ตอนที่ 165 เรียกฉันว่าอะไร!
ผู้ยิ่งใหญ่มักมีแผนของผู้ยิ่งใหญ่ คนตัวเล็กก็มีจุดประสงค์ของคนตัวเล็ก หลายครั้งที่มีความขัดแย้งกันระหว่างทั้งสองฝ่าย
เรื่องของเศรษฐีแก่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลนั่นมีบทบาทมากน้อยแค่ไหน โจวเจ๋อไม่ทราบ บางทีสักวันหนึ่งตอนที่โจวเจ๋อหาเงินได้มากพอ รู้สึกว่าสามารถซื้อเรือสำราญเพื่อเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกยามลอยอยู่บนทะเลได้แล้ว เขาอาจจะหาคำตอบเจอก็เป็นได้
ตอนนี้สิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำคือ จัดการฆ่าบาทหลวงชาวญี่ปุ่นที่คอยก่อเรื่องตั้งแต่ต้นจบไม่หยุดหย่อนให้ตายเสีย จากนั้นก็โยนเข้าเตาเผาศพ แล้วเอาเถ้ากระดูกของเขามาทำข้าวแกงกระหรี่
โจวเจ๋อขับรถไปตามตำแหน่งจีพีเอสมาถึงย่านเก่าแก่เล็กๆ ย่านหนึ่ง ชุมชนเล็กๆ แห่งนี้น่าจะเป็นการระดมทุนสร้างตึกของหน่วยงานใดสักแห่งเมื่อนานมาแล้ว และกำลังจะถูกรื้อถอน ครอบครัวที่อยู่ข้างในก็ย้ายบ้านกันเกือบหมดแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีความเก่ารกร้างและสกปรก แต่ยังมีครอบครัวจำนวนหนึ่งที่ยังอาศัยอยู่
เมืองทงเฉิงเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว แต่หลังจากที่เดินเข้าไป คุณกลับรู้สึกถึงความหนาวเย็น นี่ไม่ใช่ผลกระทบจากผีหรือสิ่งประหลาด แต่เป็นการแสดงออกทางจิตวิทยาของคนที่เกิดขึ้นในสถานที่ที่มีคนน้อยโดยเฉพาะ
“ชั้นสามห้องที่อยู่ซ้ายมือสุด มีเด็กหนุ่มที่ทำงานในทงเฉิงเช่าห้องอยู่ที่นี่” สาวน้อยโลลิอธิบาย
โจวเจ๋อพยักหน้า ไม่ได้ลังเลมากนัก เดินตรงไปทันที ถึงแม้ตอนนี้จะไม่แน่ใจว่าบาทหลวงคนนั้นอยู่ในนี้หรือไม่ แต่ถ้าหากพวกเขาทั้งสามคนรออยู่ข้างล่างอย่างเดียวคงจะโง่เกินไปแล้ว
เมื่อมาถึงชั้นสาม ประตูห้องถูกล็อกอยู่ โจวเจ๋อใช้เล็บของตัวเองเปิดประตู หลังจากผลักเข้าไป เขาพบว่าข้างในไม่มีฝุ่นเลย สะอาดมากจนผิดปกติ
สถานที่ที่คนอยู่อาศัยไม่มีทางสะอาดขนาดนี้ กระทั่งทุกมุมของห้องแทบจะไม่มีฝุ่นเลย ต่อให้เป็นบริษัททำความสะอาดก็ยากที่จะทำได้ถึงระดับนี้
ผนัง พื้นกระเบื้อง หน้าต่าง กระทั่งชักโครก ล้วนสะอาดวาววับ
ไป๋อิงอิงมองดูสถานการณ์ด้านใน ทันใดนั้นก็เป็นกังวลขึ้นมา นางรู้ว่าเถ้าแก่เป็นคนอนามัยมาก ดังนั้นนางกลัวว่าเถ้าแก่ของตัวเองถ้าหากชอบความสะอาดของที่นี่จะขอร้องตัวเองกับนักพรตเฒ่าให้ทำร้านหนังสือให้สะอาดแบบนี้
ถ้าหากเป็นแบบนี้ละก็ ต่อไปนางนอกจากต้องนอนเป็นเพื่อนเถ้าแก่แล้วก็ต้องทำความสะอาดไม่หยุด แม้แต่เวลาเล่นเกมก็คงไม่มี
ภายในห้องไม่มีคน และห้องเล็กๆ ก็ซ่อนคนไม่ได้
โจวเจ๋อนั่งลงยองๆ ใช้เล็บข่วนไปบนกระเบื้อง จากนั้นมองรอยเล็บของตัวเอง ข้างในมีวัตถุใสๆ บางอย่าง
สาเหตุที่ห้องนี้สะอาดขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะมันถูกทำความสะอาดมากเกินไป แต่เป็นเพราะมีสิ่งที่คล้ายขี้ผึ้งทาอยู่ข้างบน จึงทำให้เกิดความรู้สึกหลอกตาว่า ‘ที่นี่สะอาดมาก’ กระทั่งผ้าห่มที่อยู่บนเตียงก็ยังทาของพวกนี้
“คนไม่อยู่” สาวน้อยโลลิเอ่ย
“ผมไม่ได้ตาบอด” โจวเจ๋อตอบ
“อย่างนั้นเปลี่ยนที่เหรอ”
สาวน้อยโลลิยักไหล่ ตามหาบาทหลวงชาวญี่ปุ่นเป็นภารกิจแรกที่โจวเจ๋อมอบให้เธอ ก่อนหน้านั้นเธอคอยตามสืบและสะกดรอยตามมานานมาก ทุ่มเทพลังไปก็เยอะ ถ้าหากจับกุมตัวไม่สำเร็จ ความลำบากของตัวเองก่อนหน้านี้ก็เท่ากับเสียแรงเปล่า
ทำงานเหนื่อยแถมยังไม่ได้รับคำชม สิ่งที่ทำมาทั้งหมดเป็นอันล้มเหลว สู้เป็นเหมือนผีดิบตัวนี้ทำตัวเซ่อซ่าอยู่ข้างกายเขาทำเสียงออดอ้อน ‘งุ้งงิ้ง’ เพิ่มความรู้สึกเอ็นดูยังจะดีกว่า
‘เพียะ’ สาวน้อยโลลิตบหน้าตัวเองหนึ่งที เธอกำลังคิดอะไรบ้าบอ
“เจ้าทำอะไร” ไป๋อิงอิงมองสาวน้อยโลลิแล้วถาม
“ตบยุง”
ไป๋อิงอิงส่ายหน้า เจ้าลืมแล้วหรือว่าวันนี้เจ้ามาด้วยร่างวิญญาณ แต่กลับตบยุง
“คนนั้นอีกไม่นานน่าจะกลับมาแล้ว” โจวเจ๋อยื่นมือชี้ไปที่เคาน์เตอร์ครัว พูดว่าเคาน์เตอร์ครัว จริงๆ แล้วเป็นแค่เตาแม่เหล็กไฟฟ้าที่วางอยู่บนโต๊ะ และยังมีเครื่องปรุงกับหัวหอมขิงและกระเทียมอยู่ข้างๆ
เนื่องจากโจวเจ๋อสังเกตเห็นว่า ทั้งห้องนี้มีเพียงพื้นที่ส่วนนี้ที่ไม่ได้ทาขี้ผึ้ง ซึ่งหมายความว่ามันเคยถูกใช้งาน และบนเขียงยังมีเครื่องเคียงที่หั่นเรียบร้อยแล้ว
มีความเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเตรียมวัตถุดิบ แต่นึกได้ว่าตัวเองไม่มีผัก โอเค การอธิบายแบบนี้ดูโง่เขลาไปบ้าง แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ดูเหมือนเป็นความโง่ที่มีความเป็นไปได้จริงๆ
“ไปรอข้างนอกเถอะ”
โจวเจ๋อปิดประตู จากนั้นยืนอยู่ที่หน้าบันได
วิญญาณของสาวน้อยโลลิลอยขึ้นมาช้าๆ แล้วนั่งลงที่ริมระเบียง แกว่งขาทั้งสองข้างไปมา น่ารักบริสุทธิ์สดใสเป็นอย่างมาก
ไป๋อิงอิงเบ้ปาก และไม่รู้ว่าทำไม เธอมั่นใจว่าสาวน้อยโลลิคนนี้สุดท้ายแล้วจะต้องเดินบนเส้นทางแย่งชิงความโปรดปรานกับตัวเองแน่นอน บางทีนี่อาจจะเป็นความรู้สึกของผู้หญิงก็เป็นได้
ดังนั้นไป๋อิงอิงจึงไม่ยอมแพ้ สองมือยันระเบียงเหมือนกำลังมองทิวทัศน์ที่อยู่ไกลๆ แต่กลับโชว์ส่วนเว้าส่วนโค้งของตัวเองอย่างเต็มที่ ทำท่าเหมือนวันนี้ฉันเปิดประตูคอยท่าคุณ
โจวเจ๋อยืนอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะนั่งหันหลังให้ผู้หญิงทั้งสองคนตรงบันไดที่อยู่ข้างๆ จากนั้นจุดบุหรี่หนึ่งมวน
อันที่จริง พอลองคิดดูแล้ว ชาติที่แล้วเถ้าแก่โจวก็มีฐานะดีพอสมควร แต่คนอายุสามสิบปีกลับเป็นโสดมาตลอดไม่เคยมีแฟนเลยสักครั้ง ใช่ว่าจะไม่มีสาเหตุ
ตอนแรกหมอหลินถึงแม้จะไม่สวยและมีบุคลิกดีเหมือนในตอนนี้ แต่ก็ไม่แย่ และเธอยังเป็นรุ่นน้องที่เลื่อมใสเขา ผลปรากฏว่าเขากลับจำชื่อของเธอไม่ได้ เห็นเธอเป็นเพียงหมอฝึกผัดภายใต้การดูแลของตัวเองและใช้งานเธออย่างกับสุนัข
คนแบบนี้ไม่ถูกกำหนดให้เป็นโสด แล้วใครจะเป็นโสดล่ะ
ผู้หญิงตัวเล็กกับตัวโตสองคนกำลังพยายามสู้กันอยู่ตรงนั้น แต่กลับรู้สึกเหมือนแสดงละครให้คนตาบอดดู ผู้หญิงทั้งสองคนจึงสงบลงทันที
โจวเจ๋อสูบบุหรี่เสร็จแล้วจึงนึกถึงเหล่าสวี่ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็กำลังรอคนอยู่ โจวเจ๋อจึงมีเวลาโทรหาเหล่าสวี่พอดี
เรื่องความรักเหล่าสวี่ยังอ่อนหัดมาก เหมือนเด็กหัวอ่อนที่ไม่มีประสบการณ์ ดังนั้นหลายครั้งจึงใส่ใจมากเกินไป การตายของผู้หญิงคนนั้น เขาน่าจะเศร้าพอสมควร
เมื่อโทรติดแล้ว เสียง ‘ฮัลโหล’ ที่หมดแรงดังมาจากทางนั้น
“นายโอเคไหม” โจวเจ๋อถาม
“พอได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล