ตอนที่ 104 ผูเอ่อร์!
ไม่มีบทนำมากมาย และไม่มีการแนะนำตัวเองที่ยุ่งยาก ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่มีการทักทายไร้สาระบ้าบอ การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่การเข่นฆ่าที่เป็นของมนุษย์ แต่เป็นการเปิดฉากโหมโรงอย่างฉับพลันทันที
‘กลบฝังมาร’ ร้องเพื่อใคร
บทบาทของเหยื่อกับผู้ล่าไม่เคยแน่นอน แต่เดิมคำสาบานที่วางแผนการไว้ดิบดีจู่ๆ กลับไม่ค่อยแน่ใจ ดูเหมือนว่าฝ่ายของตัวเองจะไม่ใช่คนที่หัวเราะถึงตอนสุดท้าย
มือกระดูกสีขาวที่มาพร้อมกับเปลวไฟเย็นเยียบ หลังจากทะลวงวิญญาณของสาวน้อยโลลิแล้วเหลือเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่ รูขนาดใหญ่ที่กำลังเผาไหม้ สาวน้อยโลลิจึงได้แต่ถอยหลัง มองดูสภาพวิญญาณของตัวเองด้วยสีหน้าหม่นหมอง
พวกเขาอยากจะประหยัดแรงสักหน่อย เพราะพวกเขารู้ว่า ไอ้หนุ่มที่หนีการล้อมปราบออกไปได้ในครั้งที่แล้วคนนี้ไม่ใช่คนที่ต่อกรได้ง่ายๆ
แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขาเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า การล้อมปราบครั้งที่สองในวันนี้มียมทูตมารวมตัวกันมากมายภายใต้สมมุติฐานที่อีกฝ่ายตกเข้าไปในหลุมพรางของพวกเขา ดังนั้นชัยชนะได้อยู่ในมือของพวกเขาแล้ว
เพียงแต่ดูท่าทางตอนนี้ นี่คือสภาพของผู้ที่กำชัยชนะเหรอ
ความบิดเบี้ยวและความรู้สึกเสียดแทงที่ส่งผ่านมาจากส่วนลึกสุดของหัวใจคอยโจมตีสาวน้อยโลลิไม่หยุด
เธอไม่กล้าขยับตัวเพราะเปลวไฟนี้มาจากผู้ชายหนวดเครายาว ซึ่งเป็นแผนการเฝ้าประตูของเขา และเธอก็ถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว โดยไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิดจริงๆ
เธอกระทั่งเป็นกังวลว่า ถ้าหากตัวเองไม่สามารถระงับอาการบาดเจ็บได้ มีความเป็นไปได้สูงที่วิญญาณจะดับสูญ
ดวงวิญญาณดูเหมือนเป็นสิ่งที่ไร้ตัวตนมากกว่าร่างกายเสียอีก ไร้ซึ่งร่องรอย ไม่ต้องเกิดแก่เจ็บตายให้ยุ่งยาก แต่ในความเป็นจริง อย่างน้อยก็ในโลกมนุษย์นี้ ดวงวิญญาณเป็นสิ่งที่เปราะบางมากจริงๆ
และกายเนื้อของเธอก็ไม่ได้พกติดตัวมาด้วย ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
ถ้าหากเวลานี้เธอสามารถเข้าไปพักในกายเนื้อได้ชั่วคราว เธอคงไม่ต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำแบบนี้
‘อ๊าก…’
สาวน้อยโลลิเริ่มแลบลิ้นออกมา ลิ้นของเธอขยายออกมายาวมาก เพื่อดับไฟที่กำลังเผาไหม้ช่องท้องของตัวเอง
ลิ้นของสาวน้อยโลลิถูกละลายอย่างต่อเนื่อง แต่ลิ้นก็ยังยืดยาวออกมาไม่หยุด นี่คือวิธีการรักษาโดยใช้พลังหยวนชี่ของตัวเอง หากเป็นช่วงปกติ เธอจะไม่ยอมใช้เด็ดขาด แต่เวลานี้เธอไม่ทางเลือกอื่น
เพราะว่าความหวาดกลัวจากส่วนลึกสุดของหัวใจชัดเจนมากขึ้น! และเป็นครั้งแรกที่เธอเริ่มพิจารณาว่า คืนนี้ตัวเองจะออกไปจากที่นี่ได้หรือไม่
ผู้ชายหนวดเครายาวก็พยามยามต่อต้านอย่างถึงที่สุด เขาเป็นยมทูตที่อาวุโสที่สุดในนี้ มีคุณสมบัติที่จะคาดหวังในการจับกุม
ควรทราบว่า ในโลกมนุษย์โดยพื้นฐานแล้วผู้พิพากษาจะไม่ออกมา ตำรวจสายตรวจส่วนมากก็เดินไปมาอยู่ในนรก คนที่สามารถเข้าออกระหว่างโลกมนุษย์กับนรกได้อย่างอิสระที่สุด ก็คือยมทูตนั่นเอง
แต่ยมทูตที่อาวุโสที่สุดแบบนี้ ในระยะเวลาอันสั้นหลังจากที่คนนั้นเปิดประตู กลับถูกคนนั้นควบคุมกลายเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่ง!
หากย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมง ฉากนี้ใครจะคาดถึง
การต่อต้าน ดิ้นรน ก็เพื่อศักดิ์ศรีและความอยู่รอดของตัวเอง แต่วินาทีต่อมา ตอนที่เหลียงชวนอ้าปาก เขากลับส่งเสียงออกมาด้วย พูดและเดินพร้อมกันอย่างเป็นระเบียบ
“นี่คือเพลงกลบฝังมาร”
“นี่คือเพลงกลบฝังมาร”
“บรรเลงเพื่อทุกคน”
“บรรเลงเพื่อทุกคน”
“ฟังจบแล้ว ขอให้ไปสู่สุขคติ”
“ฟังจบแล้ว ขอให้ไปสู่สุขคติ”
ผู้ชายหนวดเครายาวยื่นแขนทั้งสองข้างที่แห้งเหี่ยวของตัวเองออกมา แขนทั้งสองข้างนี้เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกเท่านั้น กระทั่งตรงกลางฝ่ามือก็มีแต่กระดูกสีขาว แม้แต่ผิวหนังที่ช่วยประดับให้สวยสักหนึ่งชั้นก็ไม่มี
หลายปีที่ผ่านมา ไม่รู้ว่ามีว่ามีดวงวิญญาณมากมายแค่ไหนถูกจับด้วยน้ำมือของเขาส่งไปยังนรก ส่งเข้าสู่วัฏสงสาร กลายเป็นการสั่งสมบุญกุศลของตัวเขาเอง แต่ตอนนี้เขากลับเหมือนหุ่นเชิดตัวหนึ่งที่ถูกคนอื่นควบคุม ถูกควบคุมโดยเหยื่อของตัวเอง
แกมองฉันเป็นเหยื่อใช่ไหม ได้ อย่างนั้นฉันก็จะเป็นนายของแก
ตอนที่ผู้หญิงไร้หน้าแผดเสียงออกมา เส้นผมยาวลอยออกไปพันแขนเหลียงชวน เธอรู้ดีว่าถ้าหากคืนนี้ไม่สำเร็จเธอจะไม่ได้อะไรเลย
ออกจากนรก ออกจากสระน้ำ ถึงแม้จะมีการปลุกเสกเบิกเนตรของยมทูตอยู่ข้างกาย แต่สำหรับเธอแล้วก็เป็นความสิ้นเปลืองอย่างหนึ่ง ถ้าหากกลับไปตัวเปล่า ครั้งหน้าเธอคงไม่สามารถออกออกมาจากนรกได้อีก
สระน้ำกลายเป็นตัวพันธนาการชั่วนิรันดร์ของเธอ กระทั่งตัวเองยังกังวลว่าตัวเองขณะเปราะบางจะได้รับผลกระทบจากพวกที่เดินอยู่บนทางเดินน้ำพุเหลืองหรือไม่ ถึงเวลานั้นคงต้องร่วงหล่นหลอมรวมเข้ากับกลุ่มของพวกเขา จากปลายทางหนึ่งเดินทางไปอีกปลายทางหนึ่ง
เธอไม่ยอมแพ้และจะแพ้ไม่ได้ เธอไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน ยืนอยู่กลางสระน้ำ มองดูคนอื่นออกไปได้แต่ตัวเองทำได้แค่กรีดร้องด้วยความโกรธ!
เหลียงชวนหันมามองไปที่ผู้หญิงไร้หน้า ดวงตาสีแดงคู่นั้นราวกับพระจันทร์สีเลือดสองดวง และในเวลาเดียวกันน้ำตาสีเลือดได้ไหลออกมาจากเบ้าตาของเขา เมื่อมองแล้วจึงรู้ว่าเขาไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนที่แสดงออกมาทางสีหน้า
แต่สิบนิ้วที่กำลังบรรเลงของเหลียงชวนกลับลื่นไหลมากขึ้นกว่าก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล