สรุปตอน ตอนที่ 194 นักบรรยายฟุตบอล – จากเรื่อง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
ตอน ตอนที่ 194 นักบรรยายฟุตบอล ของนิยายActionเรื่องดัง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 194 นักบรรยายฟุตบอล
“เฮ้ หยุดก่อน” สวี่ชิงหล่างผลักประตูร้านหนังสือ แล้วตะโกนเรียกผู้ชายมีรอยสักที่เพิ่งไอเสร็จที่อยู่ตรงหน้า
ผู้ชายมีรอยสักตกตะลึงเล็กน้อย หันตัวมาพร้อมกับปากที่ยังคาบบุหรี่อยู่ เขามองสวี่ชิงหล่าง ด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความลามกแล้วพูดว่า “น้องชาย เมื่อกี้ฉันอยากจะพูดพอดีว่า นายหน้าตาดีมาก ไปศัลยกรรมกลับมาจากประเทศไทยใช่ไหม”
“…” สวี่ชิงหล่าง
“น้องชาย มีอะไรเหรอ หรือว่าจะมาเก็บเงินหนึ่งร้อยหยวน ฉันจะบอกนายก่อนนะ เถ้าแก่ของพวกนายพูดเองว่าให้ฟรี นายอย่าคิดจะมาเอาเงินจากฉัน พวกนายเปิดร้านทำธุรกิจ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความซื่อสัตย์จริงใจไม่ใช่เหรอ”ผู้ชายมีรอยสักทำท่าเหมือนฉันเจ๋งมาก
“ไม่มีอะไร แค่ออกมาพูดกับคุณว่าราตรีสวัสดิ์” สวี่ชิงหล่างสะบัดหน้าหมุนตัวกลับอย่างเป็นธรรมชาติ กลับเข้ามาในร้านหนังสือโดยไม่ได้พาใครกลับมา
ราตรีสวัสดิ์เหรอ
ผู้ชายมีรอยสักตะลึงเล็กน้อย พลางคิดในใจว่าผู้ชายคนนี้ชอบตัวเองหรือเปล่า แต่ตัวเองเป็นคนปกตินะ ทว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาสวยมาก หากจะเผลอใจเล็กน้อยใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เป็นผู้ชายสามารถพลิกแพลงได้ไม่ใช่เหรอ
ผู้ชายมีรอยสักสร้างสีสันให้ตัวเองไม่หยุด แต่ดันไม่รู้ว่าเพราะความปากเสียของตัวเอง ทำให้เขาสูญเสียฟางช่วยชีวิตเส้นสุดทท้าย
โจวเจ๋อเห็นสวี่ชิงหล่างเดินออกไปและกลับมาเร็วมาก จึงถามด้วยความแปลกใจ “เป็นอะไร”
“ไม่มีอะไร” สวี่ชิงหล่างเดินมาข้างหลังเคาน์เตอร์ ผสมค็อกเทลให้ตัวเอง “ขี้เกียจช่วยเขา”
“อ้อ” โจวเจ๋อขานรับหนึ่งทีและไม่พูดอะไร
ไม่ใช่เพื่อนไม่ใช่ญาติ หากมองคุณแล้วสบายตาก็ช่วยคุณสักหน่อย ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย หากมองคุณแล้วขัดตาก็ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ จะหาว่าใจร้ายก็ไม่ได้
อันที่จริงตอนแรกเหล่าสวี่เป็นคนที่คิดบวกมากคนหนึ่ง ตอนนั้นเคยโน้มน้าวโจวเจ๋อให้ช่วยคน และโจวเจ๋อในตอนนั้นก็รำคาญเขามาก ตอนนี้เป็นอย่างไรล่ะ สวี่ชิงหล่างไม่เพียงแต่ใช้ชีวิตไปวันๆ เหมือนโจวเจ๋อเท่านั้น แม้แต่ด้านนี้ก็ยังนิ่งเฉยเป็นอย่างมาก
อาจจะเป็นเพราะว่าเห็นวิญญาณและเรื่องน่าเศร้าของพวกเขามาเยอะแล้ว ไม่ว่าเรื่องใด เมื่อเจอมากๆ เข้าก็ชินชา
การแข่งขันครึ่งแรกทีมทงเฉิงจืออวิ๋นเสียประตูไปสองแต้ม ทำให้ผู้ชมที่อยู่ที่นี่หายไปเกือบครึ่งหนึ่ง และคนส่วนใหญ่จริงๆ แล้วก็แค่อยากมาร่วมชมความคึกคักเท่านั้น และอาศัยสัญชาตญาณส่วนตัวที่ชื่นชอบทีมบ้านเกิดของตัวเอง แต่หลังจากที่ดูครึ่งแรกแล้วเสียสองประตู อีกทั้งยังเป็นทีมในลีกที่ต่ำกว่าสู้กับทีมในไชนีสซูเปอร์ลีก ทุกคนรู้สึกว่าหมดหวัง จึงไม่อยากดูแล้ว
ทว่าคนวัยกลางคนสองคนที่นั่งอยู่ถัดไปจากโจวเจ๋อกลับดูอย่างสนุกสนานอยู่ตลอดเวลา คนหนึ่งใส่เสื้อเชิ้ตสีแดงนั่งดูอยู่ตรงนั้นไม่พูดสักคำ ส่วนอีกคนหนึ่งจับไม้เท้า ถือกระเป๋าเอกสารใบหนึ่งอยู่ในมือพิงอยู่ข้างๆ เคาน์เตอร์
ทั้งสองคนไม่นับว่าอายุมาก ดูท่าแล้วน่าจะอายุประมาณสี่สิบปี
“หมดหวังแล้ว หมดหวังแล้วละ” ผู้ชายวัยกลางคนที่ถือไม้เท้าอยู่ในมือพูดพลางถอนหายใจอย่างเสียดาย
ผู้ชายวัยรุ่นสองคนที่อยู่ข้างๆ จึงขึงตามองเขาอย่างไม่ค่อยพอใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกว่า พวกคุณจะเลิกดูตอนนี้ก็ไม่เป็นไร แต่คุณกลับมาบ่นตรงนี้มันน่ารำคาญมาก
ผู้ชายวัยกลางคนก็ไม่ได้โกรธ แล้วดื่มค็อกเทลที่อยู่ในมือของตัวเองต่อ นี่คือค็อกเทลราคาเก้าสิบแปดหยวนหลังจากผู้ชายวัยกลางคนเข้ามาแล้วได้ถามราคาโดยเฉพาะ รู้สึกว่าสั่งน้ำเย็นจะไม่ได้ต้นทุนคืน แต่ถ้าสั่งเครื่องดื่มนี้จะคุ้มค่ากับราคาขั้นต่ำที่สุด นับว่าไม่ขาดทุน
อันที่จริงเขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างละเอียดรอบคอบ คนประเภทนี้ยอมเข้ามาในร้านขี้โกงที่ต้องจ่ายเงินขั้นต่ำหนึ่งร้อยหยวน ถือว่าน่าแปลกใจอยู่บ้าง
ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่ทำงานได้ผ่านมาแถวนี้และเห็นการออกอากาศการแข่งขันอยู่ในนี้พอดี จากนั้นจึงเดินเข้ามาในร้านโดยไม่รู้ตัวแล้วนั่งลง
“เพิ่งเสียไปสองประตู ไม่เท่าไรหรอก” โจวเจ๋อพูด
เถ้าแก่โจวไม่ใช่แฟนบอล แต่การแข่งขันครึ่งแรกเขาได้ดูแล้วเหมือนกัน ทั้งสองทีมจริงๆ แล้วก็ผลัดกันเตะไปเตะมา ทว่าทีมทงเฉิงโชคไม่สู้ดี ถูกทีมจากไชนีสซูเปอร์ลีกทีมนั้นยิงเข้าไปก่อนสองประตู ความจริงแล้วมีโอกาสเท่าเทียมกัน
“ไม่เหมือนกันๆ” ผู้ชายวัยกลางคนจิบค็อกเทลหนึ่งที แล้วอธิบายเหมือนนักบรรยายฟุตบอลมืออาชีพ “จริงๆ แล้ว ทีมจากไชนีสซูเปอร์ลีกเตะกับทีมจากไชน่าลีกทูยากที่จะปรับตัวให้เหมาะสมในช่วงแรกอยู่บ้าง
เพราะว่าข้อกำหนดของสมาคมฟุตบอลจีน การแข่งขันของไชน่าลีกทูห้ามมีนักเตะต่างชาติ ทั้งหมดล้วนเป็นนักฟุตบอลจีน แต่ไชนีสซูเปอร์ลีกมีนักเตะต่างชาติ และเงินทุนที่เข้ามาในไชนีสซูเปอร์ลีกในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ ตัวช่วยจากต่างประเทศนับวันจึงยิ่งแข็งแกร่งขึ้น กระทั่งนักเตะคนดังในปีนี้ก็ยังซื้อมาได้
ดังนั้นทีมในไชนีสซูเปอร์ลีกไม่ว่าจะเป็นตอนแข่งขันหรือตอนฝึกซ้อม ล้วนพึ่งพานักเตะต่างชาติอย่างหนัก คราวนี้นักเตะต่างชาติถูกถอดออก จึงรู้สึกไม่ค่อยชินเล็กน้อย และเป็นเพราะว่าทีมในไชน่าลีกทูขาดนักเตะต่างชาติ ดังนั้นปกติเตะอย่างไรก็เตะแบบนั้น แต่กลับร่วมมือกันได้ดียิ่งขึ้น
ดังนั้นครึ่งแรกจึงเป็นกุญแจสำคัญของการพลิกล็อก หลังจากผ่านครึ่งแรกไป ทีมจากไชนีสซูเปอร์ลีกก็จะปรับตัวกับการไม่มีนักเตะต่างชาติได้ บวกกับนักเตะคนจีนของทีมจากไชนีสซูเปอร์ลีกก็มีความสามารถเหนือกว่าทีมจากไชน่าลีกทู การเตะครึ่งหลังของพวกเขาจะดียิ่งกว่าการเตะในครึ่งแรก ตอนนี้ปัญหามาแล้ว โอกาสที่ดีที่สุดในครึ่งแรกทีมจากไชน่าลีกทูกลับพลาดท่าไปสองประตู พวกเขาจึงยิ่งไม่มีโอกาสในการการเตะครึ่งหลัง และทีมจากไชนีสซูเปอร์ลีกทีมนี้ก็มารักษาแชมป์เอฟเอคัพจีนสมัยที่แล้วด้วย ดังนั้นพวกเขาจะไม่ประมาทง่ายๆ แน่นอน”
ผู้ชายวัยกลางคนวิเคราะห์รวดเดียว แต่ได้รับการพยักหน้าเงียบๆ จากโจวเจ๋อเท่านั้น ทันใดนั้นเขารู้สึกว่ายังไม่หนำใจจึงพูดต่อ “เถ้าแก่ เชื่อผม เกมนี้แพ้แล้ว คุณดูเด็กหนุ่มกลุ่มนี้ ก็แค่หลับหูหลับตาเชียร์เท่านั้น”
โจวเจ๋อไม่พูดอะไร และบังเอิญว่าสวี่ชิงหล่างได้ผสมค็อกเทลให้ตัวเองหนึ่งแก้วพอดี โจวเจ๋อจึงผลักไปให้ผู้ชายวัยกลางคน
ผู้ชายวัยกลางคนรับมาพลางหัวเราะเหอะๆ โดยไม่เกรงใจแล้ว ดูเหมือนว่าจะดื่มเหล้าเยอะไปนิด ผู้ชายวัยกลางคนใช้มือทุบขาเป๋ของตัวเองไม่หยุด
“เมื่อก่อนเป็นนักกีฬาเหรอ” โจวเจ๋อถาม
“เฮ้ย ยังจะยิงเข้าได้อีก” ผู้ชายวัยกลางคนแปลกใจอยู่บ้าง
ผ่านไปไม่ถึงสามนาที เสียงเชียร์ดังขึ้นอีกครั้ง ตีเสมอแล้ว! คะแนนเท่ากันแล้ว!
ผู้ชายวัยกลางคนลุกขึ้นพรวดด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
“ล้มบอลเหรอ” โจวเจ๋อถาม
“ไม่ ไม่น่าใช่ และเป็นไปไม่ได้ ทีมจากไชนีสซูเปอร์ลีกเป็นไปไม่ได้ที่อยากแพ้ เบื้องหลังของมันมีกลุ่มทุนใหญ่คอยสนับสนุน ไม่สนใจเงินพนันเล็กน้อยแค่นี้หรอก”
เวลานี้เด็กหนุ่มสองสามคนที่อยู่ในร้านหนังสือร้องให้กำลังใจว่าสู้ๆ ไม่หยุด ลุ้นให้ยิงเข้าไปอีกหนึ่งประตู จากนั้นก่อนการแข่งขันใกล้จะสิ้นสุดลง ทีมทงเฉิงกลับยิงเข้าไปอีกหนึ่งประตู กลายเป็นขึ้นนำหนึ่งประตู และท้ายที่สุดก็ได้สลัดทีมจากไชนีสซูเปอร์ลีกที่มีระดับเหนือตัวเองสองขั้นออกไป สร้างปาฏิหาริย์เกิดการพลิกล็อกของการแข่งขัน
ผู้ชายวัยกลางคนเม้มปากแล้วหัวเราะกับโจวเจ๋อ จากนั้นจึงถือไม้เท้าเดินโขยกเขยกออกจากร้านหนังสือ
โจวเจ๋อไม่คิดเงินเขา เขาเองก็ไม่ได้จ่ายเงิน เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง คนอื่นในร้านหนังสือก็ออกไปหมดแล้ว ทว่าคนที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีแดงคนนั้นยังนั่งอยู่ตรงนั้นตลอด และตลอดการแข่งขัน เขาก็ไม่ได้ส่งเสียงเชียร์ใดๆ แต่นั่งดูอยู่ตรงนั้นอย่างจริงจัง
“เฮ้ ถึงเวลาเดินทางแล้ว” โจวเจ๋อยื่นมือตบไหล่ของอีกฝ่าย “ก่อนจะเดินทางไปปรโลกให้คุณดูการแข่งขันฟุตบอลหนึ่งนัดฆ่าเวลา ผมดีกับคุณไม่น้อยใช่ไหมล่ะ”
ผู้ชายเสื้อเชิ้ตสีแดงตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า จากนั้นจึงมองโจวเจ๋อ แล้วพูดอย่างตะกุกตะกัก “ผู้รักษาประตูที่คนขาเป๋พูดถึงก่อนหน้านั้น ก็คือผม”
โจวเจ๋อได้ยินแล้วจึงแปลกใจเล็กน้อย
“ปีนั้น ผมกับเจ้ามือพนันอีกคนเล่นตลบหลังเจ้ามืออีกเจ้า เจ้ามือขัดผลประโยชน์กันเอง ตอนเริ่มเกมผมปล่อยให้นักเตะต่างชาติของอีกฝ่ายยิงเข้าสองประตู แต่ใครจะไปรู้ว่าไอ้หมอนั่นจะส่งลูกเก่งมาก ส่งจนทำคะแนนนำได้ เหอะๆ สุดท้ายลูกยิงของเขาลูกนั้นกลับช้าและอ่อนแรงมาก ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่แกล้งทำเป็นล้มเพื่อให้ลูกบอลลูกนั้นเข้าไป”
“พวกคุณแข่งขันฟุตบอลหรือว่าเล่นหักเหลี่ยมเฉือนคมกัน” โจวเจ๋อพูดไม่ออก จากนั้นถามว่า “แล้วคุณตายยังไง”
“ถูกรถชนตาย” ผู้ชายเสื้อเชิ้ตสีแดงส่ายหน้าอย่างจนใจ “ผมปลดประจำการทหารได้สิบกว่าปีแล้ว มีช่วงหนึ่งขับรถอยู่บนถนน เห็นเด็กนักเรียนชั้นประถมเตะบอลอยู่ข้างทาง แล้วลูกบอลได้ลอยมาชนกับหน้าต่างรถของผมพอดี ผมตกใจมาก จึงหมุนพวงมาลัยผิดทางขับรถย้อนศร จากนั้นจึงถูกรถชน
ความจริงแล้วเป็นอุบัติเหตุเล็กๆ และรถบัสเล็กที่อยู่ตรงข้ามก็ขับช้ามาก ช้ามากจริงๆ ไม่เร็วเลยสักนิด ศีรษะของผมโดนกระแทกเล็กน้อย ตอนแรกที่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลก็ไม่เป็นอะไร จากนั้นหนึ่งวันก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาลก็ตายแบบไม่รู้สาเหตุ เหมือนจะตายเพราะสมองถูกกระทบกระเทือน คุณคิดว่าตลกไหม”
………………………………………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล