ตอนที่ 166 เปิดศึก!
“อาๆ…อาๆ…อาๆ…”
ชายหนุ่มถูกมัดเข้ากับมุมกำแพง ขยับตัวไม่ได้ แต่ยังตะโกนเรียกโจวเจ๋อไม่หยุด
เรียกว่าอะไร ก่อนหน้านั้นโจวเจ๋อได้ให้สาวน้อยโลลิแปลจึงรู้แล้ว
“อาๆ…อาๆ…อาๆ…”
“อุดปากของเขาซะ” โจวเจ๋อรำคาญแล้ว
เพิ่งจะได้เงินหนึ่งล้านหยวนยังไม่หายร้อนเลย ตอนนี้กลับมีลูกชายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน
โธ่เอ๊ย
ไป๋อิงอิงพยักหน้า แล้วหยิบเศษผ้าชิ้นหนึ่งมาอุดปากของชายหนุ่มโดยตรง ตอนนี้ชายหนุ่มส่งเสียงไม่ได้แล้ว แต่ยังคงมองออกถึงความตื่นเต้นของเขา
เหมือนลูกเป็ดขี้เหร่ที่หาบ้านของหงส์เจอ ความรู้สึกตื่นเต้นดีใจมากล้นยากที่จะบรรยายเป็นคำพูดได้ เหมือนว่าเขาอยากจะโผเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของโจวเจ๋ออย่างอดใจไม่ไหว
“นี่คืออะไรกันแน่” ไป๋อิงอิงถามสาวน้อยโลลิที่อยู่ข้างๆ
สาวน้อยโลลิเชิดจมูกขึ้นแล้วทำเสียง ‘ฮึดฮัด’ เบาๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าข้าไม่อยากพูดกับคนที่ไอคิวต่ำกว่า
“นี่มันคืออะไรกันแน่” โจวเจ๋อถาม
“มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ก่อนหน้านั้นเจ้าพูดว่าอัฐิของเจ้าถูกขโมย ตัดความเป็นไปได้ที่สุดโต่งอย่างบาทหลวงชาวญี่ปุ่นคนนั้นเป็นแฟนคลับคลั่งของเจ้ากระทั่งอยากเก็บอัฐิของเจ้ามาซ่อนไว้ที่บ้านทิ้งไป จริงๆ แล้วที่เหลือก็เดาง่ายมาก บาทหลวงชาวญี่ปุ่นคนนั้นรู้ความลับของเจ้า และเริ่มศึกษาวิจัยความลับนี้ อย่างเช่น การขยายพันธุ์ผีดิบที่คล้ายกับเจ้า อันที่จริง คนญี่ปุ่นมีประเพณีแบบนั้นจริงๆ อย่างเช่น สิ่งที่เรียกว่าเทพมารในตำนานญี่ปุ่นโบราณมากมายล้วนเป็นลูกผสม ในเจ้ามีข้า ในข้ามีเจ้า มีความสับสนยุ่งเหยิงเป็นพิเศษ”
ไป๋อิงอิงมองสาวน้อยโลลิที่พูดจาฉะฉานอย่างต่อเนื่อง ความรู้สึกอันตรายเพิ่มสูงขึ้นอีกหนึ่งระดับ
“เหอะ” โจวเจ๋อหัวเราะแห้งๆ หนึ่งที เอาอัฐิของตัวเองไปศึกษาค้นคว้าเพื่อขยายเผ่าพันธุ์ของตัวเองเหรอ พอลองคิดดูแล้ว ก็น่าสนุกดีเหมือนกัน
“จริงๆ แล้วข้าสงสัยเรื่องหนึ่งมาตลอด” สาวน้อยโลลิเอียงศีรษะมองโจวเจ๋อ “ดูเหมือนเจ้าจะไม่สงสัยความลับในอดีตของเจ้าเลยสักนิด”
“ผมจำเป็นต้องสงสัยด้วยเหรอ ผมก็คือผม”
“อ่าฮะ ดอกไม้ไฟที่แตกต่างกัน”
สาวน้อยโลลิลุกขึ้น ลอยตัวขึ้นมาแล้วทะลุผ่านประตูไป
“ข้าจะออกไปดู ถ้าหากบาทหลวงคนนั้นกลับมาที่นี่ ข้าน่าจะเห็นเขาก่อน”
ภายในห้องเหลือเพียงโจวเจ๋อกับไป๋อิงอิงรวมทั้งตัวเชลยคนนั้น
ไป๋อิงอิงชี้ไปที่ตัวเชลยแล้วถามว่า “เถ้าแก่ ลูกชายของท่าน…จะจัดการยังไง”
“เขายังพอช่วยชีวิตได้ไหม” โจวเจ๋อถาม
“จริงๆ แล้วเขาโดนพิษของผีดิบและยังฝังลึกมาก ถ้าเป็นช่วงแรกๆ ยังพอจะมีวิธีรักษาได้ แต่ตอนนี้ไม่น่าจะรักษาได้แล้ว และถ้าหากปล่อยไว้ไม่สนใจ เขาจะกลายเป็นซากศพที่เดินได้อย่างแท้จริง มีความกระหายเลือดและเนื้อของคนสดๆ ตามสัญชาตญาณ เขาไม่ใช่ผีดิบ และไม่เหมาะที่จัดลำดับเข้ามาอยู่กับพวกเรา”
“แต่ตอนนี้เขาดูมีสติอยู่บ้าง”
“นี่เป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่ง เถ้าแก่ ตั้งแต่ตอนที่เขาเรียกท่านว่าพ่อ ก็หมายความว่าตัวตนเดิมของเขาวิญญาณที่มีจิตตื่นรู้ของเขาได้ดับสลายไปแล้ว ตอนนี้เขาเหมือนเด็กทารก เขากำลังเรียนรู้และรู้จักโลกใบนี้ในมุมมองใหม่ของตัวเอง และเนื่องจากเขามีส่วนเชื่อมโยงกับท่านมากมาย ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสนิทกับท่านตามสัญชาตญาณ”
“อย่างนั้นก็จัดการเขาเถอะ” โจวเจ๋อพูด
ในเมื่อไม่สามารถช่วยชีวิตได้ อย่างนั้นก็ต้องกำจัดเขา หากเก็บเขาไว้ก็เหมือนระเบิดเวลา อาจจะทำร้ายคนทั่วไปได้ และโจวเจ๋อในตอนนี้ก็ไม่ได้จิตใจดีมีเมตตาขนาดนั้น
ไป๋อิงอิงพยักหน้า ยื่นมือจับคอของชายหนุ่ม จากนั้นเหมือนนางจะนึกอะไรได้ จึงพูดกับโจวเจ๋อว่า “เถ้าแก่ ท่านหันหน้าไปทางอื่นอย่ามองได้ไหม”
ไป๋อิงอิงไม่อยากให้เถ้าแก่เห็นด้านที่หยาบกระด้างของตัวเอง
โจวเจ๋อหันหน้าไปอีกทาง หลังจากนั้นจึงได้ยินเสียงดัง ‘กร๊อบ’ พอหันกลับมาจึงเห็นศีรษะของชายหนุ่มถูกไป๋อิงอิงหักคอแล้ว
สาวน้อยชั้นมัธยมปลายคนหนึ่งกลับถือศีรษะของคนอยู่ในมือ และยังมองบาดแผลที่คอด้วยความสงสัย ภาพแบบนี้ดูแล้วแปลกมาก ท่ามกลางความรักโรแมนติกแฝงไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้หนังศีรษะชา
คอถูกหัก แต่กลับไม่มีเลือดสดไหลออกมา สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าหลอดเลือดบริเวณที่ถูกหักคออุดตันและแห้งเหี่ยวมานานแล้ว สายใยสีดำแต่ละสายกำลังพันอยู่ข้างใน
และในเวลานี้เอง รูจมูกของศีรษะคนที่อยู่ในมือของไป๋อิงอิงได้พ่นควันสีดำออกมากลุ่มหนึ่ง ควันสีดำรวมตัวเป็นใบหน้าของชายหนุ่ม เขาหันไปทางโจวเจ๋อด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ จากนั้นจึงสลายไปอย่างช้าๆ
เขาหลุดพ้นแล้ว หลุดพ้นแล้วจริงๆ แต่เนื่องจากการตายนี้เป็นกรณีพิเศษเขาจึงสูญเสียโอกาสในการกลับเข้าสู่สังสารวัฏ แต่การสิ้นสุดแบบนี้จริงๆ แล้วถือว่าเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่ง
โจวเจ๋อยื่นมือเช็ดปลายจมูกของตัวเองเบาๆ ลมหายใจก็เปลี่ยนเป็นหนักขึ้นเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล