ยัยหมอวายร้ายที่รัก นิยาย บท 293

คิดไม่ถึงว่าเจ้าพ่อแห่งโลกการเงินคนนี้จะยอมยื่นข้อเสนอที่รุนแรงแบบนี้เพื่อทดสอบเส้นหมี่

เขาจะให้เธอโจมตีหิรัญชากรุ๊ปจริงหรอ

เขาเป็นบ้าไปแล้ว!

ในเรื่องความสามารถของหิรัญชากรุ๊ปแล้วพูดได้เลยว่าเธอไม่สามารถโค่นได้และถึงแม้เธอจะทำจริงเมื่อรวมกับความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างแย่ของเธอกับชายคนนั้นแล้วเขาอาจจะฆ่าเธอเลยก็ได้

เส้นหมี่โกรธมากจนนิ้วของเธอเปลี่ยนเป็นสีขาว

เมื่อพี่คณาธิปเห็นอย่างนั้นเขาจึงรีบแก้สถานการณ์"คุณอีริคเรื่องนี้…มันยากเกินไปหรือเปล่าหิรัญชากรุ๊ปไม่ใช่บริษัทเล็กๆเขาเป็นถึงกลุ่มบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่นะครับ"

"ใช่ไงก็เพราะว่าเป็นอย่างนี้ฉันถึงใช้มันมาทดสอบเธอคุณสวยใสคุณรู้มั้ยว่านัดแรกในโลกการเงินของผมผมโจมตีอะไร"

"อะไรคะ"

"ผมโจมตีหิรัญชากรุ๊ปครั้งนั้นผมได้เงินมาสองร้อยล้าน!"

ชายวัยกลางคนใบหน้าอ้วนกลมยกนิ้วขึ้นมาสองนิ้วและเริ่มพูดอวดกับเส้นหมี่

เส้นหมี่ตกตะลึงไปทันใด!

หิรัญชากรุ๊ปเคยต่อสู้กับเขาด้วยหรอตั้งแต่เมื่อไหร่กันตอนที่ผู้ชายคนนั้นเพิ่งรับตำแหน่งหรือเปล่า

ได้ยินมาว่าตอนนั้นเขาถูกกดดันจากทุกทิศทางผู้ถือหุ้นเก่าแก่จำนวนมากในบริษัทไม่ยอมรับเขาทุกย่างก้าวในบริษัทของเขาลำบากมากและก็เป็นตอนนั้นหรือเปล่าที่สัตว์ร้ายตัวนี้เริ่มโตมตีเขา

เส้นหมี่โกรธมาก

ถึงเธอจะพูดกับผู้ชายชาติหมาคนนั้นอยู่เสมอว่าเธอกับตระกูลหิรัญชาของเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้วแต่เมื่อได้ยินเรื่องนี้เธอก็ไม่ได้รู้สึกยินดีกับความโชคร้ายของเขา

แถมยังรู้สึกโกรธ

เขามีสิทธิ์อะไรไปรังแกเขา

เส้นหมี่นั่งลงเปิดโน๊ตบุ๊กที่เตรียมไว้อยู่แล้วบนโต๊ะ"คุณอีริคแค่ฉันทำให้หุ้นของเขาตกลงมาก็พอแล้วใช่ไหม"

"แน่นอน"

"ถ้าฉันทำอย่างนี้แล้วโดนฝ่ายธนาคารของเขาตรวจสอบเจอจะทำยังไงฉันได้ยินมาว่าระบบรักษาความปลอดภัยของหิรัญชากรุ๊ปแข็งแกร่งมากถ้าเราทำแบบนี้โดยฝ่าฝืนกฎพวกเขาจะต้องตรวจเจอได้อย่างง่ายได้"

เส้นหมี่เตือนด้วยความกรุณา

แต่อีริคคนนี้เป็นคนยโสโอหังเขาจึงไม่เห็นด้วย"ไม่เป็นไรเธอทำไปได้เลยตราบใดที่ยังอยู่ในระบบของฉันจะไม่มีใครตรวจเจอทั้งนั้น"

เมื่อเส้นหมี่ได้ยินอย่างนั้นจึงเริ่มดำเนินการ

บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่เพิ่งได้หุ้นตัวใหม่มาการจะทำให้คุณของเขาตกทั้งที่เพิ่งติดอันดับขึ้นมาเป็นไปได้น้อยมาก

เพราะเมื่อนักลงทุนซื้อหุ้นพวกเขาก็มักจะมองหาที่มาของเงินทุนที่อยู่เบื้องหลังหุ้นด้วยหิรัญชากรุ๊ปเป็นบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ระดับโลกจึงเป็นที่น่าจับตามองอย่างไม่ต้องสงสัย

แถมบริษัทยังมีการปั่นหุ้นด้วย

ดังนั้นการจะทำให้หุ้นตกเป็นไปได้ยากมาก

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้เส้นหมี่เริ่มเข้าสู่บัญชีเปล่าในระบบจากนั้นไม่นานก็มีเงินจำนวนมากไหลเข้าบัญชีนี้ไม่รู้ว่ามาจากไหน

และในขณะเดียวกันฝ่ายหลักทรัพย์ที่สำนักงานใหญ่ของหิรัญชากรุ๊ปในเมืองaก็เริ่มส่งสัญญาณเตือน!

"ผู้ช่วยเคแย่แล้วตลาดหุ้นของบริษัทกำลังปั่นป่วนท่านประธานกลับมาหรือยังเรื่องด่วนมาก!"

"อะไรนะ"เคมีที่นั่งจมอยู่กับกองเอกสารในห้องทำงานผู้บริหารเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์เขาก็เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารกองโตตรงหน้าทันที

"ปั่นป่วนยังไง"

"หุ้นตัวใหม่ที่เราเพิ่งได้มาอยู่ดีๆก็ถูกขายออกเป็นจำนวนมากอย่างไม่มีสาเหตุอย่างนี้ผิดปกติมากถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปคุณต้องตกแน่นอน!"

"เชี่ยอะไรเนี่ย!"

เคมีรีบวางสายโทรศัพท์และเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา

และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆเขาเห็นว่าหุ้นบริษัทที่เพิ่งได้มาและกำลังราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นตอนนี้เริ่มราคาตกแล้ว

พระเจ้าช่วย!

เคมีเริ่มกระวนกระวายขึ้นมาเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกอย่างรวดเร็ว

"ตู้ด….ตู้ด..ตู้ด…"

ผ่านไปหลายสิบวินาทีในที่สุดปลายสายก็ได้ยินและรับสายด้วยความเกียจคร้านฟังแล้วเหมือนว่างมาก

"มีอะไร"

"ท่านประธานช่วงนี้คุณทำอะไรอยู่กันแน่บริษัทเกิดเรื่องใหญ่แล้วหุ้นตัวใหม่อยู่ดีๆก็โดนขายไปเป็นจำนวนมากถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปหุ้นจะตก"

เมื่อเคมีได้ยินเสียงนี้เขาก็แทบจะร้องไห้ออกมา

แต่ปลายสายกลับไม่ร้อนรนอะไรเลย

หลังจากได้ยินข่าวนี้ไม่รู้ว่าเคมีกำลังหลอนไปเองหรือเปล่าถึงรู้สึกว่าคนฟังเหมือนจะดีใจมาก

"งั้นก็ให้มันตกไปเลย"

"คุณว่าไงนะ"เคมีนึกว่าตัวเองฟังผิด"ให้มันตกท่านประธานคุณฟังอะไรผิดหรือเปล่านั่รเป็นหุ้นของบริษัทเรานะจะให้มันตกได้ยังไง"

"ไม่ได้ฟังผิดนายไปบอกฝ่ายหลักทรัพย์ของเราด้วยว่าอย่ายุ่งกับเรื่องนี้มันจะตกก็ให้มันตกให้มันตกเสร็จแล้วค่อยไปตรวจสอบ"

"…"

ท่านประธานต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

ไม่ใช่แค่นิสัยบ้าๆบอๆที่ครึ่งเดือนก็ยังไม่ยอมมาปรากฏตัวเท่านั้นแม้แต่สมองก็ยังบ้าไปด้วยตอนนี้หุ้นของตัวเองกำลังตกยังไม่สนใจอีก

เคมีวางสายด้วยความสิ้นหวังผ่านไปนานมากกว่าเขาจะแจ้งฝ่ายหลักทรัพย์ให้เพิกเฉยต่อเรื่องนี้

สองชั่วโมงถัดไปในคฤหาสน์อีริคบนวอล์ลสตรีทประเทศMพี่คณาธิปกับอีริคต่างมองด้วยความตกตะลึงตอนนี้หุ้นของหิรัญชากรุ๊ปกำลังลงแล้วจริงๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะอีริคกลัวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่และให้เส้นหมี่หยุดได้ทันเวลาเกรงว่าหุ้นคงจะตกไปจนถึงจุดต่ำสุด