ตอนที่ 192 ฟื้นคืน!
ยังจำคนที่อบข้าวโพดคั่วตามถนนและตรอกซอกซอยเมื่อสิบกว่าปีก่อนได้ไหม ที่มีเตาอบขนาดเล็กเป็นของตัวเอง อบด้วยถ่านไฟอ่อนแล้วเขย่าด้วยมือ จากนั้นเตาอบขนาดเล็กก็เกิดเสียงดัง ‘ป๊อกแป๊กๆ’ ไม่หยุดพร้อมกับส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกมาในขณะเดียวกัน
โจวเจ๋อในเวลานี้ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน หลังจากสาวน้อยโลลินำชุดเกราะซามูไรญี่ปุ่นสวมลงบนตัวของโจวเจ๋อ ชุดเกราะกับร่างกายของโจวเจ๋อเกิด ‘เสียงดัง’ แบบนั้นออกมาอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับตอกไข่ไก่ใส่ลงในกระทะเช่นกัน
ไป๋อิงอิงยืนอยู่ข้างๆ มองด้วยความเป็นห่วงตลอดเวลา ตอนนี้ถึงแม้ใบหน้าของนางจะเริ่มแก่อย่างช้าๆ นางก็ไม่สนใจเลยสักนิด และได้แต่ให้ความสนใจกับเถ้าแก่ของตัวเองทั้งร่างกายและหัวใจ
สวี่ชิงหล่างอยู่ข้างๆ จุดบุหรี่หนึ่งมวน แล้วสูบบุหรี่อยู่คนเดียว ซึ่งเหมือนกับครอบครัวของคนทั่วไป ถ้าหากมีคนป่วยหนัก ครอบครัวที่รักกันมากๆ มักจะยอมทุ่มหมดตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล ไม่ว่าครอบครัวนี้จะล้มละลายหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยครอบครัวต้องอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
สวี่ชิงหล่างในตอนนี้ก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน ไม่ว่าทุกคนจะเจ็บหนักแค่ไหน ต้องแลกอีกสักเท่าไร ขอเพียงสุดท้ายทุกคนไม่เป็นไร ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
“สาวน้อย เอาไข่มุกของเจ้ากลับไปเถอะ ข้าไม่เป็นไรแล้ว” นักพรตเฒ่าตื่นแล้วหลังจากนอนหลับไปสองชั่วโมงเมื่อลืมตาจึงเห็นไข่มุกยังลอยกระเพื่อมอยู่ตรงหน้าตัวเองอยู่ แล้วจึงมองไป๋อิงอิงที่อยู่ข้างๆ เส้นผมของนางเปลี่ยนเป็นสีขาวไปแล้ว เขารู้สึกสงสารมาก
นางเป็นคนดีจริงๆ ถึงแม้จะเป็นผีดิบ แต่หน้าตาก็สวยมาก เพื่อตาแก่อายุเจ็บสิบปีอย่างตัวเองถึงกับยอมเป็นแบบนี้ แย่จริงๆ
ต้องยอมรับว่า ถึงแม้นักพรตเฒ่าจะทำตัวเละเทะไปบ้าง เรื่องลักเล็กขโมยน้อยก็ทำมาไม่น้อย แต่น้อยคนมากที่จะรู้ว่า เขาได้บริจาคเงินช่วยเหลือด้านการศึกษามาตลอด ลำพังแค่ภูเขาต้าเหลียง ก็บริจาคเงินช่วยเหลือนักเรียนร้อยกว่าคนแล้ว
ตอนแรกโจวเจ๋อเคยถามเขาว่า ทั้งๆ ที่ไลฟ์สดทำเงินได้ไม่น้อย แต่ทำไมตอนนี้ถึงยังตัวเปล่าเล่าเปลือย ไม่มีแม้แต่บ้านสักหลัง ถึงแม้สองสามปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการไลฟ์สดจะได้รับความนิยมมาก แต่โจวเจ๋อรู้สึกว่าเมื่อก่อนที่นักพรตเฒ่าชอบกุ ‘เรื่องไสยศาสตร์’ แล้วอาศัยลิ้นที่พลิกได้ของเขา ก็น่าจะหลอกเงินได้มากมาย ไม่น่าจะมีชีวิตที่แย่ขนาดนี้
สาเหตุนั้น ก็อยู่ตรงนี้เอง
นักพรตเฒ่าคิดมาตลอดว่าตัวเองอยู่ในตระกูลเต๋า นับตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษเป็นต้นมาจนกระทั่งก่อนที่จะถึงตัวเองนั้น ถึงแม้แต่ละรุ่นจะแย่ลงเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็ยังดำเนินชีวิตตามศาสนาเต๋า แต่พอมาถึงรุ่นของตัวเอง กลับมีบทบาทที่ไม่เป็นที่นิยมอย่างสิ้นเชิง เขาจึงได้แต่ทำสิ่งเหล่านี้เพื่อหวังว่าหลังจากที่ตัวเองลงไปเจอกับบรรพบุรุษในนรก อย่างน้อยก็มีเรื่องหนึ่งที่พูดออกมาได้โดยไม่ทำให้บรรพบุรุษต้องขายหน้าทั้งหมด
ไป๋อิงอิงเห็นนักพรตเฒ่าฟื้นแล้ว จึงตรวจสภาพร่างกายของนักพรตเฒ่าเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเขาพ้นขีดอันตรายแล้ว นางจึงเก็บไข่มุกของนางกลับมาทันที แต่นางในเวลานี้ผิวหนังกลับแห้งเหี่ยวผมขาวโพลน มีความคล้ายเลี่ยนหนีฉางในเรื่อง ‘เดชนางพญาผมขาว’ อยู่บ้าง
สาวน้อยโลลินั่งยองๆ อยู่ข้างๆ ตลอดเวลา คอยดูอาการของโจวเจ๋อ ถึงแม้อาการบาดเจ็บของโจวเจ๋อยังทรุดหนักต่อไป แต่พอจะมองออกเล็กน้อยว่า ความเร็วของการทรุดตัวเริ่มช้าลงมากแล้วจริงๆ
สาวน้อยโลลิยื่นมือที่อ่อนเยาว์ของตัวเองออกไปพยายามจะดึงชุดเกราะออก แต่ต้องตกใจเพราะเลือดเนื้อของโจวเจ๋อกลับติดหนึบไปกับชุดเกราะแล้ว แบบนี้จะดีหรือร้าย สาวน้อยโลลิไม่แน่ใจ และเธอก็ไม่กล้าพูดออกมา เพราะกลัวว่าจะไปกระตุ้นผีดิบสาวที่มีใจรักปกป้องเจ้านายจนหน้ามืดขาดสติ
นักพรตเฒ่าลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก รับน้ำมาจากสวี่ชิงหล่างแล้วดื่มสองที จากนั้นมองดูสภาพของเถ้าแก่ และในเวลานี้เอง กระจกชิ้นหนึ่งที่ฝังอยู่ในผนังจู่ๆ ก็แตกลั่นออกมา หลังจากนั้นกลิ่นอายที่น่ากลัวได้เยื้องกรายออกมาอย่างฉับพลันทันที!
ผีดิบสาวสั่นไปทั้งตัว ตกใจจนคลานไปกับพื้น นี่คือแรงกดอัดที่มาจากความเหนือกว่าทางสายเลือด ทำให้นางต้องยอมจำนน
ทางฝั่งบาทหลวงสไปเดอร์แมนพลันลืมตาขึ้นมาในเวลานี้เช่นกัน แล้วคุกเข่ากับพื้น ตัวสั่นงันงกโดยไม่สนใจบาดแผลของตัวเอง
สาวน้อยโลลิลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ แต่กลับมีหยดเหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากแล้ว กลิ่นอายแบบนี้น่ากลัวเกินไป ราวกับว่าถ้าหากอีกฝ่ายยินดี ก็สามารถกระชากวิญญาณของนางออกมาจากร่างนี้แล้วกลืนกินลงไปได้เลย
กลับกันคือนักพรตเฒ่ากับสวี่ชิงหล่างที่ไม่รู้สึกอะไร เพราะระดับของพวกเขายังไม่พอ ไม่สามารถรับรู้ถึงระดับที่ละเอียดอ่อนแบบนี้ได้ วินาทีต่อมา กลิ่นอายนั้นได้สลายไป
ไป๋อิงอิงคลานไปดูเถ้าแก่ โจวเจ๋อขยับตาเล็กน้อย ค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งที่เข้าตาของเขาเป็นอย่างแรกคือไป๋อิงอิงที่มีผมสีขาวและใบหน้าที่ซีดเผือด
“เฮ้อ” เมื่อถอนหายใจแล้ว โจวเจ๋อจึงหลับตาอีก อย่างแรกคือตอนนี้ร่างกายของเขาไม่อนุญาตให้พูดมากและไม่ให้ทำอะไร อย่างที่สองคือหากพูดมากเกินไปจะดูไร้สาระ เกิดเป็นคนสองชาติ เป็นโสดสองชาติ เมื่อต้องจัดการเรื่องแบบนี้โจวเจ๋อจึงไม่ค่อยถนัด ดังนั้นเขาจึงหลับตาต่อ แกล้งตายดีกว่า
ก็เหมือนผู้ชายเลวๆ คนหนึ่งที่นอนกับสาวแล้วบล็อกไม่ติดต่อแกล้งหายตัว นี่คือทักษะที่มีมาตั้งแต่เกิดของผู้ชาย ไม่จำเป็นต้องมีใครสอน
“เขาฟื้นแล้ว” สาวน้อยโลลิเอ่ย
“เจี๊ยกๆๆ…” และในเวลานี้ เสียงของเจ้าลิงได้ดังขึ้นมาจากข้างนอก มันหาที่นี่เจอจนได้! เป็นลิงที่ฉลาดหลักแหลมมากจนทำให้คนผมชี้เด่ด้วยความหวาดกลัว!
…
ถ้าหากจะพูดว่า ตอนแรกโจวเจ๋อแค่ยังกระดากอายที่ต้องเผชิญหน้ากับไป๋อิงอิง สวี่ชิงหล่าง นักพรตเฒ่า และพวกเขาคนอื่นๆ ถึงได้จงใจแกล้งหลับ แต่หลังจากนั้นเขาได้สลบไปอีกจริงๆ
ครั้งนี้ร่างกายอ่อนล้ามากจริงๆ แน่นอนว่าได้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณไปไม่น้อย และไม่รู้ว่าต้องนอนอีกนานแค่ไหน อาจจะต้องนอนครึ่งเดือนก็เป็นได้
ตอนที่โจวเจ๋อลืมตาอีกครั้ง เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนชั้นสองของร้านหนังสือแล้ว ไป๋อิงอิงกำลังใช้ผ้าเช็ดตัวเปียกหมาดๆ เช็ดตัวให้เขาอยู่
สิ่งที่เข้าตายังเป็นเส้นผมสีขาว โจวเจ๋อยกมือขึ้นมาเมื่อได้สติ ปลายนิ้วแตะปลายผมของไป๋อิงอิง
ไป๋อิงอิงตัวสั่น หันหน้ามองโจวเจ๋อด้วยสายตาที่ตื่นเต้นดีใจ แล้วพูดว่า “เถ้าแก่ ท่านฟื้นแล้ว”
“อืม” โจวเจ๋อขานรับหนึ่งที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล