ตอนที่ 167 มีลูกชายเพิ่มขึ้นอีกคน
ช่วงเวลาที่ยาวนาน อ้อไม่ หากจะพูดให้ถูกต้องคือ ชาติที่แล้วทั้งชาติ โจวเจ๋อไม่เคยต่อสู้กับใครเลย เขาไม่เคยเรียนวิชากังฟู และไม่เคยเรียนเทควันโด กระทั่งการต่อสู้พื้นฐานก็ไม่รู้
ด้วยเหตุนี้ ตอนแรกที่ไป๋อิงอิงฟื้นขึ้นมา หากใช้คำพูดของสวี่ชิงหล่าง ตอนนั้นไป๋อิงอิงยืนอยู่ในร้านหนังสือ พลังอำนาจแผ่กระจายไปรอบด้าน เหมือนลูกพี่คนหนึ่ง โจวเจ๋อจึงได้แต่ใช้เล็บ พุ่งเข้าไปข่วนราวกับมาจับชู้ จับหัวใจของไป๋อิงอิงมาระเบิด ทำให้นางเปลี่ยนจากไป๋อิงอิงเป็นไป๋หงิงหงิง
โจวเจ๋อเป็นยมทูตมาครึ่งปีกว่า ตระหนักได้ถึงปัญหาเหล่านี้ของตัวเอง แต่ก็ไม่เคยคิดจะเพิ่มความแข็งแกร่ง เรื่องนี้มีหลายสาเหตุ แน่นอนว่าสาเหตุที่ใหญ่ที่สุดเป็นเพราะ…ขี้เกียจ
รู้หนึ่งเคล็ดลับก็สามารถทำมาหากินที่ไหนก็ได้ ตอนที่เจอผีหรือว่าคนทั่วไป แค่มีเล็บของตัวเองก็พอใช้แล้ว
ถึงแม้จะเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ตัวเองก็สามารถใช้เคล็ดวิชาอู๋ซวงได้
ถึงแม้ ‘อู๋ซวง’ ของตัวเองนี้มาได้อย่างไรก็ไม่ทราบ แต่ด้วยกฎของคนขี้เกียจเมื่อมาแล้วก็จงอยู่อย่างสงบสุข โจวเจ๋อกลับใช้มันอย่างมีความสุข ผลข้างเคียงเพียงอย่างเดียวก็คือ หลังจากที่ใช้แล้วตัวเองจะเดี้ยงไปพักใหญ่
ดังนั้นถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองต่อสู้ไม่เป็น แต่ตอนที่โจวเจ๋อต้องต่อสู้ เขาไม่เคยกลัว และเริ่มเกิดความรู้สึกว่า ‘ฉันต่อสู้เก่ง’ ขึ้นมาอย่างช้าๆ
บาทหลวงถือมีดผ่าตัดเดินมาข้างหน้า วาดแขนไปมาอย่างรวดเร็ว ปลายมีดแทงไปที่ตรงกลางระหว่างคิ้วของโจวเจ๋อโดยตรง
โจวเจ๋อไม่หลบ คุณจะบุกมากี่ทิศทางก็ได้ แต่ฉันจะไปแค่ทางเดียวเท่านั้น มือขวาของเขาจับไปที่ใบหน้าของบาทหลวง
ผลสรุปในรอบนี้ มีดผ่าตัดของบาทหลวงสามารถทะลุขมับของโจวเจ๋อ แต่ศีรษะของบาทหลวงก็ถูกโจวเจ๋อซัดจนหน้าเปิด
บาทหลวงคิดไม่ถึงว่าโจวเจ๋อจะเด็ดขาดถึงเพียงนี้ ภายใต้การซุ่มโจมตีที่เหนือกว่า เขากล้าเอาชีวิตมาแลกกับตัวเอง
จากนั้นบาทหลวงจึงกลัวแล้ว เขาวางมือแล้วถอยไปข้างหลัง โจวเจ๋อไม่ได้จับหน้าของบาทหลวง แต่เช็ดหน้าอกของเขาเล็กน้อย
‘เพียะ!’ ควันสีดำเหมือนกับแส้เส้นหนึ่งหวดไปมา
บาทหลวงพลิกตัวไปกับพื้น ถึงแม้เขาจะยันเข่าลุกขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วก็ตาม แต่หากเป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่นอน
ไป๋อิงอิงมองเห็นเถ้าแก่ฮึกเหิมขนาดนี้ นางจึงอ้าปากค้าง
เพียงชั่วเวลาหนึ่ง เธอเหมือนย้อนกลับไปตอนที่เจอเถ้าแก่ในร้านหนังสือครั้งแรกแล้วถูกเถ้าแก่ซัดอย่างบ้าคลั่ง…ความหวาดกลัวเข้าครอบงำ
นั่นเป็นการพบเจอกันครั้งแรกของตัวเองกับเถ้าแก่ในชีวิตอย่างแท้จริง
สาวน้อยโลลิมองอยู่ข้างๆ พร้อมกับเคี้ยวลิ้นของตัวเอง เหมือนกำลังเคี้ยวหมากฝรั่ง จากนั้นเธอจึงหัวเราะ ‘พรืด’ ออกมาในทันใด
เธอมองออกว่า จริงๆ แล้วโจวเจ๋อต่อสู้ไม่เป็นอย่างสิ้นเชิง น่าสงสารจริงๆ ผีดิบจอมโง่ที่อยู่ข้างกายยังจะบ้าผู้ชายหลงใหลเขาอีก
ถ้าหากเจ้าไม่เข้าไปช่วยเขาตอนนี้ เถ้าแก่ของเจ้าอาจจะตายอยู่ในมือของบาทหลวงทุเรศคนนั้นเจ้ารู้ไหม!
เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะไม่รู้ระดับความแข็งแกร่งของเจ้านายตัวเองว่าเก่งแค่ไหน
บาทหลวงเด้งขึ้นมาอีกครั้ง เขาเร็วมาก ครั้งนี้ เขาไม่ได้พุ่งเข้าหาโจวเจ๋อโดยตรง แต่เลือกไปทางอ้อม อย่างไรก็ตามเขาเริ่มกลัวการต่อสู้แบบ ‘ประจันหน้า’ กับโจวเจ๋อแล้ว จึงเดาทิศทางของโจวเจ๋อไม่ออกไปชั่วขณะ
นอกจากนี้ เขารู้ดีว่าความน่ากลัวที่แท้จริงของโจวเจ๋อคือตอนที่เปลี่ยนเป็นผีดิบ ตอนแรกเขาเคยต่อสู้กับโจวเจ๋อในสภาวะแบบนั้น กระดูกซี่โครงหักไปหลายท่อน บาดเจ็บก็ไม่น้อย แถมโจวเจ๋อในตอนนั้นเพิ่งจะต่อสู้กับเจ้าแม่ชิงอีมาอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ บาทหลวงกับโจวเจ๋อจึงได้สู้กันไปมา และดูเหมือนจะเป็นแบบนี้จริงๆ นายเข้ามาฉันถอย นายถอยฉันเข้า นายเข้าทางอ้อมฉันก็เข้าทางอ้อม เจ๋งไหมเล่า
โจวเจ๋อมั่นใจเปี่ยมล้น บาทหลวงระมัดระวังรอบคอบ เหมือนยอดฝีมือสู้กันจริงๆ อย่างน้อยดูจากฉากต่อสู้และการใช้เทคนิคพิเศษ เหมาะสมกับรสนิยมความชอบของผู้ชมมากกว่ายอดฝีมือของวัดเส้าหลินต่อสู้กับมวยหวังปาอย่างเงียบๆ
ในที่สุดไป๋อิงอิงก็ได้สติ แล้วพุ่งเข้าไปอีกครั้งเพื่อร่วมต่อสู้
สาวน้อยโลลิก็ไม่กล้านั่งบนภูดูเสือกัดกัน ถึงแม้เธอหวังอยากให้บาทหลวงฆ่าโจวเจ๋ออย่างรวดเร็ว เธอจะได้เป็นอิสระ แต่เธอไม่กล้าเดิมพัน ถ้าหากโจวเจ๋อไม่ตายและพบว่าเธอคอยสังเกตการณ์อย่างเดียว เช่นนั้นคนที่จะตายก็คือตัวเธอเอง
วิธีต่อสู้ของไป๋อิงอิงตรงไปตรงมามากกว่าโจวเจ๋อ นางเป็นฝ่ายทนรับการทำร้ายแทนโจวเจ๋อ และปกป้องเขาอย่างเต็มที่ บวกกับคุณสมบัติของร่างกายนางที่ดีมาก ไม่เสียเปรียบให้บาทหลวงแน่นอน นี่จึงทำให้โจวเจ๋อมีพื้นที่และโอกาสโจมตีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้รอบๆ ยังมีสาวน้อยโลลิที่คอยซุ่มโจมตีเป็นระยะ ความลำบากของบาทหลวงจึงไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
บาทหลวงมีบาดแผลน่ากลัวตามร่างกายหลายจุดเพราะโจวเจ๋อ สายตาของเขาจ้องนิ่ง เลือดสดไหลอาบมีดผ่าตัดของตัวเองอีกครั้ง จากนั้นจึงปักมีดทั้งสองเล่มลงไปบนพื้นโคลน และกดฝ่ามือลงไปในขณะเดียวกัน
ชั่วเวลาหนึ่งจึงเกิดค่ายกลขึ้นมา สาวน้อยโลลิโจมตีครั้งนี้กระแทกกับค่ายกลโดยตรง ทำให้ดวงวิญญาณไม่มั่นคงไปพักหนึ่ง ได้แต่ล่าถอยก่อน
ค่ายกลนี้มีผลในการยับยั้งสิ่งที่ดำมืดทุกอย่าง และพวกโจวเจ๋อทั้งสามคน หากพูดอย่างจริงจังแล้วล้วนไม่ใช่สายปกติ ดังนั้นจึงถูกยับยั้ง
สาวน้อยโลลิเห็นดังนั้นจึงหยุดก่อน พยายามไม่สร้างโอกาสให้ตัวเองบาดเจ็บหนัก
แต่ไป๋อิงอิงมีความตรงไปตรงมายิ่งกว่า นางกระแทกค่ายกลไม่หยุด ถึงแม้ว่าตอนที่กระแทกทุกครั้งไอพิฆาตในตัวของไป๋อิงอิงจะกระจายออกมา และเจ็บปวดมากอย่างเห็นได้ชัด แต่นางก็ยังกัดฟันแล้วกระแทกต่อไป อยากจะกระแทกให้ค่ายกลแตกเลยก็ว่าได้!
ยายโง่ สาวน้อยโลลิทำเสียงฮึดฮัดอย่างดูถูก
และในเวลานี้เอง นิ้วทั้งสิบของโจวเจ๋อก็จิ้มลงไปบนพื้น แสงสีดำในดวงตาเริ่มปรากฏขึ้นมา จากนั้นสองมือก็เริ่มเบี่ยงออกไปข้างนอกอย่างช้าๆ!
มีดผ่าตัดที่บาทหลวงปักลงไปที่พื้นเริ่มถูกพลังที่มองไม่เห็นดึงออกมา บวกกับไป๋อิงอิงที่กระแทกไม่หยุด ค่ายกลนี้จึงเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้น
หน้าผากของบาทหลวงเริ่มมีเม็ดหงื่อเท่าถั่วเหลืองปรากฏขึ้นมา หางตาของเขาเริ่มเหลือบมองไปรอบๆ เห็นได้ชัดว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยิ่งสู้ก็ยิ่งยาก โดยเฉพาะตอนที่เขารู้ว่าโจวเจ๋อยังใช้พลังไม่เยอะตัวเองก็เป็นฝ่ายถูกกระทำแบบนี้แล้ว หากสู้ต่อไป ตัวเองจะยิ่งแย่ กระทั่งมีความเป็นไปได้สูงที่ต้องตายอยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงคิดจะหลบหนี หาโอกาสหนีให้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล