ตอนที่ 176 เบื้องหลัง
“อมิตาภพุทธ นับว่าข้าหาเจ้าจนเจอแล้วสินะ ฮ่าๆๆ!”
เมื่อประโยคนี้ลอดออกมาจากปลายสาย สายตาของโจวเจ๋อและสวี่ชิงหล่างเบนความสนใจไปหานักพรตเฒ่าที่อยู่ข้างๆ พร้อมกัน
นักพรตเฒ่าแสดงสีหน้าหลากหลาย ตั้งแต่ตกใจ ตื่นตระหนก ลังเลใจ และทำอะไรไม่ถูก
ใช่แล้ว
ก่อนหน้านี้โจวเจ๋อและสวี่ชิงหล่างเคยพูดเอาไว้ว่าเสียงนี้คุ้นหูอยู่หน่อยๆ
ตอนนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่านี่เป็นเสียงของนักพรตเฒ่าจริงๆ
แต่เป็นเพราะเสียงของมนุษย์ที่ถ่ายทอดออกมาจากในโทรศัพท์มือถือย่อมมีการผิดเพี้ยนเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งโจวเจ๋อและสวี่ชิงหล่างก็ไม่ได้คิดมาก่อนว่าเสียงของนักพรตเฒ่าจะปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน ดังนั้นจึงมองข้ามสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวไป
แต่หลังประโยค ‘อมิตาภพุทธ’ ต่อท้ายด้วย ‘ข้า’ กลับเป็นสำนวนที่นักพรตเฒ่าใช้เป็นประจำ โดยเฉพาะ ‘ฮ่าๆๆ’ ที่ตามมาภายหลัง ยิ่งบ่งบอกถึง ‘ท่าทางไม่จริงจัง’ ของนักพรตเฒ่าได้อย่างถึงใจพระเดชพระคุณ
นักพรตเฒ่าเป็นนักพรตเต๋า ชื่อจริงของเขาบางทีแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังลืมไปบ้าง เขาชื่อลู่ฟั่งเวิง ลู่โหยวกวีเอกในสมัยโบราณก็มีชื่อว่า ‘ฟั่งเวิง’ เช่นกัน จึงถูกเรียกว่าลู่ฟั่งเวิง แต่ถึงแม้ว่าจะมีชื่อเดียวกันกับนักกวีผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณ แต่รูปแบบการกระทำของนักพรตเฒ่ากลับไม่ได้มีแบบแผนมากมาย
ทำเรื่องผิดกฎหมาย เที่ยวระเหเร่ร่อน ผ่านร้อนผ่านหนาวตรากตรำอยู่หลายสิบปีเป็นเวลากว่าครึ่งค่อนชีวิต ทำมาแทบจะทุกอย่างแล้ว เขาคิดว่าตัวเองเป็นนักพรตมาโดยตลอด แต่กลับไม่กระทำหน้าที่ของนักพรตเลยแม้แต่น้อย นอกจากยันต์ของบรรพบุรุษที่ซ่อนอยู่ในเป้าซึ่งหยิบออกมาใช้ได้ไม่มีวันหมดและยังใช้งานได้ผลอยู่นิดหน่อยแล้ว แทบจะหาลักษณะอย่างที่สองของนักพรตในตัวเขาไม่เจอเลย
แม้แต่คำพูดตามปกติว่า ‘ขอเทียนจุนอำนวยพร’ เขาก็มักจะกล่าวเป็นคำว่า ‘อมิตาภพุทธ’ อยู่บ่อยๆ
เมื่อเห็นว่าสายตาของเถ้าแก่กับสวี่ชิงหล่างต่างก็มองมาที่เขา
นักพรตเฒ่ายิ้มอย่างลำบากใจ ยื่นมือขึ้นมาชี้หน้าตัวเองแล้วเอ่ยว่า
“พวกเจ้าคงไม่คิดว่าข้าเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอดหรอกใช่ไหม”
เอาเถอะ โดยทั่วไปแล้ว ตัวละครที่ไม่มีตัวตนและไม่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดในช่วงต้นเรื่องของละครระทึกขวัญ มักจะเดินขึ้นเวทีแหวกผ้าคลุมหน้าทำให้ทุกคนแปลกใจในตอนสุดท้าย เฉลยว่าเขานี่แหละคือฆาตกร แต่คนที่โลดเต้นอย่างมีความสุขในตอนแรกและถูกสงสัยในตอนเริ่มต้นเหล่านั้น มักจะเป็นผู้บริสุทธิ์
แต่เมื่อพูดถึงนักพรตเฒ่า เขาเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลังอย่างนั้นหรือ
เขาวางแผนดำเนินการทั้งหมดนี้ลับหลังอย่างนั้นหรือ
สวี่ชิงหล่างและโจวเจ๋อส่ายหน้าพร้อมกันเล็กน้อย “เราออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า”
“อืม ใช่”
ทั้งสองหันหลังเดินออกจากห้องอาหารไป
นักพรตเฒ่าที่รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ในตอนแรก กังวลว่าพวกเถ้าแก่จะเข้าใจอะไรผิดไป แต่เมื่อเถ้าแก่และเหล่าสวี่กลับละทิ้งความสงสัยในตัวเขาไปทันที จู่ๆ นักพรตเฒ่าก็รู้สึกจิตตกอีกครั้ง
ความรู้สึกของการถูก ‘เชื่อใจ’ แบบนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยน่ายินดีสักเท่าไร
“เถ้าแก่ พวกเจ้าไม่ลองคิดดูอีกครั้งล่ะ…”
โจวเจ๋อและสวี่ชิงหล่างก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ ไม่ได้หันหลังกลับ
“แค่ลองทำท่าดูหน่อยก็ได้…”
นักพรตเฒ่ารู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย ทำได้เพียงเดินตามออกไปข้างนอกด้วยกัน
เมื่อออกจากห้องอาหารและกลับไปที่วิลลาที่เช่าไว้อีกครั้ง ระหว่างทางกลับไม่พบเจอผู้คนบนถนนอีกเลย ทั้งสามคนกลับไปที่ริมบ่อน้ำพุร้อน
โจวเจ๋อลงไปในบ่อน้ำพุร้อนก่อน แล้วเอาหน้าของตัวเองจุ่มลงไป ตอนที่เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเอื้อมมือออกไปปาดหยดน้ำบนใบหน้า เมฆดำบนท้องฟ้าและบรรยากาศที่มืดมิดก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว
ดูเหมือนว่าทางเข้าจะเป็นบ่อน้ำพุร้อนนี้จริงๆ ไม่มีผิดเพี้ยน
นักพรตเฒ่าและสวี่ชิงหล่างก็กลับมาแล้วเช่นกัน เสื้อผ้าของทุกคนต่างเปียกโชกไปหมด เห็นได้ชัดว่าพื้นที่ก่อนหน้านี้ทั้งหมด ไม่ใช่สถานที่ที่เป็นอิสระอย่างสมบูรณ์ แต่เป็น ‘สภาพแวดล้อม’ เหนือธรรมชาติที่อิงอาศัยอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง
อย่างเช่นตอนที่นอนแช่น้ำพุร้อนก่อนหน้านี้ โจวเจ๋อและคนอื่นๆ ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า จนหลังจากที่นักพรตเฒ่าดึงต้นขาออกมาจากบ่อถึงได้วิ่งออกจากบ่อและสวมใส่เสื้อผ้าออกจากห้องไป
แต่ตอนนี้เสื้อผ้ายังอยู่บนตัวของคนทั้งสาม นักพรตเฒ่ายังคงสวมเสื้อคลุมอาบน้ำอยู่
บ่อน้ำพุร้อนคล้ายกับลูกตุ้มสะกดจิตเล็กน้อย มันช่วยให้คุณมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น แต่ในความเป็นจริงนั้นคุณอาจเห็นแค่ ‘ภาพลวงตา’ ตัวคุณยังคงเดินและเคลื่อนไหวอยู่ในความเป็นจริง
บางครั้งโจวเจ๋อก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ในโลกนี้มีคนบ้าหลายคนที่ชอบพูดเลื่อนลอย และถูกคนรอบข้างมองว่าเป็นตัวอย่างชัดๆ ของ ‘คนความคิดป่วย มีความผิดปกติทางจิต’ นั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถมองเห็น ‘โลก’ ที่อิงอาศัยอยู่กับความเป็นจริงได้จริงๆ แต่คนธรรมดากลับมองไม่เห็นใช่หรือไม่
แน่นอนว่ามันเหมือนในรายงานการเสียชีวิตโดยธรรมชาติและการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจำนวนมากในทุกๆ ปีของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ในความเป็นจริงนั้นมีคดีฆาตกรรมอำพรางมากมายที่ไม่เคยถูกค้นพบและตรวจสอบเสียด้วยซ้ำ สถานการณ์เฉพาะในนั้นไม่เป็นที่รู้จักเลยจริงๆ
สวี่ชิงหล่างถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกและเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมอาบน้ำ จากนั้นเดินไปด้านหน้าโจวเจ๋อ ส่งสัญญาณบอกให้โจวเจ๋อถอดเสื้อผ้าเปียกบนตัวเขาออก แล้วเอาเสื้อผ้าของทั้งสองใส่ไม้แขวนเสื้อแขวนตากให้แห้งด้วยกันด้านนอก
โจวเจ๋อกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือในมืออยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น
นักพรตเฒ่านั่งข้างๆ ใช้น้ำร้อนที่เพิ่งเดือดปุดๆ จากกาต้มน้ำไฟฟ้าชงชา และยื่นให้โจวเจ๋อก่อนหนึ่งแก้ว
โจวเจ๋อรับแก้วชามาแล้วแกว่งเล็กน้อยพลางพูดว่า “เหล่าสวี่เคยดูหนังเรื่อง ‘เดอะไชนิง โรงแรมผีนรก’ หรือเปล่า”
“หนังสยองขวัญนั่นน่ะเหรอ” สวี่ชิงหล่างถาม
“อืม ฉันคิดว่าสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ทั้งหมดค่อนข้างคล้ายกับใน ‘เดอะไชนิง โรงแรมผีนรก’ ที่แยกไม่ออกระหว่างความเป็นจริงกับภาพลวงตา บวกกับฉากที่แขกที่เสียชีวิตที่นี่และในบริเวณใกล้เคียงต่างก็กินอาหารด้วยกันที่นี่ มันคล้ายกับภาพในหนัง ‘เดอะไชนิง โรงแรมผีนรก’ มาก”
“ดังนั้น คุณหมายความว่ายังไง” สวี่ชิงหล่างจิบชา “หิวกระหายมากขนาดนี้อย่างนั้นเหรอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล