ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 123

สรุปบท ตอนที่ 123 พระขี้เรื้อน: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

สรุปตอน ตอนที่ 123 พระขี้เรื้อน – จากเรื่อง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

ตอน ตอนที่ 123 พระขี้เรื้อน ของนิยายActionเรื่องดัง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 123 พระขี้เรื้อน

การอยู่เป็นเพื่อนคือการบอกรักที่ยาวนานที่สุด และการอยู่เป็นเพื่อนแบบนี้ยังเป็นประเภทที่ไม่สามารถเจอหน้ากันได้ ผู้ประกาศหญิงสุดท้ายก็กลับไป เธอไม่รอคนนั้นที่นัดเธอมาที่นี่ กะว่ากลับไปจะกลับไปถามบัญชีผู้ใช้คนนั้นว่าทำไมถึงผิดนัดกับตัวเอง

แต่เธอไม่สามารถรู้ได้ว่า คนนั้นได้จากโลกมนุษย์ไปตลอดกาลแล้ว

ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเข้ามาหาโจวเจ๋อ โจวเจ๋อไม่ถามว่าเขายังมีเรื่องยึดติดอะไรที่ทำให้เขายังวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ เขาก็ไม่ตอบ การส่งวิญญาณลงนรกในครั้งนี้ถือว่าสบายและง่ายเป็นอย่างมาก

กระทั่งสามารถใช้คำว่า ‘สันติสุข’ มาบรรยายได้

ไม่มีการต่อต้าน ไม่มีการดิ้นรน ไม่มีความไม่พอใจ มีเพียงความสงบนิ่ง

หลังจากทำธุรกิจนี้เสร็จแล้ว โจวเจ๋อจึงขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อน ตั้งแต่ที่ย้ายร้านใหม่ ‘กิจการ’ ถือว่าดีขึ้นมาก เห็นเงินกระดาษทับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ‘ผี’ รู้สึกพึงพอใจมากจริงๆ

พอตื่นมาก็เป็นเตอนเที่ยงแล้ว โจวเจ๋อลงมาข้างล่าง เห็นนักพรตเฒ่ากำลังนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์หยอกล้อกับเจ้าลิงน้อย

“อรุณสวัสดิ์ เถ้าแก่” นักพรตเฒ่าทักทาย

โจวเจ๋อพยักหน้า เขานั่งลงบนโซฟาที่ติดริมหน้าต่าง วันแห่งการอาบแสงแดดอย่างขี้เกียจเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแล้ว ชีวิตแบบนี้เป็นที่น่าพอใจจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่เห็นกลุ่มคนเดินไปมาขวักไขว่ด้านนอกถนนหนานต้า

ใต้หล้าผู้คนวุ่นวายขวักไขว่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ มองดูคนอื่นทำงานยุ่งเพื่อความเป็นอยู่เพื่อความฝัน แต่ตัวเองกลับนั่งพักสบาย เมื่อมีการเปรียบเทียบก็มีความเหนือกว่า เมื่อมีความเหนือกว่าถึงจะได้เพลิดเพลินกับสิ่งที่ดีกว่า

“เถ้าแก่ ดื่มอะไรไหม”

โจวเจ๋อตื่นเมื่อไร ไป๋อิงอิงก็ตื่นตอนนั้น ถ้าหากเธออยู่ห่างมากไป การนอนหลับของโจวเจ๋อก็จะขาดตอน

“ดื่มชาก็แล้วกัน”

ไป๋อิงอิงรีบชงชามาให้ ขณะเดียวกันก็วางที่เขี่ยบุหรี่ตรงหน้าโจวเจ๋อ จากนั้นก็ช่วยโจวเจ๋อจุดบุหรี่แล้วเดินออกไป

บางครั้งตัวของโจวเจ๋อเองก็รู้สึกสับสน ไป๋อิงอิงรู้คำสั่งที่แม่นางไป๋ทิ้งเอาไว้หรือไม่ ดังนั้นจึงได้ดูแลปรนนิบัติเขาอย่างรอบคอบทั่วถึง แต่ดูจากท่าทีแล้ว เธอน่าจะเป็นสาวเซ่อที่น่ารักจริงๆ และเธอก็เคารพนับถือและจงรักภักดีต่อแม่นางไป๋เป็นอย่างมาก

ปัญหาบางอย่างไม่เหมาะที่จะพูดอย่างละเอียด ไม่อย่างนั้นก็หมดสนุกกันพอดี โจวเจ๋อเองยินดีที่จะแกล้งโง่ต่อไป จิบน้ำชา สูบบุหรี่ ไม่ว่าอย่างไรตอนกลางวันผีก็ไม่เยอะมาก รอให้ถึงตอนเย็นก่อน ตัวเขาถึงจะยุ่งจริงๆ

อันที่จริงโจวเจ๋อชอบนั่งอยู่ในร้านหนังสือ รอลูกค้าเข้าร้าน เหมือนกับเจียงไท่กงตกปลาตัวไหนเต็มใจก็มาติดเบ็ดไม่ได้พูดว่าแบบนั้นมันเท่ แต่รู้สึกว่าแบบนั้นไม่เหนื่อย

เขาไม่ชอบออกไปวิ่งวุ่นข้างนอก แบบบนั้นมันทรมาน

โจวเจ๋อหยิบหนังสือพิมพ์ของวันนี้ขึ้นมาแล้วเปิดอ่าน คดีพนันชีวิตถูกค้นพบและกำลังอยู่ในการสอบสวน ทางตำรวจออกปฏิบัติการเร็วมาก นักลงทุนที่อยู่เบื้องหลังแต่ละคนเริ่มถูกจับกุม และสิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็คือการตัดสินคดีตามกระบวนการยุติธรรม

ในเวลานี้เอง ประตูร้านหนังสือที่อยู่ด้านหลังโจวเจ๋อมีคนผลักออก คนที่เดินเข้ามาทำให้นักพรตเฒ่าต้องตาโต แสดงสายตาที่ดุดันทันที!

จะโทษนักพรตเฒ่าไม่ได้ที่จู่ๆ ก็เป็นแบบนี้ เพราะคนที่เข้ามาเป็นพระรูปหนึ่ง มีรอยแผลเป็นวงอยู่บนศีรษะ และดูเหมือนจะมีกลากเกลื้อนด้วย พระเป็นขี้เรื้อนที่ศีรษะ น่าสนุกดี

พระรูปนั้นตัวไม่สูง น่าจะสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร ร่างกายอุดมสมบูรณ์ดี ไม่มีมาดของพระชั้นสูง เมื่อเทียบกับการเต๊ะท่าเป็นเทพเซียนของนักพรตเฒ่าแล้วต่างกันมาก

นับตั้งแต่โบราณศาสนาพุทธกับลัทธิเต๋าไม่ถูกกันอยู่แล้ว ในสมัยราชวงศ์โบราณ ลัทธิเต๋าที่เจริญรุ่งเรืองก็ทำลายพระพุทธศาสนา แต่พอพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองก็ทำลายลัทธิเต๋าเช่นกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแย่งผู้ศรัทธาและทรัพยากรกัน เมื่อคุณมีเยอะฉันก็มีน้อยเป็นธรรมดา

ในมุมมองของนักพรตเฒ่า ร้านหนังสือเป็นพื้นที่ของเขา ส่วนพระขี้เรื้อนรูปนี้ก็เหมือนมาถล่มร้านของเขา

แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ พระขี้เรื้อนคนนั้นไม่มองนักพรตเฒ่าเลยสักนิด เมื่อเห็นนักพรตเฒ่าปล่อย ‘ความเป็นปรปักษ์’ ออกมา จึงได้แต่ยิ้ม จากนั้นเดินไปอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อแล้วนั่งลง

“น้ำชาหนึ่งแก้ว” พระขี้เรื้อนเอ่ย

นักพรตเฒ่ายกถ้วยน้ำชาเข้ามาด้วยใบหน้าบึ้งตึง ขณะเดียวกันก็พูดเตือนว่า “ที่นี่ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำหนึ่งร้อยหยวน และที่นี่ก็ไม่รับหมอดูฮวงจุ้ย”

พระขี้เรื้อนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองนักพรตเฒ่าพลางยิ้มนิดๆ เอ่ยว่า “พวกเราไม่เหมือนกัน”

พวกเราไม่เหมือนกัน เป็นประโยคที่มีความหมายลึกซึ้งมาก สามารถดูหมิ่นนักพรตเฒ่าและยกตัวเองให้สูงขึ้นในขณะเดียวกัน

ความหมายก็คือคุณเป็นหมอดูปลอม ฉันเป็นของจริง พวกเราจึงไม่เหมือนกัน

โจวเจ๋อพ่นควันบุหรี่ออกมา พ่นใส่หน้าของอีกฝ่ายพอดี ไม่ใช่เพราะโจวเจ๋ออยากออกหน้าแทนนักพรตเฒ่า ไม่ว่าอย่างไรผู้ที่มาก็เป็นแขก แต่การเข้ามาในร้านหนังสือของอีกฝ่าย ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง

พระขี้เรื้อนไม่หงุดหงิด ประนมสองมือ แล้วท่องว่า “อมิตาภพุทธ”

เพียงชั่วเวลาเดียว โจวเจ๋อรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว เหมือนมีมดหลายตัวกำลังคลานอยู่บนร่างกายของตัวเอง

ทันใดนั้นนิ้วของโจวเจ๋อที่หนีบบุหรี่อยู่เริ่มมีเล็บสีดำยาวออกมาช้าๆ

“โยมใจเย็นๆ อาตมาแค่มาดื่มน้ำชาอ่านหนังสือ ไม่มีเจตนาร้าย”

พระขี้เรื้อนคลายมือทั้งสองข้าง ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาแล้วดื่มน้ำชาหนึ่งที จากนั้นความรู้สึกไม่สบายของโจวเจ๋อก็หายไปทันที

“คุณไปทำงานเถอะ” โจวเจ๋อพูดกับนักพรตเฒ่า

นักพรตเฒ่าจึงได้แต่ออกไป

“โยม เปิดร้านในเมืองที่วุ่นวายแบบนี้ก็น่าสนุกดี อยู่ในเมืองที่วุ่นวายแต่เงียบสงบ”

โจวเจ๋อยกถ้วยน้ำชาที่เย็นแล้วขึ้นมาจิบหนึ่งที แล้วส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าโจวเจ๋อไม่เห็นด้วยกับวิธีการพูดแบบนี้

“ท่านยังพูดให้ผมประทับใจไม่ได้ ขอโทษนะครับ ที่ท่านต้องมาเสียเที่ยว ท่านสามารถไปเมืองอื่นเขตอื่น ไปหายมทูตคนอื่นแล้วพูดถึงแนวคิดกับหลักการของท่านได้ ไม่แน่อาจจะเจอคนรู้ใจ จากนั้นก็ต่อสู้เพื่อสิทธิ์ของผีไปพร้อมกับท่าน”

พระขี้เรื้อนหัวเราะอย่างจนใจ การตอบสนองแบบนี้เขาเห็นมาเยอะแล้ว จึงหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอีกอย่างจนปัญญา อ่านข่าวที่อยู่บนนั้นแล้วถอนหายใจอีกที

โจวเจ๋อยื่นมือกดหนังสือพิมพ์ลง พระขี้เรื้อนมองโจวเจ๋ออย่างไม่เข้าใจ

“พระครับ มีประโยคหนึ่งที่ว่าก่อนจะเดินเป็นอย่าเพิ่งรีบวิ่ง ท่านคิดว่าท่านกำลังช่วยเพื่อสิทธิ์ของผีมาตลอด แต่แม้แต่คนท่านก็ยังไม่เข้าใจ แล้วมีสิทธิ์อะไรมาพูดแทนผีครับ”

“หมายความว่ายังไง”

โจวเจ๋อยื่นมือจิ้มไปที่หนังสือพิมพ์ ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ท่านบอกว่าตอนนั้นท่านก็อยู่ที่นั่น อย่างนั้นท่านตามหาวิญญาณแม่คนนั้นในหมู่บ้านเจอหรือเปล่า”

พระขี้เรื้อนส่ายหน้า “อาตมาไม่มีโชคได้เจอ ถ้าหากโชคดีได้เจอจริงๆ ก็จะต้อนรับด้วยความสุภาพ ถึงแม้ร่างของหญิงชราจะสูญสิ้นไปแล้ว แต่จิตใจดียังคงอยู่”

โจวเจ๋อหัวเราะ “ผมไม่ได้ไปที่นั่น แต่ผมสามารถหยิบเงินกระดาษในเก๊ะมาพนันกับท่านได้ว่า ไม่มีดวงวิญญาณของแม่คนนั้นอย่างสิ้นเชิง หลังจากเธอตาย วิญญาณได้ลงนรกไปนานแล้ว”

“เป็นไปได้ยังไง…โยมเป็นยมทูต แต่ไม่เชื่อว่ามีผีอยู่ในโลกมนุษย์เหรอ”

พระขี้เรื้อนรู้สึกงงมาก

“คนที่ถูกฆ่าหายตัวไป เป็นคนในหมู่บ้าน และฆาตกรที่ฆ่าคนซ่อนศพ ก็เป็นคนในหมู่บ้านเหมือนกัน จากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาบอกเบาะแสกับตำรวจว่าแม่มาเข้าฝัน และยังเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน นี่ยังชัดเจนไม่พออีกเหรอ”

โจวเจ๋อจุดบุหรี่อีกหนึ่งมวนแล้วกล่าวว่า “ในหนังสือพิมพ์บอกว่าตอนแรกตำรวจไม่เชื่อ แต่หลังจากที่ขุดหลุมฝังศพแล้วพบศพนั้น ก็รู้สึกว่าแปลกมาก นี่เป็นเทคนิคการเขียนของนักข่าว เพื่อเขียนข่าวให้มีหัวข้อดึงดูดน่าสนใจ แต่ในความเป็นจริง ผมเชื่อว่าตำรวจท้องถิ่นรู้ดีอยู่แก่ใจว่า ผู้หญิงที่มาแจ้งเบาะแส มีความเป็นไปได้สูงว่าตอนที่ฆาตกรเอาศพไปฝัง เธอเดินผ่านมาเห็นพอดี”

“อย่างนั้นทำไมเธอไม่อธิบายกับตำรวจโดยตรง” พระขี้เรื้อนถาม

“เพราะว่าฆาตกรก็เป็นคนในหมู่บ้านเหมือนกัน ฆาตกรอาจจะมีพ่อแม่และมีพี่น้อง ถ้าหากแจ้งความโดยตรง ไม่เท่ากับทำให้เธอโดนเกลียดชังจากครอบครัวของเขาเหรอ ดังนั้น เธอจึงใช้เรื่องผีสางมาเป็นข้ออ้าง บอกว่าแม่มาเข้าฝันเผยปริศนาออกมาด้วยวิธีแบบนี้ เพื่อให้ตัวเองไม่โดนคนเกลียด

ก็เหมือนกับคดีค้ามนุษย์ในพื้นที่ห่างไกลหน่อย ท่านคิดว่าเพื่อนบ้านไม่รู้ว่าครอบครัวนี้ซื้อคนกลับมาเหรอ หรือท่านคิดว่าทั้งหมู่บ้านเป็นคนเลว ไม่มีคนดีสักคน ไม่มีใครที่มีจิตใจดีสักคน แค่เพราะทุกคนรู้สึกว่าแจ้งความแล้ว จะถูกเพื่อนบ้านในหมู่บ้านเกลียด ดังนั้นถึงแม้จะเห็นใจผู้หญิงน่าสงสารที่ถูกลักพามาขาย แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น”

พระขี้เรื้อนตกตะลึงเล็กน้อย แล้วพูดอย่างสับสนงุนงง “นี่คืออะไร”

“ความเป็นมนุษย์”

…………………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล