ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 146

ตอนที่ 146 เถ้าแก่ที่เอาใจใส่

ระหว่างทางกลับ โจวเจ๋อเป็นคนขับรถ สภาพของนักพรตเฒ่าในตอนนี้ไม่เหมาะที่จะขับรถได้

“เถ้าแก่ ผู้หญิงคนนั้นเป็นเจ้าหนี้กรรมของเจ้าในชาติที่แล้วจริงๆ หรือ”

“คุณได้ยินอะไรไปบ้าง” โจวเจ๋อถาม

“เอ่อ เถ้าแก่เจ้าวางใจได้ ข้าจะเก็บไว้เป็นความลับให้เจ้าเอง!” นักพรตเฒ่าตบหน้าอกผอมแห้งของเขาเบาๆ ทันที

“คนตายเก็บความลับได้ดีที่สุด”

“…” นักพรตเฒ่า

‘เอี๊ยด…’

รถเบรกกะทันหันและหยุดลง

นักพรตเฒ่าตกตะลึงพรึงเพริด ‘ฉิบหาย นี่จะฆ่าปิดปากจริงๆ หรือนี่’

โจวเจ๋อเคยชินกับการยื่นมือไปคลำบุหรี่ แต่พบว่าเขาสูบบุหรี่ไปหมดแล้ว เขามองนักพรตเฒ่า อยากจะขอบุหรี่จากเขาสักมวน แต่กลับพบว่านักพรตเฒ่าใช้มือทั้งสองข้างจับเข่าของตัวเองแล้วสั่นงกๆ อยู่ตรงนั้น

ตกใจกลัวจริงเหรอเนี่ย

โจวเจ๋อเอื้อมมือออกไปตบไหล่นักพรตเฒ่าเบาๆ หนึ่งที

“นี่”

“อ๊าก!”

นักพรตเฒ่าร้องเสียงหลงแล้วมองโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อรู้สึกว่ามันช่างน่าขำเสียจริง ภาพลักษณ์ปกติของเขาแย่ขนาดนี้เลยเหรอ ถึงได้ทำให้นักพรตเฒ่าคิดว่าเขาจะฆ่าปิดปากจริงๆ น่ะ

“ขอบุหรี่หน่อย”

“อ้อ ได้”

นักพรตเฒ่ากุลีกุจอหยิบบุหรี่ออกมาและยื่นให้โจวเจ๋อ จากนั้นก็จุดบุหรี่ให้โจวเจ๋อด้วยตัวเอง ระมัดระวังตัวราวกับสาวใช้สมัยโบราณ เพียงแต่ว่าสาวใช้คนนี้อาจจะแก่เกินไปสักหน่อย

“เถ้าแก่ เจ้าหยุดรถอย่างนี้คิดจะทำอะไร”

“เลิกเสแสร้งได้แล้ว แสดงละครสนุกมากเลยหรือไง”

“เอ่อ…”

นักพรตเฒ่ากลอกตาในใจ รับใช้คนไร้ความปรานีอย่างเจ้ามันง่ายสำหรับข้าไหมล่ะ!

บางทีนักพรตเฒ่าก็ไม่เข้าใจตัวเองนัก ชีวิตดีๆ สบายๆ ไม่เอา ทำไมจะต้องมาคบค้าสมาคมกับเถ้าแก่ผีนี่อยู่เรื่อย แต่เมื่อคิดแล้วก็ปล่อยวาง บางทีนี่อาจจะเป็นวิถีแห่งชีวิตก็ได้ หรือบางทีนี่ก็อาจจะเป็นวิถีแห่งลูกผู้ชายก็ได้

หากไม่กินให้อิ่มแล้วมองหาสิ่งเร้าใจและความท้าทายสักหน่อย ชีวิตจะน่าเบื่อแค่ไหนกัน

ยิ่งกว่านั้น ชีวิตในตอนนี้เป็นสิ่งที่เขาในอดีตไม่สามารถสัมผัสถึงมันได้ และคนทั่วไปส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถเข้าถึงมันได้

“เถ้าแก่ หยุดรถคิดจะทำอะไร” นักพรตเฒ่าถามออกไป

“กินข้าวเช้า”

เมื่อโจวเจ๋อพูดจบก็เปิดประตูลงจากรถไป

กินข้าวเช้าหรือ

เถ้าแก่เจ้าพกน้ำผลไม้มาด้วยไหม ข้าไม่ได้เอามันมานะ

ด้านหน้ามีแผงขายอาหารเช้าเป็นแถว มีแป้งทอด มีบะหมี่ มีซาลาเปาและปาท่องโก๋ ที่นี่นับว่าเป็นสี่แยกเล็กๆ มีรถราสัญจรไปมามากมาย และมีคนไม่น้อยเลยที่ขับรถมาแวะกินอะไรที่นี่

โจวเจ๋อเดินไปหน้าแผงขายซุปเนื้อ เจ้าของร้านเป็นชายวัยกลางคน

“ซุปเนื้อสองชามครับ” โจวเจ๋อพูด

“ได้เลย ใส่พริกไหมครับ”

“ใส่ครับ”

“โอเคครับ”

ก่อนอื่นเจ้าของร้านหยิบชามออกมาสองใบ ใส่ต้นหอมและผักชีตามลำดับ จากนั้นค่อยใส่เนื้อลงไป

หลังจากนั้นก็ตักซุปขึ้นมาจากหม้อซุปที่วางอยู่บนเตาถ่านหนึ่งทัพพีแล้วเทลงไปในชาม และเทซุปในชามกลับลงไปตามเดิม ตามด้วยใส่เครื่องปรุงรสต่างๆ ลงในชาม และสุดท้ายก็ตักน้ำซุปลงไปเต็มชาม และช่วยโจวเจ๋อนำชามทั้งสองไปวางบนโต๊ะเล็กๆ ด้านข้าง

โจวเจ๋อหยิบพริกมาใส่เพิ่มลงในชาม สั่งแป้งทอดอีกสองชิ้นแล้วนั่งลง

ในตอนนี้เองนักพรตเฒ่าก็มาแล้ว เขานั่งข้างโจวเจ๋อและถูมือ มีความเคอะเขินแต่ก็รู้สึกปลาบปลื้มใจเล็กน้อย ‘แม่งเอ๊ย นี่เป็นครั้งแรกที่เถ้าแก่เลี้ยงข้าวเขาเลยนะเนี่ย! คนขี้เหนียวคนนี้เลี้ยงข้าวจริงๆ! ข้าควรจะร้องไห้เพื่อสร้างบรรยากาศดีไหม’

นักพรตเฒ่ารนหาที่ตายอยู่ในใจอย่างต่อเนื่อง จากนั้นเห็นโจวเจ๋อค่อยๆ ฉีกแป้งทอดเป็นชิ้นๆ แล้วแช่ในชามน้ำซุป

นักพรตเฒ่าก็ทำตาม ชาตินี้นักพรตเฒ่าเคยขึ้นเหนือล่องใต้ไปมาก็หลายที่ แน่นอนว่าคุ้นเคยกับอาหารประเภทนี้น้ำเสียงของเถ้าแก่ที่ทักทายลูกค้าสามารถบอกได้ทันทีว่าเขาเป็นชาวเหอหนาน

และอาหารเช้าของชาวเหอหนานหลายๆ คน ความจริงนั้นเริ่มจากชามซุป

แต่กระนั้น นักพรตเฒ่าก็ไม่ได้ซดหรือเคลื่อนไหวใดๆ เพียงแค่มองโจวเจ๋ออย่างเงียบๆ

โจวเจ๋อถูกเขามองจนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย จึงพูดว่า “เป็นอะไร กินไม่ได้เหรอ”

“ไม่ๆๆ กินได้ครับ กินได้”

นักพรตเฒ่าตอบรับไปส่งๆ

ซุปนี้มีปัญหาอย่างแน่นอน!

จู่ๆ ก็หยุดรถกะทันหันและลงมากินข้าวเช้านี่มันมีปัญหาแล้วจริงๆ แถมยังฉีกแผ่นแป้งด้วยท่าทางจริงจังอีกต่างหาก

นักพรตเฒ่าหันหน้าไปพินิจพิเคราะห์เถ้าแก่คนนั้นอีกสองสามครั้ง เถ้าแก่คนนี้ก็เป็นผีเหมือนกันหรือ

ถ้าอย่างนั้นซุปนี้ก็ไม่สะอาดแน่นอน!

นักพรตเฒ่ารู้สึกว่าเขามองดูทุกอย่างออกแล้ว ‘เชี่ยเอ๊ย เถ้าแก่ใช้วิธีการสกปรกอีกแล้ว เหมือนกับตอนที่บอกให้ข้าเดินออกไปจากหอพักก่อน จากนั้นเขาก็มองอยู่ข้างๆ มองหอพักโค้งงอลงมา ครั้งนี้จะต้องล้อข้าเล่นอีกแน่นอน! รอให้ข้าซดซุปนี้เข้าไปแล้วทำตัวปล่อยไก่ออกมา!’

“มันร้อนนิดหน่อย เดี๋ยวข้าค่อยซดมัน” นักพรตเฒ่าอธิบาย

โจวเจ๋อพยักหน้าและฉีกแผ่นแป้งในมือต่อไป

นักพรตเฒ่าหิวขึ้นมาบ้างแล้วจริงๆ เขาเหลือบมองเถ้าแก่คนนั้นสองสามครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วพูดว่า “เถ้าแก่ แค่นี้มันไม่พอ ข้าจะไปซื้อหมั่นโถวสองลูกจากฝั่งตรงข้ามมานะ”

ว่าแล้ว นักพรตเฒ่าก็วิ่งข้ามถนนเล็กๆ ไปซื้อหมั่นโถวสองสามลูกแล้วกลับมานั่งลงอีกครั้ง จากนั้นก็หยิบหมั่นโถวขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย

‘แม่งเอ๊ย กินของที่ตัวเองซื้อมามันน่าวางใจกว่ากันเยอะ อร่อยมาก! แถมน้องสาวที่ขายหมั่นโถวคนนั้นยังมีหมั่นโถวอวบอิ่มอยู่ตรงหน้าอกอีกด้วย’

นักพรตเฒ่ากินเข้าไปและยื่นหมั่นโถวให้โจวเจ๋อหนึ่งลูก

โจวเจ๋อรับเอาหมั่นโถวมาและวางไว้ข้างๆ ชามซุป จากนั้นสายตาที่ใช้มองนักพรตเฒ่านั้นเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

‘เอ๋ ทำไมถึงมองข้าด้วยสายตาแบบนั้นนะ’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล