ตอนที่ 163 เธอ!
เรื่องราวได้ปิดฉากลง ท้องทะเลกว้างใหญ่ก่อนหน้านั้นรวมถึงเกาะและอื่นๆ เหมือนกับความฝัน ท้ายที่สุดก็จบลง
พวกภูตผีปีศาจ หากจะพูดแบบไม่น่าฟัง จริงๆ แล้วไม่ใช่สิ่งที่สามารถเข้าไปในสถานที่ที่สูงส่งสง่างามได้ ไม่อย่างนั้นบนโลกนี้ก็คงไม่ให้ ‘คน’ เป็นตัวเอกหรอก แต่นิสัยที่บกพร่องของคนเรามักจะเพิ่มพื้นที่ให้พวกเขา กระทั่งมีบางคนชอบที่จะหาเรื่องใส่ตัวเอง
โจวเจ๋อไม่แน่ใจว่าตัวเองควรจะมองในมุมมองของผีหรือในมุมมองของคนกันแน่ ในความเป็นจริงมีหลายครั้งที่เขาก็ไม่ค่อยแน่ใจกับตำแหน่งของตัวเองเท่าไรนัก และมีหลายครั้งที่เขามักจะมองตัวเองเป็นเพียงผู้สังเกตเการณ์เท่านั้น
มองเขาดีใจ มองเขาเสียใจ มองคนหัวเราะ มองผีร้องไห้ ไม่ว่าเรื่องอะไร ขอเพียงเจอมาเยอะแล้วก็จะชินชา
โจวเจ๋อสั่งให้ไป๋อิงอิงประคองตัวเองขึ้นไปชั้นสอง ทุกอย่างที่อยู่ที่นี่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ถึงแม้ตอนที่เดินเข้ามาในห้อง โจวเจ๋อก็ยังเห็นชายชราคนนั้นนอนหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟา
ไป๋อิงอิงไม่ค่อยเข้าใจ จึงถามว่า “ไม่ตายเหรอ”
โจวเจ๋อเป็นคนปล่อยงูเหลือมตัวนั้นขึ้นมา ผลปรากฏว่ามันไม่ได้ฆ่าคนเหรอ
โจวเจ๋อส่ายหน้า คนตายแล้ว ไอสีดำที่จุดอิ้นถังของชายชราไม่สามารปิดบังได้อย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตายในชั่วเวลาอันสั้น แต่หลังจากนี้อีกสองสามวัน เขาก็จะเจ็บปวดทรมานแล้วตายไป ความทรมานถึงจะสิ้นสุดลง
ผู้หญิงนอนอยู่บนพื้น กระโปรงเปิดออกเผยให้เห็นพื้นที่ข้างในทั้งหมด
โจวเจ๋อจ้องมองพักหนึ่ง ไป๋อิงอิงเบ้ปากอยู่ข้างๆ
ไม่นานนัก โจวเจ๋อจึงเดินเข้าไปช่วยจัดระเบียบเสื้อผ้าให้ผู้หญิง พวกเขานอนหลับสนิท เรื่องที่เกิดขึ้นมากมายก่อนหน้านั้น สำหรับพวกเขาแล้วเป็นแค่ความฝันเท่านั้น แต่โชคชะตาของพวกเขาทั้งสองคน กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงมากกว่าสองสามครั้งแล้ว
โจวเจ๋อเดินวนอยู่ในบ้านหลังนี้อีกสองรอบ แล้วจึงพบร่างงูครึ่งตัวอยู่ด้านหลังกำแพงแห่งหนึ่ง เป็นงูตัวเล็ก งูเล็กตัวสีเขียว แต่กลายเป็นซากงูแห้งไปแล้ว
และประตูของห้องนี้ก็ดูผิดปกติเล็กน้อย บนนั้นสลักลวดลายแปลกๆ โจวเจ๋อสั่งให้ไป๋อิงอิงช่วยลอกลายลวดลายเหล่านั้น จากนั้นโจวเจ๋อไม่ได้ปลุกผู้หญิงให้ตื่นเพื่อจ่ายเงินงวดสุดท้าย เขาออกไปพร้อมกับไป๋อิงอิงทันที
หลังจากออกมาจากบ้านแล้ว ผ่านไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ สวี่ชิงหล่างเดินออกมาจากบรรยากาศที่น่ากลัวในคืนนั้นเสียที เริ่มรับหน้าที่ทำอาหารสามมื้อให้ทุกคนที่อยู่ในร้านหนังสือ
บวกกับทุกเย็นในร้านหนังสือจะมีผีหนึ่งถึงสองตนหางานมาให้บ้าง ชีวิตของเถ้าแก่โจวนับว่าถูกเติมเต็ม และที่สำคัญที่สุดคือ ร่างกายของเขาเริ่มฟื้นฟูกลับมาเยอะแล้ว
เรื่องที่ควรสะสางก็ถึงเวลาดำเนินการเสียที อย่างเช่นบาทหลวงคนนั้นที่เริ่มกระโดดโลดเต้นตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้ว สมควรไปลงนรกได้แล้ว
“นัดหลินเข่อ วันพรุ่งนี้ตอนกลางวันเจอกันที่ร้านหนังสือ” โจวเจ๋อพูดกับไป๋อิงอิงที่รินน้ำชาให้ตัวเอง
“เจ้าค่ะ” ไป๋อิงอิงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที แล้วถามว่า “เถ้าแก่ นี่คือจะไปตามหาบาทหลวงคนนั้นใช่ไหมเจ้าคะ”
โจวเจ๋อพยักหน้า ถึงแม้จะพูดว่าการตายของคนในครอบครัวของชายชรามีสาเหตุมาจาก ‘จิตใจถูกครอบงำ’ ด้วยความเห็นแก่ตัวของชายชราเอง แต่ก็เป็นเพราะบาทหลวงคนนั้นคอยยุยงส่งเสริมเช่นกัน
บวกกับอีกฝ่ายได้ขโมยอัฐิของตัวเองไป แค้นนี้จะต้องชำระให้ได้
“เถ้าแก่ ดูเหมือนท่านจะลืมเรื่องสำคัญมากอีกเรื่องหนึ่ง” ไป๋อิงอิงเอ่ยเตือน
“เรื่องอะไร”
“เงินงวดสุดท้ายไง ยังเหลือเงินงวดสุดท้ายอีกแปดล้านหยวน”
“เหอะๆ” โจวเจ๋อหัวเราะหนึ่งที
“เถ้าแก่ จะทำแบบนี้ไม่ได้ อย่าเห็นว่าเธอหน้าตาดีแล้วจะไม่เอาเงิน หน้าตาดีแค่ไหนก็เอามากินแทนข้าวไม่ได้”
“มีเงินมัดจำหนึ่งล้านก็สามารถใช้ได้อีกนาน เงินที่ยืมคุณก่อนหน้านั้นก็ใช้คืนคุณแล้วไม่ใช่เหรอ คุณไปไถ่ของใช้ที่ฝังไปกับศพคืนกลับมาสิ”
“ไม่ใช่ เถ้าแก่ ไม่มีใครใช้ชีวิตแบบท่านนะเจ้าคะ ไม่เป็นเจ้าของบ้านจึงไม่รู้ว่าลำบากแค่ไหน ท่านจะไม่สนใจเงินแปดล้านหยวนไม่ได้ แล้ววันหลังจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง แปดล้านหยวนนะ ไม่ใช่แปดร้อยหยวน!”
ไป๋อิงอิงใช้น้ำเสียงเหมือนผู้ชายเชื่อถือไม่ได้เลย
“เถ้าแก่ หนังสือพิมพ์ออกข่าวมาแล้ว” นักพรตเฒ่าที่เพิ่งถูพื้นเสร็จถือหนังสือพิมพ์เดินเข้ามา
ชายชราตายแล้ว บนหนังสือพิมพ์มีคนมากมายไปร่วมไว้อาลัย สาเหตุการตายเป็นเพราะป่วยหนักจึงทนต่อไปไม่ไหว
ตอนที่ชายชรายังมีชีวิตอยู่ก็มีหน้ามีตาเช่นกัน งานศพของเขาจัดอย่างยิ่งใหญ่มาก อันที่จริงโลกก็เป็นแบบนี้ มีหลายคนอาจจะมีหน้ามีตาต่อหน้าคนอื่นอย่างไม่สิ้นสุด แต่ใครจะรู้ว่าลับหลังกลับทำเรื่องเลวทรามต่ำช้า ต่อหน้าคนอื่นทำตัวอีกอย่าง ลับหลังก็เป็นอีกอย่าง การกลับตาลปัตรแบบนี้ทำให้คนหมู่มากรู้สึกชินชาแล้ว
“อ๋า!” ไป๋อิงอิงร้องทันที
“เป็นอะไร” โจวเจ๋อยกน้ำชาขึ้นมาพอดี เขาตกใจเสียงเธอจนน้ำชากระเด็นออกมา
“เถ้าแก่ดูตรงนี้สิเจ้าคะ” ไป๋อิงอิงชี้ไปที่อีกคอลัมน์หนึ่งแล้วพูด
โจวเจ๋อหันไปมอง หัวข้อคือ ‘ภรรยาของเศรษฐีบริจาคทรัพย์สินทั้งหมด’ ผู้หญิงคนนั้นนำทรัพย์สินที่ตัวเองได้รับไปบริจาคทั้งหมด
“ทำไมเธอทำแบบนั้น” ไป๋อิงอิงยากที่จะเข้าใจ จากนั้นไป๋อิงอิงก็มองโจวเจ๋อที่ทำสีหน้าสงบนิ่ง แล้วถามว่า “เถ้าแก่ ท่านรู้นานแล้วใช่ไหม”
โจวเจ๋อส่ายหน้า
“แปดล้านหยวนเชียวนะ เงินแปดล้านหยวนของท่านก็ถูกบริจาคให้โครงการสังคมสงเคราะห์ด้านการศึกษาด้วย”
“บริจาคก็บริจาคไปสิ”
“เถ้าแก่ อะไรคือบริจาคก็บริจาค ที่บริจาคไปนี่เป็นเงินนะเจ้าคะ ไม่ใช่บริจาคอสุจิแปดล้านตัว อีกอย่างนะเถ้าแก่ ท่านก็จนอยู่แล้วด้วย ข้าอยากจะซื้อของเอาไปฝังกับศพอีกสักหน่อย อย่างนั้นท่านก็บริจาคให้ข้าบ้างได้ไหม”
ไป๋อิงอิงขยับเข้าไปพูดด้วยท่าทางน่ารัก
“อะไรแปดล้านหยวน” สวี่ชิงหล่างถือกาแฟเดินเข้ามา
“ลูกค้าผู้หญิงที่มีเงินคนนั้นที่พูดกับเจ้าครั้งที่แล้ว เดิมทีบอกว่าช่วยเธอแก้ปัญหาแล้ว ยังมีเงินงวดสุดท้ายอีกแปดล้านหยวน แต่พอสามีของเธอตายแล้ว เธอกลับบริจาคทรัพย์สินทั้งหมด” ไป๋อิงอิงอธิบายให้สวี่ชิงหล่างฟัง
“เวอร์ขนาดนั้นเชียว” สวี่ชิงหล่างก็ตกใจเหมือนกัน จำนวนเงินบริจาคนั่นต้องคิดคำนวณเป็นหลักร้อยล้านใช่ไหม
“โอ๊ะ ดูสิว่าใครมา” นักพรตเฒ่าพูดแล้วชี้ไปที่หน้าประตู
ที่หน้าประตู มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ เธอใส่ชุดราตรีสีดำ ปิดหน้าด้วยผ้าสีดำบางๆ
การแต่งกายนี้ผู้ชายหลายคนคุ้นเคยมาก เป็นการแต่งกายของแม่ม่าย
ผู้หญิงเดินเข้ามา พยักหน้าให้โจวเจ๋อเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ฉันจะกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดของฉัน เงินงวดสุดท้ายของคุณ ขอโทษด้วยนะคะ”
“นี่ ขอโทษอะไรกัน เจ้ารู้ไหมว่าเถ้าแก่ของข้าจนขนาดไหน เงินเดือนก็ไม่มีจ่าย แล้วเจ้ายังจะกินเงินแปดล้านของเขาอีก!” นักพรตเฒ่าพูดอย่างหัวเสีย
“นักพรตเฒ่า พื้นสกปรกแล้ว”
“อะไรนะ”
จากนั้นนักพรตเฒ่าก็เห็นโจวเจ๋อทำท่าจะเอาน้ำชาเทใส่พื้น เขาจึงหุบปากไม่พูดอย่างรู้กาลเทศะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล