ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 103

สรุปบท ตอนที่ 103 ต่อสู้เพื่อใคร!: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

สรุปตอน ตอนที่ 103 ต่อสู้เพื่อใคร! – จากเรื่อง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

ตอน ตอนที่ 103 ต่อสู้เพื่อใคร! ของนิยายActionเรื่องดัง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 103 ต่อสู้เพื่อใคร!

“สหายที่รักทั้งหลาย มาสนุกด้วยกัน! ใครมีของขวัญก็ส่งกันเข้ามาได้ ใครมีเงินก็ให้เงิน ใครไม่มีให้กำลังใจก็ได้ ชูแท่งไฟฟรีขึ้นแล้วโบกไปมา! สุดท้ายนี้ พวกเรามาสนุกกันให้เต็มที่อีกหนึ่งรอบกันเถอะ!”

นักพรตเฒ่าตะโกนเต็มที่จนเสียงแหบพร่า แต่แขนของเขายังคงโบกไปมาไม่หยุด เขาโบกมืออย่างสุดกำลัง และมีเหงื่อไหลออกมาจากตรงขมับ เนื้อตัวเปียกชุ่มไปหมด

ตอนที่เขาเพิ่งปรากฏตัวออกมาให้ความรู้สึกเหมือนเซียนวายุ ทุกย่างก้าวของเขาล้วนมีกลิ่นอายของเทพเซียน

แต่ตอนนี้กลับเหมือนคนแก่คลั่งเพลงร็อกเป็นอย่างยิ่ง เมื่อครู่เขาร้องเพลงติดต่อกันสิบกว่าเพลง ล้วนเป็นเพลงที่ต้องตะเบ็งเสียงออกมา ตะโกนจนคอแห้ง ตะโกนเหมือนจะมีเลือดพุ่งออกมาได้ตลอดเวลา

“นักพรตเฒ่า คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องร้องแล้ว!”

“นักพรตเฒ่า แม่ถามว่าทำไมผมต้องคุกเข่าดูไลฟ์สด ผมคุกเข่าให้คุณแล้ว อย่าร้องเลยนักพรตเฒ่า!”

“จริงๆ แล้ว รู้สึกว่าเพราะมากเหมือนกัน”

“เห็นด้วยกับความคิดเห็นข้างบน!”

“ดูไม่เป็นก็ไสหัวออกไป ท่านนักพรตใช้เส้นเสียงที่ไพเราะ ผสมกับทำนองดนตรีคลาสสิค และยังผสมผสานสไตล์พื้นเมือง…ขอโทษ ผมแต่งเรื่องต่อไม่ได้แล้ว”

“นักพรตเฒ่าไม่ได้ออกมาไลฟ์สดเกินครึ่งปีแล้ว คาดว่าเขาต้องเจอเรื่องลำบากใจอะไรแน่นอน จึงอยากระบายออกมาบ้าง”

“รุ่งอรุณแห่งชัยชนะมอบเครื่องบินให้หนึ่งลำ ‘นักพรตเฒ่า สู้ๆ ร้องต่อไป คุณร้องจนผม…หมดแล้ว’”

“หนุ่มน้อยผู้โชคร้ายมอบเครื่องบินให้หนึ่งลำ ‘นักพรตเฒ่า สู้ๆ นะ โอ๋ๆๆ!’”

“เฮ้ย ไอ้นั่นออกมาอีกแล้ว จับมันไว้!”

“จับไว้ แล้วตี!”

นักพรตเฒ่าหายใจหอบ จากนั้นมองซับกระสุนแล้วยิ้มพูดว่า “ต่อไป ทุกคนอยากจะดูรายการอะไร”

“เงินกระดาษลอย เอามายากลนั้นอีกครั้ง!”

“ขอเหมือนความคิดเห็นข้างบน!”

“รำดาบ ต่อยมวย!”

“แร็ป!”

“ขอแค่ไม่ต้องร้องเพลงจะเป็นอะไรก็ได้…”

“ได้เลย อย่างนั้นข้าจะร้องเพลงให้ทุกคนฟังอีกสักหนึ่งเพลงก็แล้วกัน!” นักพรตเฒ่ากระแอมลำคอ สงสัยเขาเตรียมจะร้องเพลงต่อ

“…” แฟนคลับหมายเลขหนึ่ง

“…” แฟนคลับหมายเลขสอง

“…” แฟนคลับหมายเลขสาม

นักพรตเฒ่าเปลี่ยนทำนองเพลงโดยตรง

นี่คือเพลง ‘กลบฝังมาร’ ของเซียวอี้ฉิง

“นอนเถอะ นอนเถอะ โปรดอย่าสับสนอีก!

นอนเถอะ นอนเถอะ ลืมความเศร้าทุกอย่าง…”

“คุณรู้สึกไหม ว่าเขาบ้า” ถังซือที่ยืนอยู่ใกล้โจวเจ๋อเอ่ยขึ้นทันใด

โจวเจ๋อส่ายหน้า แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “คนนั้นที่พวกคุณรอคอย วันนี้เขากลับมาแล้ว ดังนั้นพวกคุณจึงดีใจ”

“จริงๆ เขาแค่ไม่สบายใจเท่านั้น” ถังซือพูดพร้อมกับที่สีหน้าเริ่มเย็นชาขึ้นทีละนิด “คุณรู้ไหมนักพรตเฒ่าตั้งชื่อให้เจ้าลิงตัวนั้น”

“อ้อ ชื่ออะไร”

“เสี่ยวเฉียง”

โจวเจ๋อก็ไม่อยากทำลายบรรยากาศพูดว่าชื่อเหมือนสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กมาก

“เสี่ยวเฉียง เป็นอดีตเพื่อนร่วมห้องของนักพรตเฒ่า พวกเขารู้จักกันที่หรงเฉิง”

“แล้วเขาไปไหนแล้วล่ะ” โจวเจ๋อถาม

“ตายแล้ว”

โจวเจ๋อเม้มปาก

“เพื่อช่วยพวกเราหนีออกมา เขาถึงต้องตาย”

ถังซือพูดถึงตรงนี้แล้วหยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดต่อ “ดังนั้น นี่ไม่ใช่ความดีใจต้อนรับการกลับมาของเขาเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว นี่คือการแก้แค้น วันนี้ ไม่ใช่วันเฉลิมฉลองการกลับมาของเพื่อนเก่า แต่เป็นวันแห่งการแก้แค้น เลือดต้องล้างด้วยเลือด”

ถังซือบังคับนิ้ว แล้วน้ำหมึกสีแดงบนเคาน์เตอร์ก็พุ่งออกมาทันที หมุนวนรอบข้อมือของถังซือ เหมือนใส่กำไลเลือดวงหนึ่ง ดูสวยแปลกสะดุดตา

“ผมไม่เข้าใจ” โจวเจ๋อยักไหล่ “ในเมื่อพวกคุณหนีออกมาแล้ว และยังมีคนเสียสละเพราะเรื่องนี้ ทำไมเขาถึงเป็นฝ่ายกลับมาเอง”

“ก่อนที่จะตอบคำถามของคุณ ฉันขอถามคุณหนึ่งคำถามได้ไหม”

“ถามสิ”

“ที่ศาลนั่นครั้งที่แล้ว รวมทั้งยมทูตอาวุโสที่มีปัญหาที่ทงเฉิงอยู่ช่วงหนึ่ง ทำไมถึงฆ่าคุณไม่สำเร็จ”

โจวเจ๋อไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร

เขาไม่สามารถพูดได้ว่า จริงๆ แล้วตัวเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ เขาเหมือนคนเมาเหล้าแล้วนอนหลับ หลังจากตื่นขึ้นมาดูอ้าว คนที่ต้องการฆ่าฉันตายแล้ว ฮ่าๆๆๆ ไอ้งั่งกลับตายง่ายๆ แบบนี้ แต่ฉันกลับจำอะไรไม่ได้เลย ฮ่าๆๆๆ!

ถังซือช่วยตอบแทนเขา “เพราะว่า ไม่ได้มีเพียงคุณคนเดียวเท่านั้น ที่มีการพัฒนา”

ผู้หญิงไร้หน้ายืนอยู่ข้างเหลียงชวนพลางมองเขา เธอจำได้ว่ามีหลายครั้งที่ตัวเองเกือบจะจับตัวเขาได้แล้ว เพื่อไม่ให้เขาหนีออกมาจากนรก แต่เขากลับหนีไปได้ทุกครั้ง

ครั้งนี้ ตัวเธอจะไม่ยอมเป็นฝ่ายที่ไม่ยินยอมและโกรธอีกเด็ดขาด

สายตาของเหลียงชวนกวาดมองทุกคนไปรอบๆ ด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ข้างหลังของเขา มีแมวสีขาวส่ายหางของตัวเองไปมาอย่างขี้เกียจ กระทั่งเลียกรงเล็บของตัวเองและทำความสะอาดขนของตัวเองเป็นพักๆ

“ข้าจะให้ตัวเลือกกับเจ้า” สาวน้อยโลลิเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วยืนตรงหน้าของเหลียงชวน

“ปล่อยวิญญาณของเจ้าออกมาจากกายเนื้ออย่างว่าง่าย แล้วให้พวกเราพาไปลงนรกเสีย เดิมทีเจ้าก็หนีออกมาจากที่นั่นอยู่แล้ว หากกลับไปตอนนี้ นั่นคือหนทางที่ถูกต้องของเจ้า”

ผู้ชายหนวดเครายาวพูดเสียงทุ้มหนัก “ถ้าหากเจ้าบังคับให้พวกเราต้องลงมือ เจ้ารู้ดีอยู่แล้วว่าครั้งนี้เจ้าหนีไม่พ้นแน่นอน วิญญาณกลับไป มากสุดก็แค่โดนลงโทษ แล้วกลับไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็ยังดีกว่าที่วิญญาณต้องมลายหายไป”

“อ้อ” เหลียงชวนขานรับหนึ่งที เขารู้ว่าพวกยมทูตแก๊งนี้อยากประหยัดพลังงาน อยากจะให้กองทัพชนะโดยไม่ต้องรบ ระหว่างที่อยู่ในโลกมนุษย์พวกเขาเคลื่อนไหวยากอยู่แล้ว เว้นเสียแต่ว่าพวกเขายินดีที่จะเลือกเข้าไปสิงร่างมนุษย์ แต่นั่นหมายความว่ามีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเป็นอย่างมาก ดังนั้นตอนที่พวกเขาอยู่ในโลกมนุษย์จึงถ่อมตัวมาก ไม่กล้าลงมือมากเกินไป

จากนั้นเหลียงชวนจึงมองไปที่ผู้หญิงไร้หน้าที่อยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยว่า “คุณจับเธอเหรอ”

ผู้หญิงไร้หน้าเงยหน้าขึ้นมา เส้นผมสยาย และใบหน้าที่ราบเรียบได้ปรากฏโครงหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งลอยออกมา เธอเจ็บปวดทรมานมาก เธอกำลังดิ้นรน กำลังแผดร้อง ขณะเดียวกันก็กำลังคำราม

เธอตายแล้ว และวิญญาณของเธอถูกผู้หญิงไร้หน้าจับไป

เหลียงชวนเลียริมฝีปากของตัวเอง แล้วตัวเองก็ก้มหน้าลงอย่างช้าๆ

“คนที่สองแล้ว” พวกเขาเอาชีวิตของเพื่อนเขามา บังคับให้เขาต้องปรากฏตัว พวกเขาทำสำเร็จแล้ว

“ฆ่าคนเป็น เดิมเป็นการลดบุญกุศลของพวกเรา พวกเราก็ไม่อยากให้ทำแบบนั้น หากจะโทษก็ต้องโทษตัวเจ้าที่ไม่สำเหนียกตัวเอง”

สาวน้อยโลลิพูดต่อ “ถ้าหากตอนแรกเจ้าเชื่อฟังและไม่ต่อต้าน พวกเขาสองคนก็คงไม่ตาย และพวกเรายังรู้อีกว่าเจ้ามีเพื่อนที่สนิทอีกสองสามคน”

“นี่คือ…การข่มขู่อีกครั้ง” เหลียงชวนก้มหน้าถาม

“ข้าแค่พูดความจริง พวกเราเป็นยมทูต เป็นผู้พิทักษ์กฎระเบียบของโลกหยินหยางสองฝั่ง เจ้าต่อต้านพวกเราไม่ได้หรอก”

“เหอะๆ…” เหลียงชวนเงยหน้าขึ้นช้าๆ นัยน์ตาของเขาแดงก่ำ!

สาวน้อยโลลิใจเต้นในทันใด รีบตั้งท่าป้องกันความบ้าระห่ำของชายหนุ่มคนนี้ ทว่าร่างกายของเธอกลับสั่นสะท้านกะทันหัน มือกระดูกขาวข้างหนึ่งแทงทะลุร่างกายของเธอในเวลานี้ ทั้งตัวของเธอนิ่งอยู่กับที่ ต่อจากนั้นเธอจึงหันไปมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ มองไปข้างหลังของเธอ

ผู้ชายหนวดเครายาว นัยน์ตาแดงดั่งไฟ ใบหน้าดิ้นรนทรมาน เห็นได้ชัดว่าเขาถูกควบคุมแล้ว!

แต่จะเป็นไปได้อย่างไร แค่เจอหน้ากันแป๊บเดียว ก็สามารถควบคุมยมทูตที่อาวุโสที่สุดได้โดยตรง!

ทำไมถึงเป็นแบบนี้

ทำไมถึงเป็นแบบนี้

เหลียงชวนเงยหน้า อ้าปาก เอียงคอเล็กน้อย จากนั้นสิบนิ้วก็เริ่มบรรเลงอยู่กลางอากาศ เหมือนกำลังเล่นเปียโน

“ชูว์ เพลงนี้ พวกคุณได้ยินไหม นี่คือ เพลง ‘กลบฝังมาร’ ที่ผมบรรเลงให้พวกคุณ”

…………………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล