จิรารู้สึกถึงความไม่พอใจจากน้ำเสียงฝ่ายตรงข้ามแม้ว่าเธออยากจะเถียงแต่เห็นแก่หน้าเตชิตอีกอย่างเธอก็ไม่กล้ากระทบกระทั้งกับคุณจุลินทร์ตรงๆจึงทำดีที่สุดได้เพียงแค่นี้"ถ้าอย่างนั้นก็ได้ฉันจะลองไปเกลี้ยกล่อมประทินดูคุณก็ลองไปเกลี้ยกล่อมเตชิตดูเป็นผู้ใหญ่กันแล้วถ้ามีปัญหาอะไรกันก็ควรคุยกันต่อหน้า"
ประทินยืนอยู่ระเบียงชั้นบนฟังบทสนทนาระหว่างแม่ของเธอกับคุณจุลินทร์เมื่อฟังถึงนี้ก็รู้ว่าหมดหวังเธอจะไม่ได้เจอกับเตชิตอีก
ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัวความคับแค้นที่เมื่อกี้เพิ่งจะสงบลงก็กลับมากลืนกินหล่อนอีกครั้ง
ยังไม่ทันที่จันทร์จิราจะขึ้นมาถึงชั้นบนหล่อนก็หันหลังกลับไปที่ห้องปิดประตูเสียงดัง'ปัง'ความดังของเสียงทำให้หูชาทีเดียว
เธอเห็นท่าทางประทินแบบนั้นก็เป็นห่วงมากขึ้นรีบเดินกึ่งวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบนเธอเคาะประตูอย่างต่อเนื่อง"ประทินประทินลูกมีอะไรค่อยๆคุยกันก็ได้นิลูก"
"ออกไปให้พ้นให้หนูอยู่คนเดียวสักพัก!"ประทินโมโหอาละวาดทำลายข้าวของขว้างปาทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะขบเคี้ยวเขี้ยวฟันพูดดีๆไม่มีใครสนใจใช่ไหมได้สงสัยฉันต้องใช้วิธีอื่นแล้วแล้วจะมาโทษฉันทีหลังไม่ได้นะ!
......
หลังจากนัชชาตัดสินใจที่จะอยู่ต่อวันที่สองเตชิตก็พาเธอไปที่สถานีตำรวจเพื่อเพิกถอนสถานะเป็นบุคคลสาบสูญและทำชื่อเข้าทะเบียนบ้านเหมือนเดิมเป็นเพราะเวลาที่เธอหายตัวไปผ่านมาหลายปีจึงต้องให้เธอไปทำเรื่องดำเนินการกรอกรายละเอียดในแบบฟอร์มก่อน
หลังจากเดินเข้าไปในสถานีตำรวจคนที่มาต้อนรับเธอก็คืออธิบดีสถานีที่ทำการระงับสถานะของเธอนั้นเองท่านตฤณเข้าไปทักทายกับเตชิตหลังจากนั้นก็มองไปที่นัชชา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อนเขาเป็นคนรับเรื่องมาโดยตลอดดังนั้นสำหรับเขาแล้วนัชชาเหมือนคนแปลกหน้าที่คุ้นเคย
"คุณนัชชาไม่ใช่เรื่องง่ายเลยห้าปีให้หลังผมยังพบกับคุณอีกผมดีใจจริงๆ!"
นัชชาจ้องมองไปที่ถนนด้านนอกหน้าต่างถามเตชิตอย่างงงๆ"เราไม่กลับบ้านเหรอ?คุณมีธุระอย่างอื่นเหรอคะ?"
"เราจะไปบ้านตระกูลจิวะพงษ์"เขาแอบมองเธอแวบหนึ่ง"ผมกลัวว่าหล่อนจะตื่นเต้นเลยไม่ได้บอกเธอก่อนของอย่างอื่นฉันซื้อเตรียมไว้หมดแล้ววางไว้ที่หลังรถ"
นัชชารู้สึกตะลึงไปชั่วครู่ถึงได้เข้าใจว่าทำไมวันนี้ประรมถึงไม่ได้ขับรถมาเองที่แท้ก็มาส่งของให้
เมื่อนึกถึงสองตายายแห่งตระกูลจิวะพงษ์ใจของนัชชาก็ล่วงมาที่ตาตุ่ม“ผมผมไปแล้วจะทำอะไรต้องให้ผมพูดอย่างไร?”
ชายหนุ่มยิ้มและยื่นมือไปจับมือเธอเพื่อให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้น"เธออยากพูดอะไรก็พูดได้เลย"
"จะทำอย่างนั้นได้ยังไงยิ่งพวกท่านไม่ชอบฉันอยู่แล้วด้วยถ้าฉันพูดอะไรผิดไปล่ะก็......"นัชชาเม้มปากที่จริงเธอเป็นห่วงท่าทีที่สองตายายจะแสดงกับเธออีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องที่เธอไปอาละวาดเพราะธีมนต์หายตัวไปทำให้เธอหวาดหวั่นใจอย่างมาก
ที่เธอไม่พูดออกมาเพราะกลัวเตชิตอยู่ตรงกลางจะอึดอัดใจแต่เรื่องแบบนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกเครียดจนแทบอยากจะอ้วก
เตชิตมองแปบเดียวก็เดาความคิดของเธอออกก่อนหน้านี้เขาเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว"เมื่อคืนนี้ฉันโทรไปหาที่บ้านแล้วเธอวางใจเถอะพวกท่านไม่ทำอะไรเธอหรอก"
แม้ว่า'การให้อภัย'ของทั้งสองตายายจะเป็นเพราะความเอ็นดูที่มีต่อธีมนต์แต่ต้องพูดว่าเป็นเพราะ
ธีมนต์ทำให้ท่าทีของคนชราทั้งสองยอมรับในตัวเธอมากขึ้นไม่ว่าเพราะอะไรก็ดีถ้ามันไปในทางที่ดีก็ย่อมดีกว่าเสมอสำหรับเรื่องความรู้สึกและอื่นเธอเชื่อมั่นว่าเธอสามารถค่อยๆทำให้มันดีขึ้นได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด
แจ้งความแม่มเลยค่ะ ลักพาตัว ทำร้ายร่างกาย งงนะ พระเอกนางเอกไม่มีใครด่าเลยว่าทำไมพาเด็กมาโดยไม่ขอก่อน...