ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 191

ตอนที่ 191 ชุดเกราะซามูไร!

“เถ้าแก่ ท่านตื่นสิ เถ้าแก่ท่านตื่นสิเจ้าคะ!”

ไป๋อิงอิงร้องตะโกนอยู่ข้างๆ ด้วยความร้อนใจ หวังว่าจะปลุกโจวเจ๋อให้ตื่นขึ้น แน่นอนว่าในความเป็นจริงนั้นไม่มีประโยชน์เลย

สาวน้อยโลลินั่งอยู่บนโซฟาๆ ที่อยู่ถัดไป แกว่งขาทั้งสองข้างไปมาโดยไม่พูดอะไร ถึงแม้ลึกๆ ในใจนางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโจวเจ๋อจะตายไปเลย แต่นางก็กังวลว่าความตื่นเต้นเกินเหตุของนางจะทำให้ผีดิบสาววิ่งเข้ามาสู้กับนางอย่างสุดชีวิต

และที่สำคัญที่สุดคือ โจวเจ๋อยังไม่ตาย ตอนที่เรื่องราวยังไม่สิ้นสุดลง จะเกิดอะไรขึ้นนั้นยากที่จะพูดได้

จากนั้นจึงก้มหน้ามองเศษกระจกที่แตกละเอียดอยู่บนพื้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ สาวน้อยโลลิยังไม่มั่นใจ ถึงแม้โจวเจ๋อจะหมดสติไป แต่ยังมีความสามารถในการตัดวิญญาณเลือดของนางอยู่หรือไม่

สวี่ชิงหล่างก็คุกเข่าตรวจดูอาการของโจวเจ๋ออยู่ข้างๆ เขาตระหนักได้ก่อนใคร จึงพูดทันทีว่า “โคลน!”

“พ่อเจ้าเหรอ” สาวน้อยโลลิไม่เข้าใจ

“ใช่ๆ โคลน เจ้าลิงล่ะ เจ้าลิงอยู่ไหน!”

ไป๋อิงอิงมองไปรอบๆ แล้วเพิ่งนึกออกว่าครั้งนี้ตัวเองไม่ได้พาเจ้าลิงมาด้วย ตอนนี้อาการของเถ้าแก่ต่อให้พาไปส่งโรงพยาบาลก็ป่วยการ จำเป็นต้องใช้โคลนของเจ้าลิงถึงจะยับยั้งความย่ำแย่อย่างต่อเนื่องของร่างกายเถ้าแก่ได้

“พาเถ้าแก่กลับไป!” ไป๋อิงอิงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

พาเถ้าแก่กลับไปที่ร้านหนังสือ ไปหาเจ้าลิง!

เวลานี้สาวน้อยโลลิรีบพูดทันทีว่า “อย่าขยับเขา จะย้ายเขาไปไหนไม่ได้ จิตสำนึกของเขาอาจจะอยู่แถวนี้”

สาวน้อยโลลิพูดถูกแล้ว ถึงแม้นางอยากจะให้โจวเจ๋อตายไวๆ แต่นางยังไม่ใจกล้าพอที่จะทำให้โจ่งแจ้งถึงขั้นนั้น

“อีกอย่าง สภาพร่างกายของเขาในตอนนี้ เจ้าจะย้ายเขายังไง ไม่กลัวว่าร่างกายของเขาจะทนไม่ไหวเหรอ” สาวน้อยโลลิพูดเสริม

“อย่างนั้นจะทำยังไง” ไป๋อิงอิงลนลานกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด

“ปลุกนักพรตเฒ่า” สวี่ชิงหล่างชี้ไปที่นักพรตเฒ่าที่หมดสติ “เขามีเบอร์โทรศัพท์ของเจ้าลิง”

ถ้าหากเป็นคนนอกได้ยินแบบนี้ คาดว่าคงจะแปลกใจมาก แต่ความจริงก็เป็นแบบนี้ เจ้าลิงที่อยู่ในร้านหนังสือมีโทรศัพท์จริงๆ และคนที่ว่างมากจนซื้อโทรศัพท์ให้เจ้าลิงก็คือนักพรตเฒ่า

เจ้าลิงเวลาว่างไม่มีอะไรทำก็จะใช้โทรศัพท์เชื่อมต่อบลูทูธเปิดเพลงฟัง และยังช่วยถือโทรศัพท์ช่วยถ่ายทำตอนที่นักพรตเฒ่ากำลังไลฟ์สด

แต่ในร้านหนังสือนอกจากนักพรตเฒ่าแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่ได้ว่างมากจนต้องเข้าไปขอเบอร์โทรศัพท์ของเจ้าลิง

สวี่ชิงหล่างลองคลำร่างกายของนักพรตเฒ่าก่อน และหาโทรศัพท์เจอแล้ว แต่เครื่องพังระหว่างที่ต่อสู้เมื่อครู่สุดท้ายสวี่ชิงหล่างจึงถอนหายใจยาว แล้วชี้ไปที่นักพรตเฒ่า “ต้องปลุกเขาให้ตื่น”

ไป๋อิงอิงไม่พูดพร่ำทำเพลงใช้เล็บของตัวเองทิ่มเข้าไปที่หน้าอกของนักพรตเฒ่า ความหนาวเย็นยะเยือกแทรกเข้าไปในชั่วพริบตา

ร่างกายของนักพรตเฒ่าสั่นระริกแล้วลืมตาทันที

“โอ๊ย…หนาวชะมัด!”

นี่คือวิธีกระตุ้นศักยภาพของพลังชีวิตอย่างหนึ่ง แต่นักพรตเฒ่าเมื่อครู่เพิ่งถูกผีประทับร่าง จึงถูกกระตุ้นศักยภาพไปแล้วหนึ่งครั้ง และโดนครั้งนี้อีกเป็นครั้งที่สอง แต่นักพรตเฒ่าอายุเจ็ดสิบปีแล้ว ดังนั้นร่างกายจึงยากที่จะทนรับไหวอยู่บ้าง

ตอนที่นักพรตเฒ่าฟื้นขึ้นมา เขาใช้สองแขนกอดตัวองเมื่อได้สติและตัวสั่นงันงกอยู่ตรงนั้น ริมฝีปากก็ออกสีม่วงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าหนาวจนแทบจะทนไม่ไหว

“ข้าจะใช้ยาบำรุงซือตันของข้าเพิ่มความอบอุ่นและความชุ่มชื้นให้เจ้า ช่วยเพิ่มพลังชี่ต้นกำเนิดให้กับเจ้า”

ไป๋อิงอิงพูดกับนักพรตเฒ่าอย่างจริงจังเป็นอย่างมาก นางรู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองฝืนใช้พลังกระตุ้นนักพรตเฒ่าให้ตื่นขึ้นมามีผลเสียต่อร่างกายของนักพรตเฒ่ามากแค่ไหน แต่เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว นางไม่มีทางเลือก

นักพรตเฒ่าพ่นไอสีขาวออกมาจากปากไม่หยุด มองไป๋อิงอิงอย่างเงอะงะ แล้วมองเถ้าแก่ที่นอนอยู่ข้างกายตัวเอง

“ร่างกายของเถ้าแก่มีปัญหา ต้องการใช้โคลนของเจ้าลิง” ไป๋อิงอิงพูด

นักพรตเฒ่าพยักหน้า “หนึ่ง…สาม…แปด…”

นักพรตเฒ่าพูดเบอร์โทรของเจ้าลิงออกมา จากนั้นสวี่ชิงหล่างจึงกดโทรออก ไม่ช้าทางนั้นก็รับสาย

“เจี๊ยกๆๆ…” เสียงของเจ้าลิงมีความสุขมาก

“เถ้าแก่เกิดเรื่องแล้ว แกมาที่รีสอร์ตน้ำพุร้อนที่ภูเขาเจียงจวินหน่อย” สวี่ชิงหล่างพยายามพูดโดยอดกลั้นความรู้สึกที่ขัดกันอย่างรุนแรงเอาไว้

หากเป็นช่วงปกติ สวี่ชิงหล่างคงจะคิดว่าสมองของตัวเองถูกลาเตะแน่นอน ที่ต้องใช้คำพูดแบบนี้พูดกับลิงตัวหนึ่ง แถมยังโทรศัพท์หาลิงอีกด้วย

“เจ้าลิง…มา…” นักพรตเฒ่าตะโกนเสียงสั่นอยู่ข้างๆ

“เจี๊ยกๆๆ…เจี๊ยกๆๆ…”

โทรศัพท์ฝั่งนั้นส่งเสียงดังเจี๊ยกๆๆๆ จากนั้นจึงตัดสายไป

สวี่ชิงหล่างมองโทรศัพท์ของตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อเท่าไร แล้วเอ่ยว่า “มันจะมาได้ไหม”

“มันฉลาดจะตาย” นักพรตเฒ่าพูดแล้วนอนลงอีกครั้ง ตอนนี้เขาทรมานมาก กระทั่งใบหน้าของเขาเริ่มแดงเล็กน้อย ใบหน้าแดงอมชมพูเป็นเงาขึ้นมา

นัยน์ตาของสวี่ชิงหล่างหดตัวทันที แล้วตะโกนพูดกับนักพรตเฒ่าว่า “อดทนไว้ ตอนนี้คุณจะนอนหลับไม่ได้!”

คุณกำลังอยู่ในช่วงสีหน้าสดใสขึ้นมาก่อนที่จะตาย

สวี่ชิงหล่างเป็นห่วงจริงๆ โจวเจ๋อยังไม่ตาย แต่นักพรตเฒ่ากลับจะชิงไปเสียก่อน

‘ฉึบ!’ ไป๋อิงอิงคายไข่มุกสีขาวที่มีไอเย็นออกมาหนึ่งเม็ด จากนั้นมันก็ลอยไปที่หน้าอกนักพรตเฒ่า นักพรตเฒ่าถอนหายใจโล่งอก เขารู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกายของตัวเอง สบายตัวขึ้นมาก

จากนั้นเขาจึงหลับตาแล้วนอนหลับไปเลย ส่วนไป๋อิงอิงที่อยู่ข้างๆ กลับปล่อยให้ไข่มุกหยุดอยู่ที่หน้าอกของนักพรตเฒ่าเพื่อต่ออายุของนักพรตเฒ่าต่อไป ผิวหนังของนางเริ่มซีดและแห้งเหี่ยว สภาพของเด็กสาววัยมัธยมปลายกำลังเปลี่ยนเป็นแก่ตัวลงอย่างช้าๆ

สาวน้อยโลลินั่งอยู่ข้างๆ มองกลุ่มคนที่ชอบรนหาที่ตายที่อยู่ตรงหน้านี้แล้วพูดไม่ออกจริงๆ

จากนั้นางจึงกระโดดลงจากโซฟาทันที จังหวะที่เพิ่งจะก้าวขาออกไป สายตาที่อ่อนแอของไป๋อิงอิงก่อนหน้านั้นเปลี่ยนเป็นเฉียบคมขึ้นมาในทันใด

“อย่าคิดจะทำไรเด็ดขาด”

“เจ้าเอาอีกแล้ว” สาวน้อยโลลิยักไหล่ “ทำไมเจ้าชอบข่มขู่ข้าจัง”

“หากเถ้าแก่ตาย จะต้องลากเจ้าลงไปฝังเป็นเพื่อนเขาแน่นอน”

“ช่วยเปลี่ยนคำที่แปลกใหม่กว่านี้ไม่ได้หรือไง”

สาวน้อยโลลิเงยหน้ามองท้องฟ้า และคิดว่าตายไปเลย ตายกันให้หมดไปเลย หลังจากตายกันแล้วเมืองทงเฉิงแห่งนี้ก็จะสงบขึ้นมาก แล้วตัวเองจะได้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนอย่างเคย ความรู้สึกที่ต้องเป็นขี้ข้าของคนอื่น ไม่ชอบเลยจริงๆ

ไป๋อิงอิงยื่นมือหยิบหนังสือรับรองเล่มหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าของตัวเอง

สายตาเนือยๆ ของสาวน้อยโลลิจ้องมองไปที่หนังสือรับรองเล่มนั้นทันที นี่คือหนังสือรับรองยมทูตของโจวเจ๋อ!

“เจ้าจงทิ้งความปรารถนาใดๆ เสีย อย่างเช่น ปรารถนาให้เถ้าแก่ที่กำลังสลบไม่สามารถทำลายวิญญาณเลือดของเจ้าได้ ตอนนี้ข้าจะบอกเจ้าให้รู้ไว้ ถ้าหากเถ้าแก่ตาย ข้าจะคอยเฝ้าสุสานในโลกมนุษย์ของเจ้านาย ส่วนเจ้าจะต้องถูกฝังลงไปพร้อมกับเจ้านายในฐานะสาวใช้!”

‘%¥#@@&&……*!!!!!’ สาวน้อยโลลิแอบด่าไอ้เชี่x ไอ้สัตX อยู่ในใจหลายรอบ เป็นผู้หญิงเหมือนกันทำไมต้องทรมานกันเองด้วย! เจ้าคิดจะทำอะไร!

เงยหน้า เอามือก่ายหน้าผาก นัยน์ตาสีเขียวที่มองผ่านช่องว่างระหว่างนิ้ว ยังคงมองม่านแสงสีฟ้าที่กำลังกะพริบอยู่บนนั้น อันที่จริงแหวนได้กลับมาอยู่ข้างกายของโจวเจ๋อแล้ว แต่หลังจากที่ม่านแสงเปิดออก ถึงแม้จะเก็บแหวนกลับมาอย่างทันท่วงที แต่มันก็ยังอยู่เหมือนเดิม

ซึ่งหมายความว่า เมื่อครู่โจวเจ๋อใช้แหวนสร้างค่ายกลขึ้นมาใหม่ และในขณะที่กักบริเวณนินจาหญิง ก็ได้กักบริเวณตัวเองเช่นเดียวกัน

และยากที่จะจินตนาการได้ว่า เวลานานขนาดนี้ ร่างกายของตัวเองจะเปลี่ยนเป็นแบบไหนกันแน่

หากเป็นเมื่อก่อน ทุกครั้งตัวเองจะเข้าสู่สภาวะแบบนี้ไม่นานมาก เพราสภาวะวิกฤตของร่างกายจึงสิ้นสุดลงเองโดยอัตโนมัติ แต่ครั้งนี้จิตสำนึกกับร่างกายของตัวเองกลับแยกออกจากกันเพราะกระจก เป็นผลทำให้ร่างกายไม่สามารถส่งผลกระทบต่อจิตสำนึกของโจวเจ๋อได้ ผลสุดท้ายร่างกายก็แบกรับภาระหนักไม่ไหวจึงพังทลายลงไปอย่างสิ้นเชิง!

หน้าอกของโจวเจ๋อยังคงกระเพื่อมขึ้นลง เวลาที่ผ่านไปแต่ละนาที ก็เป็นอีกหนึ่งนาทีที่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายเพิ่มขึ้น แต่เขาไม่มีตัวเลือกอื่น และไม่มีทางที่จะดึงสถานการณ์กลับมาได้ จึงได้แต่นั่งต่อไป รอต่อไปแบบนี้

ประกายแสงแพรวพราวจางๆ เป็นชั้นๆ ลอยอยู่เหนือตัวของโจวเจ๋ออย่างต่อเนื่อง การตอบสนองของจิตสำนึกส่งผลกระทบต่อร่างกาย ร่างกายที่พังทลายก็ส่งผลกระทบต่อจิตสำนึกเช่นกัน

กระจกปิดกั้นทุกอย่าง กระทั่งปล่อยให้โจวเจ๋อถูกตัดขาดจากการติดต่อกับร่างกายของตัวเอง กลายเป็นภูตผีวิญญาณเร่ร่อนก็ยังทำไม่ได้ วิญญาณกับร่างกายไม่เชื่อมต่อกัน ก็เท่ากับถูกมัดอยู่กับก้อนหิวแล้วถ่วงลงไปในทะเลลึกจมน้ำตายไปด้วยกัน

จุดจบสุดท้ายก็คือจบเห่ ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ไม่มีชีวิตรอด

ม่านแสงสีฟ้าเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถรอให้ม่านแสงสีฟ้าหมดไปได้ หลุมนี้ลึกเป็นอย่างมาก

“ครั้งนี้…ตัวเอง…จะต้องตาย…แล้วจริงๆ…สินะ…”

และในเวลานี้ จู่ๆ โจวเจ๋อก็พบว่าผิวหนังของตัวเองมีวัตถุสีดำหนึ่งชั้นโผล่ออกมา พวกมันเหมือนพลาสเตอร์หนังสุนัขที่ปกคลุมร่างกายของตัวเอง

“ขยะ…ชั้นต่ำ…”

โจวเจ๋อยื่นมือออกไปตามสัญชาตญาณ อยากจะปัดเจ้าสิ่งนี้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนตัวของตัวเองออกไป แต่วินาทีต่อมา เขากลับหยุดลง เขามองเห็นวัตถุสีดำเหล่านี้หลังจากปกคลุมร่างกายของตัวเองแล้ว ความเร็วของแสงแพรวพราวที่อยู่บนร่างกายของตัวเองลดลงอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้ากำลังทำอะไร” ไป๋อิงอิงเอนตัวลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง มองสาวน้อยโลลิเดินไปยังกองหินที่กระจัดกระจายแล้วหมอบลง

“เจ้าโดนจับถ่วงน้ำสมน้ำหน้าจริงๆ!” สาวน้อยโลลิสบถด่าอย่างแรง จากนั้นเลือกเกราะป้องกันตัวที่แตกหักออกมาจากกองก้อนหินเหล่านั้น ก่อนหน้านั้นมีปีศาจตนหนึ่งถูกเฉาติ่งใช้ดาบฟันศีรษะจนระเบิดเป็นจุณ ดังนั้นนอกจากหมวกเกราะแล้วเกราะป้องกันตัวส่วนอื่นยังคงเหลืออยู่ และตรงตำแหน่งที่รูปปั้นอยู่ ปีศาจตัวสุดท้ายที่ถูกเผาจนเสียชีวิตนอกจากหมวกเกราะแล้วส่วนอื่นล้วนถูกเผาจนมอดไหม้

จึงถูกสาวน้อยโลลิจัดซ่อมจนเรียบร้อยกลายเป็นเซ็ตใหม่พอดีเลย

สาวน้อยโลลิหยิบวัตถุนั้นขึ้นมา โน้มตัวแล้วนำชุดเกราะใส่ไปบนตัวของโจวเจ๋อ

“จะมีประโยชน์เหรอ” สวี่ชิงหล่างถาม

“ต่อให้เป็นมีดทำกับข้าวหนึ่งเล่ม แต่ถูกหล่อเลี้ยงอยู่ข้างกายของวิญญาณที่ตายไปแล้วห้าร้อยปีก็สามารถกลายเป็นอาวุธวิเศษได้” สาวน้อยโลลิกลอกตาใส่สวี่ชิงหล่างอย่างดูหมิ่น แล้วทำเรื่องของตัวเองต่อไป

ไม่ช้า ร่างกายบางส่วนของโจวเจ๋อก็ถูกสวมด้วยชุดเกราะซามูไรญี่ปุ่นสีดำ

‘เปรี๊ยะ…เปรี๊ยะ…เปรี๊ยะ…’ เสียงแตกหักยังคงดังมาเป็นพักๆ สาวน้อยโลลิตอนแรกกังวลมาก แต่หลังจากที่พิจารณาอย่างละเอียดแล้วกลับพบว่า ตอนนี้ไม่ใช่ร่างกายของโจวเจ๋อที่ยังแตกสลาย แต่เป็นชุดเกราะซามูไรที่มีรอยแตกซึ่งหมายความว่าชุดเกราะซามูไรนี้กำลังช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดจากโจวเจ๋อ

แต่สิ่งที่สาวน้อยโลลิมองไม่เห็นคือ เดิมทีเนื้อตัวที่แตกยับของโจวเจ๋อ ในจุดที่เล็กน้อยสุดๆ กำลังเริ่มผสมผสานอย่างแปลกประหลาดกับชุดเกราะซามูไรนี้อย่างช้าๆ

………………………………………………………………….

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล