ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 122

ตอนที่ 122 แต่ยังมี

หวังเคอฟื้นแล้ว เขาบาดเจ็บหนัก ตอนที่โจวเจ๋อลงมาข้างล่าง เขายังนอนอยู่บนโซฟา หน้าซีดเผือด สาเหตุก็เพราะตกใจและบาดเจ็บ

“อยากให้ฉันช่วยอะไรไหม” โจวเจ๋อถาม

หวังเคอส่ายหน้า จากนั้นเอ่ยว่า “ขอแค่นายช่วยฉัน…”

“อ้อ งั้นฉันกลับแล้วนะ”

โจวเจ๋อเห็นหวังเคอส่ายหน้าจึงหมุนตัวเดินออกจากประตูไปเลย ราวกับว่าไม่ได้ยิน ‘การพูดอ้อมค้อม’ ของหวังเคอเมื่อครู่

หวังเคอ “…”

พอเดินออกมาจากประตู ไป๋อิงอิงกับนักพรตเฒ่าก็เดินตามมา

ความจริงแล้วสำหรับโจวเจ๋อ เรื่องของที่นี่จัดการเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องที่เหลือ สาวน้อยโลลิจะช่วยจัดการเอง ดูจากที่สาวน้อยโลลิยอมเสี่ยงเปิดเผยตัวตนเพื่อออกหน้าช่วยชีวิตหวังเคอ แสดงว่าเธอให้ความสำคัญกับหวังเคอที่เป็นพ่อคนนี้มาก

มันทำให้โจวเจ๋อสัมผัสความรู้สึกได้อยู่บ้าง แน่นอนว่าโจวเจ๋อไม่ได้สัมผัสถึงความรู้สึกลึกซึ้งในความรักของพ่อลูก

แต่เป็นเพราะยมทูตคนที่แล้วที่มาในฐานะน้องสาวภรรยา ก็ดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลจากเจ้าของบ้านเช่นกัน ถูกแทนที่ด้วยแนวคิดของเจ้าของบ้าน กระทั่งยอมฆ่าคนเพื่อให้รักข้างเดียวของพี่สาวเจ้าของบ้านสมหวัง

สาวน้อยโลลิก็เช่นกัน ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยพ่อ แต่โจวเจ๋อกลับไม่รู้สึกว่าเสน่ห์ของหวังเคอจะพัฒนามาถึงขั้นนี้

อย่างนั้นก็มีความหมายอย่างอื่น นั่นก็คือยมทูตหรือวิญญาณระดับสูงสามารถอาศัยร่างกายของมนุษย์ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้รับผลกระทบอย่างอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่างนั้นตัวเขาก็ได้รับผลกระทบเหมือนกันใช่หรือไม่

ดูเหมือนว่าจะมีช่วงหนึ่งที่เป็นแบบนี้ อย่างเช่นความยึดติดที่ว่า ‘ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่ได้นอนกับฉัน’ ที่รบกวนจิตใจเขามานาน

ใช่แล้ว จะต้องเป็นผลกระทบที่ตัวเขาได้รับมาจากสวีเล่อแน่นอน

เพราะตัวเขาที่เป็นปกติ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีความคิดวู่วามต่ำช้าแบบนั้นอยู่ในหัว

ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับผลกระทบเช่นกัน ถึงแม้จะไม่รุนแรงเท่ายมทูตทั้งสองอย่างสาวน้อยโลลิกับน้องสาวภรรยา แต่ในนี้น่าจะมีสิ่งที่เกี่ยวพันกันและแตกต่างกันอยู่บ้าง

ยกตัวอย่างเช่น พวกเธออาจจะทำเพื่อให้ตัวเองเข้าออกนรกได้สะดวก จึงให้ดวงวิญญาณของเจ้าของร่างในโลกมนุษย์ยังมีอยู่ นี่ก็เพื่อตอนที่วิญาณของพวกเธอออกจากร่าง ร่างนี้จะยังมีชีวิตต่อเพื่อสะดวกต่อการใช้งานครั้งหน้า แต่หนึ่งร่างสองวิญญาณที่อยู่ด้วยกันนานเกินไป ยากที่จะหลีกเลี่ยงผลกระทบบางอย่าง

แต่ตัวของโจวเจ๋อกับถังซือ เจ้าของร่างนั้นได้เสียชีวิตแล้ว จึงไม่มีวิญญาณของเจ้าของเดิมคอยขัดขวางอยู่ข้างในดังนั้นจึงมีผลกระทบน้อยกว่า

ถือว่ามีข้อดีข้อเสียต่างกัน อย่างเช่นโจวเจ๋อไม่สามารถเลียนแบบ ‘ปิ้วๆๆ’ ของสาวน้อยโลลิได้

เมื่อนั่งรถแท็กซี่กลับมาถึงร้านหนังสือ โจวเจ๋อหาวหนึ่งที เขาเหนื่อยพอสมควร แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือยังมีลูกค้าอยู่ในร้านหนังสือ

เมื่อดูเวลาก็เป็นเวลาตีสองกว่าแล้ว

ถ้าหากเป็นลูกค้าที่สามารถให้เงินกระดาษกับตัวเองได้ โจวเจ๋อจะไม่รู้สึกแปลกใจ แต่นี่เป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่

เป็นหญิงสาวใส่ชุดกระโปรงสีขาวนั่งอ่านหนังสือและเล่นโทรศัพท์ไปด้วย

เธอน่าจะมีอายุยี่สิบห้ายี่สิบหกปี หน้าตาธรรมดา ความเคยชินเวลาเธออ่านหนังสือแตกต่างจากคนอื่น เธออ่านหนังสือแล้วขยับปากไปด้วย เหมือนกำลังท่องจำ ซึ่งมีเพียงเด็กประถมที่เพิ่งเข้าเรียนเท่านั้นที่มีความเคยชินเช่นนี้

ไป๋อิงอิงไปอาบน้ำแล้ว หลังจากต่อสู้กับชายชราน่ารังเกียจคนนั้น เธอไม่ได้บาดเจ็บ แต่ร่างกายสกปรก เธออยู่กับโจวเจ๋อมานานแล้ว ดังนั้นเธอจึงเรียนรู้ความเคยชินบางอย่างจากเขาไปโดยธรรมชาติ

ควรทราบว่าเธอเป็นผีดิบที่นอนอยู่ใต้ดินมานานสองร้อยปี โจวเจ๋อไม่เชื่อว่าแม่นางไป๋จะเอาศพของเธอออกมาทำสปาอาบน้ำให้เธอเป็นประจำ

ส่วนนักพรตเฒ่าก็ไปซื้ออาหารมื้อดึก ช่วงที่สวี่ชิงหล่างไม่อยู่ร้าน การกินข้าวของทุกคนเป็นปัญหามาก เพราะปกติสวี่ชิงหล่างจะเตรียมอาหารให้สามมื้อ

เมื่อโจวเจ๋อนึกถึงตรงนี้จึงรู้สึกหดหู่ใจอยู่บ้าง ถ้าสวี่ชิงหล่างยังไม่กลับมาอีก น้ำบ๊วยนี้จะถูกตัวเองกินหมดเกลี้ยงแล้ว

โจวเจ๋อไม่รีบขึ้นไปข้างบน เขารินน้ำสองแก้วแล้วเดินไปข้างๆ หญิงสาวคนนั้น วางน้ำแก้วหนึ่งตรงหน้าเธอ แล้วตัวเองก็นั่งบนโซฟา

ถึงแม้จะรู้สึกเสียดายที่ไม่ใช่ผี แต่ลูกค้าเข้าร้าน อย่างไรเสียก็ต้องต้องต้อนรับสักหน่อย

“ขอบคุณค่ะ”

หญิงสาวเงยหน้ามองโจวเจ๋อ จากนั้นก็ก้มหน้าอ่านบทความในนิตยสารที่อยู่ในมือต่อ แล้วท่องช้าๆ

โจวเจ๋อเดิมทีคิดว่านี่เป็นวิธีการอ่านที่เคยชินของเธอ แต่ไม่ช้าก็พบสิ่งที่ผิดปกติ อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ท่องเท่านั้น แต่ยังใส่อารมณ์และความรู้สึกเข้าไปด้วย

หญิงสาวเหมือนจะสังเกตเห็นสายตาของโจวเจ๋อ เธอจึงเงยหน้ามองโจวเจ๋ออีกที จากนั้นก็ยิ้ม

“คุณเป็นเถ้าแก่ร้านหนังสือใช่ไหมคะ” หญิงสาวถาม

โจวเจ๋อพยักหน้า หยิบแก้วน้ำขึ้นมาแล้วดื่มหนึ่งที

สำรวม ต้องสำรวม

“ร้านหนังสือนี้กิจการเป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามอีก

โจวเจ๋อขมวดคิ้ว เขารำคาญมากที่คนอื่นถามคำถามนี้ เพราะคนที่ถามคำถามนี้จริงๆ แล้วมองออกว่า ธุรกิจกับคนเป็นของร้านหนังสือไม่ดีเลย

แต่เขาไม่สามารถอธิบายกับพวกเขาได้ว่าตัวเองทำธุรกิจกับคนตาย จึงได้แต่ยอมรับอย่างเงียบๆ ถูกพวกเขามองว่าเป็นคนโง่เอาเงินมาเผาเล่น

“พอได้ครับ”

“อ้อ ฉันรู้สึกว่าร้านของคุณดีมากค่ะ ตอนดึกมาอ่านหนังสือดื่มเครื่องดื่มที่นี่ บรรยากาศดีมาก” หญิงสาวพูด

“ครับ”

เมื่อครู่เพิ่งปราบสาวน้อยโลลิไปหมาดๆ โจวเจ๋อจึงอารมณ์ดีอยู่บ้าง และยินดีนั่งคุยกับลูกค้า จึงถามว่า

“คุณเป็นพิธีกรของสถานีโทรทัศน์เหรอครับ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล