ตอนที่ 145 เรื่องน้ำเน่ารูปแบบเดิมๆ
ใกล้จะรุ่งสางแล้ว นี่ก็หมายความว่าโจวเจ๋อและนักพรตเฒ่าอยู่บนสนามหญ้าแห่งนี้จริงๆ ทั้งยังยืนนิ่งค้างไว้อย่างนี้เป็นเวลานานทีเดียว
โชคดีที่โดยทั่วไปไม่มีใครเดินไปเดินมาในหอพักในเวลานี้ และโชคดีที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็นว่ายังมีคนสองคนยืนโง่ๆ อยู่ตรงนั้น
ไม่อย่างนั้นถ้ามีภาพวาดที่ไม่คาดคิดปรากฏขึ้นมาก็ไม่มีทางที่จะคำนึงถึงได้เลย เช่นเดียวกับเหตุผลที่เถี่ยไกว่หลี่ครอบครองร่างของขอทานที่ตายไปเพียงเพราะตอนที่จิตลอยออกไปนั้นร่างกายของเขาได้ประสบกับเรื่องไม่คาดคิด
นักพรตเฒ่าเข้าไปนั่งในรถ แล้วหยิบยาแผนโบราณเตียต๋าจิ่วในรถออกมานวดเข่าตัวเอง ในตอนนี้เขาเองก็กำลังสับสน ความรู้สึกสองแบบที่แยกไม่ออกระหว่างภาพลวงตาก่อนหน้ากับความเป็นจริงในตอนนี้ ก่อกวนเขาอย่างต่อเนื่องจนเขาไม่รู้ว่าตรงไหนที่ปวดจริงๆ และตรงไหนที่ปวดปลอมๆ กันแน่
ก็เหมือนเวลาคนที่ว่ายน้ำเสร็จและเพิ่งขึ้นฝั่งมาหมาดๆ มักจะรู้สึกว่ายังปรับตัวกับแรงโน้มถ่วงไม่ได้
โจวเจ๋อก็เข้าไปนั่งยังตำแหน่งข้างคนขับ และวางสมุดบันทึกเล่มนั้นตรงหน้าเขา
หน้าปกของสมุดบันทึกเป็นสีน้ำเงิน ดูเรียบง่ายและธรรมดามาก
“เถ้าแก่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แค่ดูสมุดบันทึกแล้วมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง”
นักพรตเฒ่ามีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเจ้านี่มาตลอด ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร ความทรงจำบางส่วนหลังจากที่เขาและเถ้าแก่เข้าไปในโรงเรียนถูกลบทิ้งไป และจากนั้นก็ตรงเข้าสู่ตึกบีไปในทันที
แต่ในความเป็นจริงนั้นตึกบีไม่มีอยู่จริง
ครูผู้ดูแลหอพักในนั้นก็ไม่มีตัวตน เด็กหนุ่มครึ่งท่อน หวังเป่ากังที่เดินกลับหัว และคุณน้าที่เติมน้ำลงในกระติกน้ำร้อนพวกนั้นไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ
แต่แม้จะรู้สึกว่าไม่มีตัวตน แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนจริงเอามากๆ
‘การเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ’ ที่ทำให้ผู้คนไม่รู้เนื้อรู้ตัว นี่มันช่างน่ากลัวมากจริงๆ
“เคยได้ยินเรื่อง ‘อาบรักทะลุมิติ’ ไหม” โจวเจ๋อถาม
“ข้าเคยดูหนังเรื่องนี้” นักพรตเฒ่าตอบ
“มันเป็นส่วนหนึ่งในเรื่อง ‘โปเยโปโลเย’” โจวเจ๋อหันศีรษะไปทางที่นั่งข้างๆ “เรื่องราวแทบจะเหมือนกันใช่ไหม แต่ทว่าในเรื่องนั้นมนุษย์เข้าสู่โลกแห่งจิตรกรรมฝาผนัง แต่ครั้งนี้พวกเรากลับเข้าไปสู่โลกในสมุดบันทึกเล่มนี้แทน ถ้าเดาไม่ผิดละก็ สมุดบันทึกน่าจะเต็มไปด้วยภาพวาดด้วยปากกา และทุกสิ่งที่เราเห็นในหอพักแห่งนั้นล้วนแล้วแต่ถูกวาดไว้ในนั้นหมดแล้ว”
“นี่มันถึงขนาดนี้เลยหรือนี่”
“ตอนนี้มีคำถามอยู่ข้อเดียว ซุนชิวคนนั้นเป็นตัวอะไรกันแน่”
ถ้าตอนนี้โจวเจ๋อยังไม่เอะใจถึงปัญหาของซุนชิว อย่างนั้นก็คงจะไร้ประโยชน์จริงๆ
ตั้งแต่เจ้านั่นเข้าไปเล่าเรื่องในร้านหนังสือ จนตัวเขากับนักพรตเฒ่าได้เข้ามาถึงโรงเรียนมัธยมผิงเฉาและถูกแมวดำนำทางไปหาสมุดบันทึกเล่มนี้ จริงๆ แล้วเรื่องราวทั้งหมดล้วนเชื่อมโยงเข้าหากัน
มีคนคอยชี้นำและบงการอยู่เบื้องหลัง และดูเหมือนว่ากำลังรอให้ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้คนรู้สึกอึดอัดมาก ปกติแล้วคนทั่วไปต่างก็ไม่ยอมเป็นหุ่นเชิดของคนอื่นอยู่แล้ว
และภาพเด็กสาวในส่วนลึกของทางเดินที่เขาเห็นตอนที่ ‘ปิด’ สมุดบันทึก ก็ทำให้เขานึกถึงสาวน้อยในหมู่บ้านซานเซียงอีกครั้ง เธอมีความน่ารักไร้เดียงสา เธอหิวโหย และเธอก็เป็นเด็กดีมาก
ทว่าไป๋อิงอิงถูกอีกฝ่ายเล่นงานจนถูกจับมัดเอาไว้
ก่อนหน้านี้โจวเจ๋อยังคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนเก่งที่ทำตัวลึกลับไม่ชอบเปิดเผย ทำความดีแต่ไม่ทิ้งชื่อไว้ แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ใช่คนไร้เดียงสาถึงขนาดนั้น
ภาพวาดปากกาหกภาพที่เจอในหอพักนั้นมีจุดประสงค์อะไร อันที่จริงโจวเจ๋อพอเดาออกอยู่บ้าง โดยเฉพาะภาพที่เกี่ยวข้องกับนักพรตเฒ่า
ภาพวาดก็เหมือนกับภาพยนตร์ต่างก็เป็นของปลอม ไม่นับว่าเป็นการมีอยู่อย่างแท้จริง ทั้งฉากและตัวละครในภาพวาดย่อมมีอิสระไร้ขอบเขต
ยกตัวอย่างเช่น ตึกหอพักสามารถโค้งงอได้ ผีที่ปรากฏขึ้นตัวแล้วตัวเล่าในนั้นไม่จำเป็นต้องสรรหาเหตุผลใดๆ มาอธิบาย แต่ของปลอมก็คือของปลอมอยู่วันยังค่ำ มันจะเป็นจริงได้อย่างไร
ทำให้คนเป็นกลายเป็นคนตายอยู่ในนั้น ทำให้คนที่มีชีวิตอยู่จริงๆ ตายในโลกปลอมๆ ให้เรื่องที่เกิดขึ้นที่หนึ่งส่งผลไปยังอีกที่หนึ่ง ทำให้ของที่เดิมทีเป็นของปลอม สามารถส่งผลต่อความเป็นจริงได้
ก็เหมือนกับการฉ้อโกงทางการเงิน กลโกงและการประชาสัมพันธ์ทั้งหมดนั้นเป็นของปลอม แต่สามารถดึงดูดเงินทุนในความเป็นจริงและฉ้อโกงเงินจำนวนมากได้ และในท้ายที่สุดไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่สำคัญแล้ว มันได้สร้างความโกลาหลแตกตื่นในความเป็นจริงสำเร็จไปแล้ว
และเป็นเพราะว่าเดิมทีเขาเป็น ‘คนตาย’ อยู่แล้วไม่นับว่าเป็นคนที่มีชีวิต ดังนั้นตัวเอกของภาพวาดนั้นจึงกลายเป็นนักพรตเฒ่า
โจวเจ๋อยื่นมือขึ้นไปนวดคิ้วตัวเอง พูดตามตรง เรื่องนี้ไม่มีที่มาที่ไป อีกทั้งรสชาติของการถูกจับตามองและถูกวางแผนการใส่นั้นน่าอึดอึดมาก
‘เมี้ยว!’
เสียงแมวดังลอยมา ร่างของนักพรตเฒ่าที่กำลังทายาแผนโบราณในฝั่งที่นั่งคนขับชะงักทันที ก่อนจะรีบมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็ว บนสะพานไม่ไกลนักมีแมวดำนอนหมอบอยู่ตรงนั้น ดวงตาสีไพลินของมันมองมาทางนี้
“แม่งเอ๊ย แมวตัวนี้โผล่ออกมาอีกแล้ว”
นักพรตเฒ่าค่อนข้างอ่อนไหวต่อแมวพวกนี้มาก ตอนนี้เขาจำได้ว่า ตอนแรกเขาเสนอให้จับแมวดำตัวนั้น เพราะว่าเถ้าแก่คนก่อนของเขามีแมวสีขาวอยู่ข้างตัว เลยคิดว่าถ้าโจวเจ๋อมีแมวสีดำมาอยู่ข้างๆ ก็จะสามารถยกตัวเองขึ้นไปอยู่ระดับบิ๊กได้
โจวเจ๋อลงจากรถและมองไปตรงนั้นโดยที่ยังถือสมุดบันทึกเล่มนั้นอยู่ในมือ ปกด้านหลังสมุดบันทึกมีรูปติดอยู่ เป็นรูปศีรษะของแมวดำ
แมวดำอยู่ห่างจากโจวเจ๋อไปเกือบหนึ่งร้อยเมตรได้ มันเลียอุ้งเท้าของมันราวกับว่ายังไม่สาแก่ใจ เมื่อสักครู่นี้มันเกือบจะได้ลิ้มรสกินนักพรตเฒ่าอยู่แล้วเชียว
โจวเจ๋อไม่ได้วิ่งไปจับแมว และก็ขี้เกียจเล่นเกมซ่อนหาอะไรเทือกนั้นกับมัน เขาหยิบไฟแช็กออกมาจุดไฟแล้วเอาสมุดบันทึกจ่อเข้าไป
การทำนายบ้าๆ นี่ อย่างมากฉันก็จัดการเผามันทิ้งซะ!
แมวดำชะงักไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนมันจะคาดไม่ถึงว่าโจวเจ๋อจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ทันใดนั้นมันเกร็งตัวและกระโดดพุ่งตรงเข้ามา เงาดำเกือบจะลอยถลาขึ้นไปบนพื้นคอนกรีตแล้วพุ่งมาทางโจวเจ๋อ
เป็นไปตามคาด แมวดำตัวนี้คล้ายจะเป็นจิตวิญญาณของสมุดบันทึกเล่มนี้ใช่หรือไม่
‘ฟึบ!’
เล็บนิ้วมือด้านซ้ายของโจวเจ๋องอกยาวออกมา และคว้าแมวดำที่พุ่งเข้ามาหาเขาในทันที
‘ตุ้บ!’
แมวดำถูกโจวเจ๋อเหวี่ยงทิ้งร่วงลงกับพื้น ร่างของมันเริ่มกลายเป็นภาพลวงตา เห็นได้ชัดว่าทรมานมาก มันอ่อนแอกว่าที่โจวเจ๋อคิดไว้มากทีเดียว
“เฮ้ เจ้าคิดจะเผามันจริงๆ เหรอ”
เสียงของเด็กสาวดังมาจากด้านหลังโจวเจ๋อ โจวเจ๋อหันกลับมาและมองเห็นเด็กสาวนั่งอยู่บนหลังคารถของเขา เท้าทั้งสองข้างแกว่งไปมา ราวกับกำลังดูเรื่องสนุกๆ อยู่อย่างนั้น
เธอดูเรื่องสนุกๆ มาตั้งแต่ต้นจนจบ ดูมันอยู่ตลอดเวลา
นักพรตเฒ่าโผล่หัวออกมาจากรถ ยังไม่ทันจะเงยหน้าขึ้นมอง เท้าข้างหนึ่งก็เตะเขาโดยตรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล